รักษาทารกติดเชื้อเอชไอวี ได้เป็นรายแรกของโลก

นักวิจัยเปิดเผยว่า สามารถรักษาทารกหญิงชาวสหรัฐฯ ซึ่งเกิดมาพร้อมเชื้อเอชไอวีได้สำเร็จ โดยใช้ยามาตรฐานสำหรับการรักษาทั่วไป ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาวิธีการรักษาทารกติดเชื้อเอชไอวีที่ดีขึ้นต่อไป

เด็กหญิงชาวรัฐมิสซิสซิปปี ปัจจุบันมีอายุ 2 ขวบครึ่ง หายขาดและหยุดการใช้ยารักษามานานกว่าหนึ่งปีแล้ว โดยไม่มีสัญญาณของการติดเชื้อเพิ่มแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี ยังคงมีความจำเป็นในการทดสอบต่อไป เพื่อศึกษาว่าการรักษาด้วยวิธีเช่นนี้ จะส่งผลอย่างไรต่อเด็กรายอื่นๆ

คณะนักวิจัย นำโดยแพทย์หญิง เดบอราห์ เพอร์ซอด นักวิทยาไวรัส จากศูนย์เด็ก โรงพยาบาลจอห์นส์ฮอปกินส์ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ เผยต่อที่ประชุมประจำปีว่าด้วยเรโทรไวรัสและโรคติดเชื้อฉวยโอกาสครั้งที่ 20 ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ระหว่างวันที่ 3-6 มีนาคมนี้ว่า ได้ให้ยาต้านไวรัสที่มีอยู่ในปัจจุบันแก่ทารกเพศหญิงที่ติดเชื้อเอชไอวีคนหนึ่งหลังจากเธอเกิดมาได้ไม่ถึง 30 ชั่วโมง ทำให้เชื้อไวรัสลดลงถึงระดับที่ร่างกายสามารถควบคุมได้โดยไม่จำเป็นต้องรับการรักษาด้วยยามาตรฐาน เป็นการรักษาระยะยาว เนื่องจากเชื้อไวรัสยังไม่ถูกกำจัดออกจากร่างกายจนหมด ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ที่ชี้ให้เห็นว่า เชื้อเอชไอวีสามารถรักษาให้หายได้ในทารก

คณะนักวิจัยชี้ว่า การให้ยาต้านไวรัสโดยทันทีแก่ทารกแรกเกิดอาจช่วยให้เด็กไม่ต้องกินยาต้านไปตลอดชีวิต เพราะป้องกันไม่ให้ที่หลบซ่อนตัวของไวรัสก่อตัวตั้งแต่ต้น

จนถึงขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีเพียงคนเดียวในโลกที่ได้รับการรักษาจนหายขาดคือนายทิโมธี บราวน์ ชาวอเมริกัน โดยเมื่อปี 2007 เขารับการรักษาเชื้อเอชวีและมะเร็งเม็ดเลือดขาวนาน 5 ปี หลังจากรับการปลูกถ่ายไขกระดูกจากผู้บริจาคที่ร่างกายสามารถต้านเอชไอวีได้โดยธรรมชาติ เป็นผลที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญเนื่องจากจุดประสงค์หลักของการปลูกถ่ายไขกระดูกคือเพื่อรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว

ในทางตรงกันข้าม กรณีของทารกหญิงรายนี้ มีการใช้ยาหลายขนานที่ใช้สำหรับการรักษาเชื้อเอชไอวีในทารก ซึ่งทำให้เชื้อเอชไอวีหมดไปก่อนที่มันจะแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย ทารกหญิงรายนี้ ถือกำเนิดในโรงพยาบาลในพื้นที่ชนบทของรัฐมิสซิสซิปปี ซึ่งมารดาของเด็กเพิ่งเข้ารับการตรวจเชื้อเอชไอวี และเนื่องจากเธอไม่เคยการรักษาเชื้อเอชไอวีก่อนคลอด ทำให้แพทย์ทราบดีว่าเด็กมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