รื้อแนวกระสอบทรายจนน้ำทะลักเข้าเขตสายไหมอีกรอบ

รื้อแนวกระสอบทรายจนน้ำทะลักเข้าเขตสายไหมอีกรอบ


ขณะที่กรุงเทพฯ ชั้นใน สถานการณ์น้ำท่วมดีขึ้นเรื่อยๆ แต่อีกด้านหนึ่งคือ กรุงเทพฯฝั่งตะวันออก ก็เกิดเหตุซ้ำรอย โดยชาวบ้านในตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี รวมตัวกันไปรื้อแนวกระสอบทรายริมคลอง 6 วา สายล่าง จนน้ำทะลักเข้าเขตสายไหมอีกรอบ

แม้จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก แต่ทีมถ่ายทอดสดกรุงเทพฯตอนเหนือได้เข้าไปทำข่าว ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา โดยชาวบ้านในตำบลลาดสวายนับร้อยรวมตัวกันยื่นข้อเรียกร้องให้ กทม.ยกประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ขึ้น 1 เมตร และขอให้รื้อแนวกระสอบทรายชั้นบนริมคลองพระยาสุเรนทร์ออก เพื่อทำเป็นฝายน้ำล้นจะได้ช่วยระบายน้ำที่ท่วมอยู่ฝั่งตำบลลาดสวายลงบ้าง เนื่องจากถูกน้ำท่วมเมตรกว่ามาเป็นเดือนแล้ว

รออยู่นานก็ไม่มีตัวแทนจาก ศปภ. และ กทม. มารับหนังสือ ชาวบ้านบ้างส่วนจึงเข้าไปรื้อแนวกระสอบทรายริมคลอง 6 วา สายล่างออกเป็นระยะทางประมาณ 10 เมตร ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมถนนเฉลิมพล และถนนสายไหม จากเดิมที่น้ำท่วมสูงประมาณข้อเท้า ขณะนี้ระดับน้ำเพิ่มกว่า 30 เซนติเมตร สูงขึ้นเกือบถึงหัวเข่าแล้ว

ทาง กทม. จึงได้ส่งนายสมภพ ระงับทุกข์ รองปลัด กทม.พร้อมด้วย ผอ.สำนักระบายน้ำ และ ผอ.เขตสายไหม ได้เดินทางไปเจรจากับชาวบ้าน และได้ข้อสรุปร่วมกัน

สรุปคือ ยกประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ ที่เปิดอยู่ 40 เซนติเมตร ยกขึ้น 60 เซนติเมตร เพื่อให้ได้รวม 1 เมตร, ส่วนการทำฝายน้ำล้น และการกำหนดความต่างของระดับน้ำในคลอง 6 วาสายล่าง กับน้ำในฝั่งสายไหม ว่า จะให้ต่างกันเท่าไร รวมถึงมาตรการเยียวยาชาวบ้านในตำบลลาดสวาย จะต้องไปหารือกันอีกครั้งที่ Big C คลอง 4 ในวันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน นี้ เวลาเที่ยงตรง โดยระหว่างนี้ห้ามเจ้าหน้าที่เข้าไปซ่อมแซมแนวกระสอบที่พังเด็ดขาด

ซึ่งชาวบ้านก็ยอมรับในข้อตกลงนี้ จนกระทั่งเวลา 15.45 น.กทม.ยกประตูระบายน้ำขึ้นมาจนครบ 1 เมตร และระดับน้ำหน้าประตูระบายน้ำ คือ ทางฝั่งที่มาจากลำลูกกาลดลงไป 10 เซนติเมตร เหลือระดับความสูงต่างกันอยู่ 50 เซนติเมตร ชาวบ้านก็พอใจและพากันเดินทางข้ามฝั่งกลับไปลำลูกกา

ส่วนสถานการณ์ที่ Big Bag ฝั่งถนนพหลโยธิน ที่ชาวบ้านใน 6 ชุมชน หน้าแนว Big Bag รวมตัวกันไปรื้อเมื่อวาน และนัดพูดคุยกับตัวแทนจาก ศปภ.และ กทม.วันนี้ ก็ได้ข้อยุติร่วมกันว่า จะทำเป็นฝายน้ำล้น โดยรื้อ Big Bag บนถนนพหลโยธิน ทั้งฝั่งขาเข้า และขาออก ฝั่งละ 5 เมตร รวม 10 เมตร ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการน้ำของกรุงเทพฯชั้นใน

ซึ่งพลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษก ศปภ.ก็นำชาวบ้านรื้อ Big Bag ด้วยตัวเอง แต่ผ่านไปไม่ถึง 15 นาที ก็ปรากฏว่า มีชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่พอใจที่รัฐบาลไม่ยอมรื้อ Big Bag ออกทั้งหมด จึงตะโกนด่าทอเสียงดัง ทำให้เกิดเหตุทะเลาะกับชาวบ้านกลุ่มแรก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยคอมมานโดก็เข้ามาควบคุมสถานการณ์ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย โดยพลตำรวจเอกพงศพัศ เข้าไปเจรจากับชาวบ้านกลุ่มที่ 2 ได้ ที่ได้ยื่น 4 ข้อเรียกร้องประกอบด้วย 1.ให้รื้อ Big Bag ออกกว้าง 5 เมตร ลึกถึงพื้นถนน 2.ขอให้มีรถรับ-ส่ง ตั้งแต่เวลา 6 นาฬิกา ถึง 20 นาฬิกา 3.ขอเรือรับส่งภายในหมู่บ้าน และ 4. ให้เจ้าหน้าที่จัดอาหารมาส่งให้ทั้งเช้า กลางวัน และเย็น ซึ่งพลตำรวจเอกพงศพัศประสานกับ ศปภ.และยอมตาม คือ เปลี่ยนจากรื้อกระสอบทราย 2 ฝั่งถนน ฝั่งละ 5 เมตร เป็นการรื้อ Big Bag ตรงเกาะกลางถนนเป็นกว้าง 5 เมตร ลึกถึงพื้นถนน ประมาณ 2 เมตร และจะเริ่มจัดส่งอาหารให้ตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป


ทั้งนี้ ทีมข่าวพบว่า หลังรื้อ Big Bag ออกไม่ถึง 20 นาที ระดับน้ำบนถนนพหลโยธินหลังแนว Big Bag เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์