พจนานุกรม ฉบับแชทรูมนิยม

พจนานุกรม ฉบับแชทรูมนิยม

พจนานุกรมฉบับแชทรูมนิยมนี้ เป็นการรวบรวมคำศัพท์ภาษาไทยดัดแปลงและภาษาต่างชาติที่ดัดแปลงเป็นภาษาไทยดัดแปลง (เอ๊ะ...ยังไง?) ศัพท์ที่ใช้อ้างอิงในพจนานุกรมฉบับนี้ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าแต่ละคำนั้นเริ่มใช้ครั้งแรกบนโลกเมื่อวัน เดือน ปีอะไร และใครเป็นผู้บัญญัติ จากการค้นคว้าทางประวัติศาสตร์พบหลักฐานแต่เพียงว่าคำศัพท์ส่วนใหญ่นั้นเพิ่งถูกคิดค้นช่วงหลังยุคกึ่งพุทธกาลมานี้เอง และเฟื่องฟูสุดขีดในยุคที่อารยธรรมอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตคนไทยเราทุกวันนี้ (และดูท่าจะเฟื่องฟูไปได้อีกนานเอาการ)

ผมจะขอนำเสนอคำศัพท์แต่เพียงบางส่วน หากแปลคำผิดพลาดก็ขออภัยด้วยพจนานุกรมนี้ไม่ได้มีเจตนาส่งเสริมการใช้ภาษาวิบัติแต่อย่างใด แต่แค่เพื่อให้ได้รู้ว่ามีศัพท์ใดบ้างที่เป็นคำดัดแปลงเท่านั้น 


หมวดอักษร ก 

กิ๊ก          หมายถึงเพื่อนสนิทต่างเพศ (ตามเจตนาบริสุทธิ์) หรือคู่ขาต่างเพศ (ตามเจตนาไม่บริสุทธิ์) เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ยั่งยืน ขึ้นอยู่กับความพอใจของทั้งสองฝ่าย และไม่สามารถออกหน้าออกตาได้เต็มที่เท่าแฟนหรือคู่สมรส

เกรียน      บุคลที่แสร้งอวดภูมิให้ผู้อื่นเห็นแต่ไม่รู้จริง บุคคลที่ก่อกวนหรือดูถูกผู้อื่นโดยไร้เหตุผล ศัพท์นี้ถูกค้นพบครั้งแรกในกระดานสนทนาอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับเกมส์ออนไลน์ โดยใช้เปรียบเทียบทัศนคติของผู้เล่นส่วนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กนักเรียนชายตัดผมสั้นเกรียนและมีพฤติกรรมดังกล่าวเป็นประจำ อาทิ เช่น คิดว่าตัวเองเก่งและถูกไปทุกอย่าง ไม่ฟังเหตุผลของใครนอกจากความต้องการของตัวเอง ชอบเรียกร้องความสนใจด้วยความก้าวร้าวและอารมณ์ ไม่คำนึงถึงมารยาทในสังคม มักรวมกลุ่มกันเองตามรสนิยมที่ตรงกัน บุคคลบางคนต้องการแสดงออกให้ผู้อื่นเห็นและยอมรับเพื่อให้ได้เป็นผู้นำ ซึ่งในวงการเรียกว่า "เทพเกรียน" หรือ "เกรียนเหนือเกรียน"   

กิ๊บเก๋      
(ศัพท์นี้เก่าแล้ว) เป็นการแต่งเติมคำว่าเก๋ให้ดูอลังการงานสร้างยิ่งขึ้น แต่ความหมายคือเก๋เช่นเดิม ศัพท์นี้มีบางท่านท้วงว่าหมายถึง เก๋แบบที่ไม่มีใครเสมอเหมือนได้ด้วย ในวงการลักเพศอาจเพิ่มคำให้ดูอลังการขึ้นไปอีกขั้น คือคำว่า "กิ๊บเก๋ยูเรก้า" เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงท่านนักปราชญ์อาร์คิมิดิสสืบไป

