รู้จักมั๊ย...โรคพ่อแม่ทำ

"โรคพ่อแม่ทำ...หรือเวรกรรมของหนูเอง"

คิดว่าคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้ คงคุ้นเคยกับภาวะออทิสติก โรคสมาธิสั้น และปัญหาเด็กพูดไม่สมวัย พัฒนาการล่าช้า ไม่มากก็น้อย

ตลอดเวลาที่เรียนเฉพาะทางด้านพัฒนาการเด็ก จนกระทั่งทำงานถึงทุกวันนี้ นับแล้วเกือบ 10 ปี ทุกภาวะข้างต้นต้องถือว่าเป็นปัญหาด้านพัฒนาการยอดฮิต ที่พ่อแม่พาเด็กมาปรึกษาเลยทีเดียว
หมอมีความเห็นอกเห็นใจพ่อแม่อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครอบครัวที่ต้องเผชิญกับภาวะออทิสติก และ สมาธิสั้น เพราะเด็กต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด อีกทั้งต้องพบแพทย์และทีมบำบัดอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน

สาเหตุของการเกิดภาวะเหล่านี้ เกิดได้จากหลายปัจจัย แต่มีพื้นฐานเกี่ยวกับ genetic เป็นหลัก เมื่อเกิดเป็นขึ้นแล้ว ต้องทำใจว่าโอกาสจะหายขาดนั้นน้อยเหลือเกิน สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือช่วยให้เด็กใช้ชีวิตได้อย่างปกติที่สุด
แน่นอนว่า...คงไม่มีใคร อยากให้ลูกต้องเผชิญกับภาวะผิดปกติทางพัฒนาการเหล่านี้
แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ!!!...ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของพ่อแม่ และผู้เลี้ยงดู ทำให้เด็กปกติจำนวนไม่น้อย ต้องกลายเป็นเด็กที่มีลักษณะคล้ายเด็กออทิสติก สมาธิสั้น พูดช้า และพัฒนาการโดยรวมช้า
ค่ะ อ่านไม่ผิด ...หมอกำลังพูดถึงเด็กที่เกิดมาปกติสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง แต่ถูกผู้ให้กำเนิด หรือผู้ใหญ่ใกล้ชิด ทำให้กลายเป็นเด็กผิดปกติ!!!

"โรคพ่อแม่ทำ" ที่ว่านี้คืออะไรหละหมอ

ลองดูเด็ก 3 รายนี้ค่ะ

รายแรก...เด็กอายุประมาณ 1 ปีกว่า พ่อแม่พามาด้วยปัญหาเด็กยังไม่พูด พอหมอตรวจ ก็พบว่า ไม่ใช่แค่พูดไม่สมวัย แต่ยังไม่มองหน้าสบตา สนใจคนน้อยมาก พัฒนาการด้านอื่นก็ล่าช้า เชื่อไหมคะ...แม่เลี้ยงดูเด็กเองมาแต่เกิด...น่าจะดีเนอะ
แต่ แต่ แต่ แม่บอกว่า ...เลี้ยงลูกในห้องนอนส่วนตัวเกือบตลอด เพราะในบ้านมีคนอาศัยหลายครอบครัว เกรงว่าจะทำให้คนอื่นรำคาญใจ เลยไม่ได้พาไปสังสรรค์กับคนอื่น แม้จะมีหลานที่เกิดช่วงใกล้เคียงกันในบ้านเดียวกัน อยู่ในห้อง แม่ก็ทำนู่นนี่ไป เปิดทีวีเป็น background ตลอด ดูบ้างไม่ดูบ้าง ลูกก็เล่นโน่นนี่นั่นของลูกเอง แรกๆ ก็ร้องเรียกหาแม่ประจำ บ่อยเข้าก็เริ่มอยู่กับตัวเองได้ ดูทีวีก็เงียบได้ นานวันเข้าไม่ค่อยร้องกวนละ แม่เองก็เล่นกับลูกบ้างไม่เล่นบ้าง รู้สึกว่าผิดปกติก็ตอนถึงวัยพูดแล้วไม่พูด เลยพามาหาหมอ
-------------------------------------
รายที่ 2 ...เด็ก 2 ขวบแก่ๆ มาด้วยเรื่องพูดไม่สมวัย เรียกไม่หัน ไม่เข้าใจคำพูด ไม่มองหน้าสบตา ไม่เล่นกับคนอื่น พ่อแม่ทำงาน ยายเป็นคนดูแล ยายอายุประมาณ 60 ปี ต้องดูแลหลานเล็กๆ 2 คน โตขึ้นมาหน่อยอีก 1 คน ทั้งหมดนี้ทำคนเดียว ยายมีปัญหาข้อเข่า ดูหลานลำบากหน่อย เพราะเดินเหินไม่สะดวก ยายติดทีวีตามประสาผู้สูงวัย จึงเปิดทีวีไว้ทั้งวัน ยายติด หลานก็ติดด้วย พอดูทีวีหลานก็นิ่ง ไม่งอแง ไม่ซน เลี้ยงง่ายดี เป็นแบบนี้มาตลอดกว่า 2 ปี!!! คนแถวบ้านบอก เด็กผู้ชายก็งี้แหละ พูดช้า เดี๋ยวก็พูดเอง เอากบเอาเขียดมาตบปากเด็กไปเรียบร้อยตามความเชื่อ เฮ้อ!! ทำไปได้
-------------------------------------
รายที่ 3...เด็กหญิงหน้าตาน่ารักวัยเพิ่ง 4 ปี มาด้วยปัญหาพูดไม่สมวัย สนทนาตอบโต้ไม่ได้ เล่าเรื่องง่ายๆ ไม่ได้ พูดซ้ำกับที่ถูกถามเหมือนไม่เข้าใจคำถาม สบตาสั้นๆ ไปเรียนอ.1 ถูกครู comment มาประจำ น้องยังพูดตามนะคะ น้องไม่เข้าใจจำนวนนะคะ น้องยังบอกความต้องการไม่ได้นะคะ น้องยังคุยเล่นกับเพื่อนไม่ได้นะคะ พ่อแม่กังวลว่าลูกเป็นออทิสติกหรือไม่

