พ่อแม่ทำงานเป็นกะ ลูกอาจโตช้า

พ่อแม่ทำงานเป็นกะ ลูกอาจโตช้า


การศึกษาล่าสุด ตีพิมพ์ลงในวารสารการพัฒนาเด็ก (journal of child development) นำความวิตกมายังแม่ที่เป็น แพทย์ พยาบาล หรือผู้ที่ทำงานกลางคืน หรือเปลี่ยนกะอยู่เรื่อยๆ เพราะพบว่า มีเวลาฝึกพัฒนาการลูกแย่กว่าผู้ที่ทำงานปกติชัดเจน


ซึ่งจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดย Han หัวหน้าคณะศึกษากล่าวว่า "เราทราบว่า การทำงานในเวลาผิดธรรมชาติ ทำให้ร่างกายเรามีการปรับ โดยจะมีอาการง่วงนอนในเวลากลางวัน และเมื่อแม่ง่วงนอน ก็ไม่อาจจะสอนอะไรเด็กได้มากนัก"การศึกษา กระทำโดยแบบสอบถามและสังเกต เด็กจากครอบครัว 700 คน ที่แม่ทำงานเต็มเวลา และเด็กอายุภายใน 3 ขวบแรก แบ่งเป็นครึ่งหนึ่งที่แม่ทำงานในเวลากลางวันปกติ อีกครึ่ง แม่ทำงานเป็นกะ หรือทำงานกลางคืน 


พ่อแม่ทำงานเป็นกะ ลูกอาจโตช้า

 พบว่า เด็กที่แม่ทำงานกลางคืน หรือทำงานเป็นกะ มีพัฒนาการ ทางด้านภาษา ความเข้าใจ ความจำ การแก้ปัญหา แย่กว่าเด็กที่แม่ทำงานในเวลาปกติชัดเจน และยิ่งกว่านั้นก็คือ ผลกระทบที่แย่นี้ พอๆกันกับการที่แม่เด็กมีการศึกษาต่ำ หรือแม่มีฐานะยากจน

ผู้หญิงทำงาน บางครั้งมีเวลาน้อยที่บ้าน และมีงานที่จะต้องทำอีกมากมายในลิสต์รายการ และบางครั้ง เวลาไม่พอที่จะทำได้ทั้งหมด ดังนั้น จึงต้องจัดการกับงานที่สำคัญที่สุดก่อน คือเด็ก ๆ ก่อนที่จะทำงานบ้าน เราต้องรู้ว่าเราไม่สามารถทำงานทุกอย่างได้หมด อาจต้องปล่อยงานที่สำคัญน้อยที่สุดไปบ้างเช่น ตัดหญ้า

พ่อแม่ทำงานเป็นกะ ลูกอาจโตช้า

จากการวิจัยพบว่า แม่ที่ทำงานในเวลาผิดธรรมดา มักจะไม่ค่อยให้ลูกไปสถานเลี้ยงเด็ก แต่ในความเป็นจริง สถานเลี้ยงเด็กบางที่ เสริมสร้างพัฒนาการให้เด็กมากกว่าแม่ที่ไม่มีเวลาคุยด้วยเสียอีก ดังนั้น ถ้าหากเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเวลา หรือออกจากงาน การส่งเด็กไปสถานเลี้ยงก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ไม่เลว


แต่ทั้งนี้นั้นคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องพิถีพิถันในการเลือกสถานรับเลี้ยงเด็กที่มีมาตรฐาน และใส่ใจเด็กจริง ๆ ด้วยนะคะ เพราะว่าวัยเด็กนั้นถือเป็นวัยที่สำคัญฯมาก ๆ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่พัฒนาการต่าง ๆ ในร่างกายเขาจะเจริญเติบโต และจดจำได้มากที่สุดค่ะ


ที่มา : thaihealth

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์