กรู           ดัดแปลงมาจากภาษาเก่าแก่ยุคสุโขทัยว่า "กู" แต่เนื่องจากระบบคัดกรองคำในอินเทอร์เน็ตยุคปัจจุบันฉลาดพอที่ไม่อนุณาตให้แสดงคำนี้ แต่วัยรุ่นของเราก็ฉลาดกว่าอีกนั่นแหละ ด้วยการดัดแปลงคำใส่พยัญชนะ "ร" เข้าไปเป็นคำควบกล้ำโดยได้น้ำเสียงคล้ายของเดิมอยู่ ปัจจุบันได้แพร่หลายไปที่ศัพท์อื่นๆด้วย เช่น มรึง ตรีน ขรี้ เป็นต้น   


หมวดอักษร ข

ขำขำ       
คำนี้แปลตรงตัวยากพอสมควรแต่อาจหมายถึงการกระทำที่ไม่จริงจัง ผ่อนคลาย ทำแบบสบายๆ กันเอง ไม่มีอะไรน่าเครียด น่ากังวล สอดคล้องเล็น้อยกับคำว่า จิ๊บจิ๊บ


หมวดอักษร จ

แจ่ม        
หมายถึงความรู้สึกพอใจในลักษณะของสิ่งที่ได้เห็นจนเป็นคำอุทาน เช่น "โอ้โห สาวเทคนิคที่นี่แจ่มๆ กันทั้งนั้นเลย" หรือ "ไปเที่ยววัดบนภูเขามา วิวแจ่มมากๆ" บางคนใช้คำว่า "แหร่ม" แทนก็มี

จิ๊บจิ๊บ        หมายถึงเรื่องเล็กๆที่ไม่น่าใส่ใจหรือไม่น่าจะมีผลอะไรกับตัวเองนัก หรือเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ทำได้ง่ายๆ เช่น "โธ่เอ๊ย ให้ตำน้ำพริกแคนี้เองเหรอ จิ๊บๆ"


หมวดอักษร ช

ช่างกล้า
    
มักใช้เรียกชาย หญิง กะเทย เกย์ ทอม ดี้ ฯลฯ ที่แสดงความกล้าท้าแดดเกินความคิดของคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นความกล้าสดงออกที่ถูกหือผิดกาลเทศะก็ตาม โดยมากผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นคน "ช่างกล้า" นั้นจะรู้สึกพอใจมากหากต้องการญาติดีกับคนเหล่านี้ชมเขาบ่อยๆ ว่าช่างกล้าเถิดจักเกิดผลเมตตามหานิยมดีนักแล

ชิซูกะ       (คำญี่ปุ่น) หมายถึง ตะกละ อาจเกิดจากการที่ไม่กล้าด่ากันตรงๆ จึงพยายามหาคำพ้องเสียงแบบอ้อมๆ เช่น "แหม...เธอนี่ชิซูกะจริงๆ กินหมูเห็ดเป็ดไก่ไปกี่จานแล้ว" ไม่ได้หมายถึงชิซูกะ เพื่อนของโนบิตะแต่อยางใด ดังนั้นหากมีใครมาบอกว่าคุณเป็นชิซูกะก็อย่าได้เข้าใจผิดคิดว่าเขาชมให้เป็นนางเอก เขาไม่เรียกว่า ชิวาว่า ก็ดีเท่าไหร่แล้ว

ชิมิฮะ       มาจากคำว่า "ใช่ไหมฮะ" จุดประกายโดยบทสนทนาในโฆษณาชาเขียวยี่ห้อหนึ่งที่มีนักแสดงปล่อยประโยคเด็ดออกมาว่า "อยากรวยชิมิฮะ" จนผู้คนหลายคนเผลอตอบ "ฮ่ะ" อยู่ตรงหน้าจอโทรทัศน์ สุดท้ายถูกนำไปใช้พอสมควรในแวดวงอินเทอร์เน็ต...ชิมิฮะ

