พบอนุภาคทองคำในใบยูคาลิปตัส

พบอนุภาคทองคำในใบยูคาลิปตัส


ทีมนักวิจัยของสำนักงานวิทยาศาสตร์ออสเตรเลีย ที่มีชื่อทางการว่า องค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมเครือจักรภพ (CSIRO) ได้ค้นพบอนุภาคทองคำซ่อนอยู่ในใบและเปลือกไม้ยูคาลิปตัสที่ขึ้นในเขตคัลกูร์ลี พื้นที่ห่างไกลในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ซึ่งเคยเป็นแหล่งตื่นทองสำคัญในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษหลังปี 1800


นักวิจัยอธิบายว่า ต้นยูคาลิปตัสที่มีระบบรากแผ่กระจายลงไปในดินได้ลึกถึง 40 เมตร

เพื่อหาความชุ่มชื้นในยามแล้ง ทำหน้าที่คล้ายปั๊มไฮโดรลิก ดูดน้ำที่มีอนุภาคทองคำจากแร่มีค่าที่มักอยู่ลึกจากพื้นดินลงไปราว 30 เมตร เข้าไปในลำต้น แต่อนุภาคทองคำน่าจะเป็นพิษ จึงถูกขับออกไปสะสมที่ใบหรือกิ่งก้าน ซึ่งจะหลุดร่วงจากต้นได้ในเวลาต่อมา


ข่าวนี้สร้างความตื่นเต้นแก่อุตสาหกรรมเหมืองแร่ออสเตรเลียอย่างมาก
 
แต่ไม่ใช่เพราะจะนำไปสู่กระแสตื่นทองครั้งใหม่ เพราะทองคำที่พบมีปริมาณเพียง 1 ใน 5 ของเส้นผ่าศูนย์กลางเส้นผมมนุษย์ มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จะเห็นได้ด้วยการเอกซเรย์คุณภาพสูงเท่านั้น นักวิจัยประมาณว่า ต้องนำใบยูคาลิปตัสอย่างน้อย 500 ใบมาสกัด จึงจะได้ทองคำมากพอจะทำแหวนแต่งงานได้ 1 วง


แต่คุณค่าที่แท้จากผลการศึกษานี้อาจเป็นธรรมชาติเอง เมื่อต้นไม้ที่มีทองคำซ่อนอยู่ จะถูกใช้เป็นตัวบ่งชี้อย่างมีประสิทธิภาพว่าควรสำรวจหาสินแร่ ณ ที่ตรงไหน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแถมลดต้นทุน เพราะสามารถวิเคราะห์หาร่องรอยแร่จากตัวอย่างพืชไม่ต้องขุดเจาะลึกลงไปใต้ดิน


ปัจจุบัน บริษัทเหมืองหลายแห่งที่เป็นสปอนเซอร์การวิจัยชิ้นนี้ ก็ได้เริ่มสำรวจตัวอย่างใบยูคาลิปตัสที่ขึ้นอยู่ทั่วไป เพื่อหาอนุภาคทองคำแล้ว และนักวิจัยเชื่อว่าเทคนิคเดียวกัน ยังอาจนำมาใช้หาแร่โลหะอื่นอย่างทองแดงและสังกะสีได้ด้วย


ออสเตรเลียเป็นผู้ผลิตทองคำใหญ่อันดับสองรองจากจีน
 
ขุดพบแร่ทองคำเกือบ 80 ตันเมื่อปีที่แล้ว แต่การค้นพบแหล่งแร่ทองคำทั่วโลกในทศวรรษที่ผ่านมา ลดลงเกือบครึ่ง คุณภาพก็ลดเช่นกัน  สวนทางกับราคาทองคำที่พุ่งทะยาน บรรดาบริษัทเหมืองจึงพยายามไล่ล่าสำรวจหาแหล่งแร่ที่อยู่ลึกใต้ดินอย่างหนักซึ่งยากต่อการตรวจพบ


สำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ ประเมินในปี 2554 ว่า โลกเหลือทองคำอยู่เพียง 51,000 ตันเท่านั้น ทองคำร้อยละ 60 ถูกนำไปแปรรูปเป็นเครื่องประดับ บางส่วนนำไปใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญด้านอิเล็กทรอนิกส์และการแพทย์


พบอนุภาคทองคำในใบยูคาลิปตัส

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์