ชิวชิว       แปลว่าสบายๆ ง่ายๆ ธรรมดาๆ บรรยากาศเป็นกันเอง เช่น ตอนเย็นบรรยากาศร้านอาหารริมน้ำดีมาก หนุ่มสาวต่างมานั่งทานข้าวชิวชิวกันหลายคู่


หมวดอักษร ซ

ซกมก     
(ศัพท์นี้เก่าแล้ว) แปลว่าสกปรกและซอมซ่อ เช่น คนนี้ซกมกไม่ชอบอาบน้ำ มีขี้เหงื่อขี้ไคลติดตัวน่ารังเกียจ บางทีก็ใช้คำว่าอะเฟรดแทนได้ซึ่งเป็นศัพท์ที่เก่าแล้วเช่นกัน (โปรดอ่านคำว่า อะเฟรด ที่หมวดอักษร อ)

เซ็งเป็ด     หมายถึงอาการเซ็งเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ตรงกับที่คิดไว้ เช่น อยากไปเที่ยวแต่ฝนตกก็อาจบ่นว่าเซ็งเป็ดกัน บุคคลที่เซ็งเป็ดอาจมีคำอุทานเฉพาะตัวด้วยว่า "ไรว้า..." (โปรดอ่านคำว่า ไรว้า ที่หมวดอักษร ร)
 
ซุงแหล     เขาว่ากันว่าเป็นขั้นกว่าของคำว่า ตอแหล เข้าใจว่าเป็นอาการตอแหลขั้นร้ายแรง จึงต้องขยายจากตอไม้เป็นขอนไม้ ขอนไม้ขายเป็นซุง และวิวัฒนาการกลายเป็นซุงแหลในที่สุด วัยรุ่นหลายคนชอบมีชื่อเกาหลีเป็นชื่อจัดตั้ง แต่หากมีใครเรียกคุณว่า กวน ติน ซุง ขออย่าเพิ่งด่วนดีใจไป เพราะคำว่าซุง อาจมาจากคำว่า ซุงแหล นี้เอง


หมวดอักษร ด

เด็กแว้นต์
    หมายถึงกลุ่มเด็กและวัยรุ่นชายหญิงที่มีรสนิยมขับขี่รถซิ่งบนถนนกวนบ้านกวนเมืองไปวันๆ คำว่าแว้นต์หรือแว้น สันนิษฐานว่ามาจากเสียงเครื่องยนต์เวลาเบิ้ลเครื่องจะดัง แว้น แว้นนนบางทีอาจตามด้วยเสียง เอี๊ยดดด...โครม ปี้ป่อๆๆ อนิจจังวัฏสังขารา...ฯลฯ เด็กแว้นต์มักจะประดับบารมีด้วยการแต่งรถและมีเด็กสกอยต์ซ้อนท้ายรถไปด้วย (โปรดดูคำว่าสกอยต์ด้านล่าง)

เด็กสก็อยต์  หมายถึงเด็กสาวที่ทำตัวเป็นตุ๊กตาซ้อนท้ายรถเด็กแว้นต์ นิยมแต่งกายด้วยชุดวาบหวิวประหยัดเนื้อผ้า แต่งหน้าจัดเข้าขั้น "ตะไบ" (โปรดดูคำว่าตะไบด้านล่าง) เช่น เสริมขนตาปลอมชนิดกันลมได้ ปัดแก้มแดงแปร้ด และกอดเด็กแว้นต์แน่นราวกับปาท่องโก๋ขณะที่ซิ่งท้านรกไปด้วยกัน บางท่านสันนิษฐานรากศัพท์คำว่าสก็อยต์มาจากคำว่า กระโปรงลายสก็อตที่เด็กๆ เหล่านี้ชอบใส่บวกกับคำว่า ไก่หลง สก็อตบวกไก่ ก็กลายเป็น สก็อยต์ ด้วยประการฉะนี้เอย

เด้ง            ว่ากันว่าคำนี้ใช้เรียกหญิง (หรือชายที่พยายามทำตัวเป็นหญิง) ที่มีความสวยมาก คนที่เป็นเจ้าของคำจำกัดความของคำว่าเด้ง มักจะมีลักษณะทางกายวิภาคศาสตร์ที่สวยใส ผิวขาวเด่นเป็นพระจันทร์วันเพ็ญลมเย็นชายทุ่งผ้าถุงสามสี สันนิษฐานว่า คำศัพท์นี้มาจากกาเปรียบเปรยกับลูกชิ้นหมูโฮเด้ง สังเกตที่ผิวลูกชิ้นจะนวลเกลี้ยงเทียบได้กับแก้มสาว หญิงใดถูกชมว่าเป็นสาวเด้งนั้นก็สมควรแก่การภูทิใจต่อตนเองได้ว่าผิวหน้าเราก็มีดีเหมือนลูกชิ้นหมูนะจะบอกให้


หมวดอักษร ต

ตะไบ
         
  หมายถึงการเสริมสวยของเหลาสาวๆ และชายหนุ่มที่อยากเป็นสาว โดยมากใช้ในคนที่ไม่สวยแต่พยายามอย่างที่สุดที่จะแต่งให้สวย เปรียบเทียบได้ว่าแทบจะตะไบหน้าลบเหลี่ยมลบคางกันเลย


หมวดอักษร ธ

ธามาดา       
มาจากคำว่าธรรมดา คาดว่ามาจากการออกเสียงให้ฟังดูจงใจยานคาง เช่น "ธามาด๊า...ธามาดา" ปัจจุบันมีนักเขียนชาวไทยคนหนึ่งทะลึ่งนำคำนี้ไปใช้เป็นนามปากกาของตัวเองอยู่ ไม่รู้คิดได้ยังไง


หมวดอักษร น

เนียน           หมายความถึงการกระทำใดๆ ด้วยความแนบเนียนหรือแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ฉวยจังหวะช่วงชุลมุนเพื่อกระทำการบางอย่างให้สำเร็จ เช่น ระหว่างที่นายต้อมกำลังทำอาหารอยู่ นายต่ายก็ทำเนียนเข้ามาชวนคุยด้วย และแอบหยิบทอดมันกินไปด้วยหลายชิ้น

นอย            งงละซี่...คำนี้ย่อมาจากคำอังกฤษว่า พารานอยต์ เทียบได้กับพวกคนที่มีอาการหวาดระแวงหรือกังวลโน่นนี่ตลอดเวลา นักคิดว่างงานบางท่านจึงฟันธงว่าสัตว์ทีมีความหวาดระแวงสิ่งรอบข้างมากที่สุดในโลกนอกจากคนแล้วยังมีมดตะนอยอีกด้วย หากถามเหตุผลว่าเพราะอะไร นักคิดเหล่านี้จะตอบสั้นๆว่า "ดูแค่ชื่อก็รู้แล้ว"


หมวดอักษร ป

เป๋า             
เป็นศัพท์ย่อมาจากคำว่ากระเป๋า บางคนก็สลับคำให้เพี้ยนเป็นปาเก๋าแต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมแพร่หลายนักเพราะไปพ้องกับคำว่า ปลาเก๋า ปลาทะเลแสนอร่อย (และราคาแสนแพง) หากฝากเพื่อนไปซื้อกระเป๋าด้วยภาษาเช่นนี้ ขากลับเพื่อนอาจพาซื่อซื้อปลาเก๋าแช่น้ำแข็งมาจากตลาดจริงๆ ก็ๆได้ และอาจทำให้เกิดอาการเซ็งเป็ดต่อไป

ปะเกง          มาจากคำว่ากางเกง นักวิชาการด้านภาษาวิบัติสันนิษฐานว่าเป็นการเพี้ยนศัพท์ในลักษณะเดียวกับคำว่าปาเก๋า เอ๊ย...กระเป๋า

ปาดหน้าเค้ก  เป็นคำเรียกเวลาที่เพื่อนของเราแย่งโอกาสไปจากมือของเราเสียเอง โดยมากก็ใช้เวลาคนที่เราหมายปองอยู่ถูกเพื่อนทำเนียนแย่งไปจีบเสียเอง (ประมาณนี้แหละ วัยรุ่นโดยมากไม่ค่อยมีเรื่องราวอะไรไกลกว่านี้แล้วล่ะ) บางท่านจะใข้คำว่า "เพื่อนเรา เผาเรือน" หรือ "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" ก็ได้


หมวดอักษร พ  

พระเจ้าช่วยกล้วยทอด  นับเป็นโคตรของคำอุทานทั้งมวล มักใช้อุทานอะไรที่เหนือความคาดหมายมากๆ ถึงมากที่สุด โดยมากผู้ใช้ศัพท์นี้มักเป็นชายเต็มตัวเป็นตุ๊ดเต็มใจ บางท่านไม่ชอบของทอดอาจเปลี่ยนเป็นพระเจ้าช่วยกล้วยปิ้งได้ตามรสนิยมนะฮะ


หมวดอักษร ฟ

เฟค           
 (คำฝรั่ง) มาจากคำว่า Fake แปลว่าแกล้งพูด หรือ แกล้งทำให้เข้าใจเป็นอย่างอื่น ไม่จริงใจ สร้างภาพ หลอกลวง กลบเกลื่อน เช่น "ฤดีศรีทำทำท่าเหมือนรักเขา แต่จริงๆแล้วเฟคทั้งเพ หล่อนหวังมรดกเขาต่างหาก"


หมวดอักษร ม

มะ             
แปลว่า "ไม่" คำเดียวสั้นๆ บางท่านแปลงเสียงเป็นคำว่า มะ เผื่อว่าจะช่วยให้ตัวเองดูกุ๊กกิ๊กน่ารักขึ้น ลองนึกภาพสาววัยใสพูดคไว่ มะอาว มะรุ มะเถิก มะจ้อบ (ไม่เอา ไม่รู้ ไม่ถูก ไม่ชอบ) ท่านอาจจะงงในช่วงแรกได้

เม้ง             (ศัพท์ดังในอดีต) แปลว่า งอน ไม่ลงรอยกันแบบขำๆ (โปรดดูคำว่า ขำๆ ในหมวดอักษร ข) เดี๋ยวก็กลับมาดีกันเอง มักใช้ในหมู่แฟนกันหรือเพื่อนสนิท เช่น "ศรีกับสันต์ไม่น่าเม้งกัยเลยนะ เรื่องเล็กแค่นี้เอง"

มิแซ่บเว่       คำนี้ดูเหมือนเป็นภาษาต่างด้าว แต่จริงๆ มาจากคำว่า "ไม่ทราบว่า" ทุกท่านโปรดรับแซ่บ


หมวดอักษร ว 

วอทแซ่บ     (คำฝรั่ง) มาจากคำว่า What's up แปลว่า เกิดอะไรขึ้น,มีอะไรขึ้น(ถ้าเป็นคำใต้ เรียกว่า 'หว่าพรื้อ' คำเหนือเรียก 'เยียะหยัง' คำอิสานเรียก 'อิหยัง') วัยรุ่นที่ชอบเรียกคำฝรั่งทับศัพท์สั้นๆ จึงแปลงเป็นคำว่า วอทแซ่บ ในที่สุด อืม...เล่นง่ายนะนี่นะ 

วี              เชื่อว่าคำๆนี้แปลยากที่สุดในพจนานุกรมเล่มนี้แล้ว เป็นอาการที่บุคคลหนึ่งไม่พอใจอีกบุคคลหนึ่ง จนแสดงอาการให้เป็นที่รับรู้ อาการก็มีหลายระดับแล้วแต่ ความแรงของผู้แสดงออก เช่น ไม่ยอมคุยหรือสบตาด้วย มองด้วยหางตาเหยียดหยาม พูดจากระทบกระเทียบ ขับไล่ไสส่ง ขอบเขตของวีนจะมีเพียงเท่านี้ ไม่ทำให้ใครเจ็บตัว แต่เจ็บใจนั้นมีแน่ๆ เป็นรูปลักษณ์หนึ่งของสงครามประสาท ส่วนอาการของผู้ถูกวีนก็มีหลายระดับ (แล้วแต่ความเขี้ยวในการรับมือ) ตั้งแต่เฉยๆ ตอบกลับอย่างแสบสันต์ (แบบละครช่อง 3 และ 7) หงุดหงิดรำคาญใจ เสียดแทงใจ เจ็บจี๊ดที่ใจ อยากกระโดดเข้าไปข่วนหน้าคนที่วีน อยากผลักไอ้คนที่วีนให้ตกคลองหรือสระน้ำ (แบบละครช่อง 3 และช่อง 7) ไปจนถึงอกแตกตายไปเองด้วยความคับแค้นใจ


หมวดอักษร ร  

ร้าก            
หมายถึง หากยามใดที่คุณรู้สึกว่ารักใครเหลือคณา จนคำว่า "รัก" คงอธิบายได้ไม่มากพอก็อาจใส่วรรณยุกต์เพิ่มได้ตามอัธยาศัยเป็นคำว่า "ร้าก" ซึ่งหมายถึงขั้นกว่าของคำว่ารัก แต่บางคนก็รักล้นใจไปมากกว่านั้นก็อาจลากเสียงและเติม "ส์" ต่อท้ายเพิ่มไปอีกแบบภาษาฝรั่ง เช่น ร้ากส์ (รักรุนแรงกว่ารักและร้าก),ร้ากส์ส์ส์ (รักขั้นสุดยอดอภิมหาไส้กรอกสุกรยัดไส้กล้วยบวชชี)

ไรว้า            เป็นคำอุทานแบบเซ็งๆ เมื่อพบกับสิ่งที่น่าผิดหวัง ส่วนใหญ่เพศชายมักพูดคำนี้เวลานัดบอดกับสาวๆ และพบว่าสาวเจ้าหน้าตาไม่เห็นเหมือนรูปที่เคยส่งให้เลย  ไรว้า......!!!


หมวดอักษร ส

สะตอ          สะตอในที่นี้ไม่ได้หมายถึงพืชผักรสเด็ดของชาวใต้ แต่เป็นคำย่อมาจากสะตรอเบอร์รี่ ผลหมากรากไม้ชาวฝรั่ง ใช้แทนคำกล่าวเปรียบเปรยถึงคนที่มีลักษระตอแหล ปลิ้นปล้อน ต่อหน้าพูดและทำอย่างหนึ่ง แต่ลับหลังพูดและทำอีกอย่างหนึ่ง ต่มากลุ่มวัยรุ่นได้มีการปรับคำว่าตอแหลให้นุ่มนวลลงจึงใช้คำพ้องเสียงว่าสตรอเบอรร์รี่แทน และต่อมาก็เรียกสั้นๆ ว่าสะตอในที่สุด

สลิ่ม            หมายถึงบุคคลที่ใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันตัดกันมาก เช่น เขียวกับชมพู (อืม...เหมือนขนมสลิ่มจริงๆด้วย) แต่แถวบ้านบางคนอาจขยายความเรียกคนที่แต่งตัวหรือทำตัวไม่สวยงามผิดกาลเทศะรวมๆกันไปว่า เสร่อ (สะ-เหร่อ) ก็มี

สุดยิด         
หมายถึงสุดยอดไปเลย หรือเป็นที่สุดของที่สุด เช่น ภาพถ่ายนายต่ายเต้นรำจนเป้ากางเกงขาดขนาดนี้สุดยิดจริงๆ บางแห่งนิยมใช้คำว่าสุดตรีนแทน


หมวดอักษร อ

อะเฟรด        (ไม่ค่อยได้ยินในปัจจุบัน) ใช้แทนความหมายบุคคลที่มำตัวน่าขยะแขยง สกปรก หรือโทรมซอมซ่อ จนไม่น่าเข้าใกล้ บางทีใช้แทนคนที่แต่งตัวหรือทำตัวไม่เหมาะสมก็ได้ หรือบางทีใช้แทนคำว่าซกมกก็ได้ (ดูคำว่าซกมกที่หมวดอักษร ซ) บางคนอาจให้นิยามมากกว่านี้ สุดแท้แต่พรรณนากันไป

แอ๊บแบ๊ว       หมายถึงบุคคลที่มีอายุอานามมากแล้วแต่แสร้งทำตัวเหมือนเด็กวัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย การพูดจา การแสดงออก พบมากในหญิงสาววัยใกล้ขึ้นคาน สามารถแยกย่อยได้อีกสองประเภทคือ คนสวยแอ๊บแบ๊ว กับ คนไม่สวยแอ๊บแบ๊ว ถ้าเป็นคนสวยจะเรียกว่าบริหารเสน่ห์ แต่ถ้าเป็นคนไม่สวยจะเรียกว่าทำตัวกระแดะหรือน่ารำคาญก็เป็นได้
โอ                ย่อมาจากคำฝรั่งสั้นๆ ว่า โอเค นั่นแหละ ที่จริงคำว่า โอเค นั้น ลุงแซมอเมริกันย่อมาจาก All correct และเพี้ยนเป็นคำย่อ O.K. แต่พี่ไทยเราฉลาดกว่าด้วยการนำมาย่อแล้วย่ออีกจนเหลือแต่คำว่า โอ ไม่แน่ว่าปีหน้าอาจจะย่อคำได้สั้นกว่านี้อีกตามจิตนาการอันบรรเจิด คำว่าโอ นั้นมีหลายระดับ ตั้งแต่โอเค โอเลย โอมั่กๆ โอที่ซู้ดดด....

โออิชิ           (คำญี่ปุ่น) เดิมทีโออิชิตามภาษาญี่ปุ่นแปลว่าอร่อย แต่สินค้าชาเย็นพร้อมดื่มในบ้านเราเจ้าหนึ่งเอามาตั้งเป็นชื่อยี่ห้อชาเขียว พวกวัยรุ่นได้ทีสวมรอยเล่นง่ายด้วยการใช้เป็นคำแทนอาการชาตามร่างกาย เช่น "ลุกไม่ขึ้นมันโออิชิ นั่งทับขานานไปหน่อย" (ได้ยินเสียงคนบ่นแว่วมาว่า "คิดได้งัยเนี่ย...")

ออนป้า         ฮั่นแน่...คิดว่าเป็นชื่อค่ายเทปละซี่ เสียใจด้วย ออนป้าในที่นี้หมายถึงหญิง หรือชายที่มีใจฝักใฝ่เป็นหญิง ได้กระทำการอุกอาจ โดยการแสดงความเป็นป้าสู้สายตาธารกำนัล ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว การกรีดกรายวางท่า การพูดจา หรืออะไรต่างๆ ในตัวที่ดูเป็นคุณป้ามากกว่าอายุจริง ดูก่อนสหายหญิงท่านใดถูกเรียกด้วยคำว่าออนป้า พึงอย่าได้ระเริงใจว่าเขาจะชวนไปออกเทปเพลง เขาบอกว่าคุณดูเป็นป้าจังเลยต่างหากเล่า

อึ้งกิมกี่         (คำจีน) ใช้แทนอาการอึ้งเมื่อพบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน เช่น "สมใจอึ้งกิมกี่เมื่อเห็นแฟนหนุ่มของเธอกำลังนุ่งกระโจมอกเด็ดอกไม้ในสวนอยู่" หลายครั้งอาการอึ้งกิมกี่อาจชักนำไปสู่อาการเซ็งเป็ดได้ (ดูคำว่าเซ็งเป็ดที่หมวดอักษร ซ) หลายแห่งในประเทศไทยอาจใช้คำว่า เหวอรับประทาน ก็ได้


จากคำดัดแปลงดังกล่าวนี้ อาจมีทั้งคำที่รู้จักและที่ไม่รู้จัก แต่ก็เพื่อให้ได้รู้ไว้ว่าวัยรุ่นมักจะใช้คำเหล่านี้ในการสนทนา หรือการแชทในอินเทอร์เน็ต แล้วแต่การใช้วิจารณญาณของแต่ละคน...

จาก หนังสือขายหัวเราะ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์