แม่กับยายเป็นผู้เลี้ยงดูเด็กเอง เด็กเริ่มพูดเป็นคำๆ ได้ตั้งแต่ขวบนิดนิด ค่อยๆ พูดได้เพิ่มขึ้นตามวัย หลัง 2 ขวบ เริ่มได้สัมผัสกับ ipad เท่านั้นแหละ ดั่งถูกมนต์ขลังของหน้าจอ ถ้าไม่ได้ดู ก็ร้องจะเอาตลอด แม่บอกว่าก็เลยต้องให้ค่ะ ...ทำจนกลายเป็นความเคยชิน ตื่นมาก็เรียกร้อง ipad จิ้มๆ สไลด์ๆ ได้ทั้งวัน เป็นแบบนี้ทุกวัน ทั้งวันอยู่ 9-10 เดือน!!! แม่เจ้า!!!

แม่คงกลัวหมอว่า มีแอบบอกว่า แต่ไม่ได้เล่นตลอดนะคะ มีช่วงพักเช่น กินข้าว อาบน้ำ เข้าห้องน้ำ นอน... อืม ค่ะ แต่นอกนั้น อยู่กับ ipad ดั่งคู่แฝดอินจันใช่ไหมคะ ...แม่ขวยเขินไปบัดดล!!! แต่ก็ยังมีเสริมอีกนิดว่า บางทีแม่ก็ดูอยู่ด้วยค่ะ ...ค่ะ เลยเป็นแบบนี้ไงคะ!!!

ที่ให้เลิกดูไปก็เพราะ เริ่มเห็นว่าชักไม่เข้าท่า ลูกดูช้ากว่าเด็กอื่น ก็ทำใจหักดิบไปเลย แล้วเริ่มหันมาชวนเล่นโน่นนี่ จนเริ่มจะพูดได้ดีขึ้นบ้าง แต่พอเข้าโรงเรียน ยิ่งเห็นว่าห่างไกลเพื่อนร่วมชั้นที่อายุน้อยกว่าด้วยซ้ำ

พ่อแม่ยอมรับว่าตัวเองก็ติด smartphone ต้องเอาขึ้นมาดู check LINE, up status, load รูป เช่นเดียวกัน ที่บอกว่าเล่นกับลูก คุยกันตอนลูกเล่นนั้น ก็คือ นั่งข้างๆ ลูก ลูกเล่นไป พ่อแม่ก็ social ไปอยู่ข้างๆ หันไป say yes, say hi กับลูกเป็นพักๆ ...เอิ่ม อันนี้ไม่ใช่เล่นด้วยกันแล้วค่ะ เพลีย!!


ที่เล่ามาให้อ่านยืดยาวนี่ก็เพราะ อยากให้ข้อมูลซึมซาบลึกเข้าไปถึงในทรวง และอยากให้จดจำกันให้แม่นยำ ว่าถ้าไม่อยากเป็นคนทำให้ลูกผิดปกติ ควรมี "สติ" และศึกษาหาความรู้ให้ดี
พอมองออกไหมคะว่าทั้ง 3 รายข้างต้น มีจุดร่วมคืออะไร

..."เทคโนโลยีและอุปกรณ์หน้าจอทั้งหลาย" ที่หยิบยื่นให้ลูกโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งให้ในอายุที่ไม่สมควร ไม่จำกัดเวลาใช้ ไม่จำกัดเนื้อหาที่ดู และใช้จนเด็ก "ติด" งอมแงม ไม่อยากจะไปทำสิ่งอื่นใด จนมีผลกระทบต่อพัฒนาการและพฤติกรรม ทำให้เด็กที่ควรจะเติบโตปกติดี ต้องมีมลทิน ...ด้วยมือของพ่อแม่เอง เจ็บไหมคะ??

เด็กที่อยู่กับหน้าจอมากๆ จะทั้ง "ติดใจ" และ "ติดนิสัย" เช่นที่หมอเคยเล่าให้ฟังไปแล้วใน "series Generation Alpha" ...ถ้าใครยังไม่เคยอ่าน ขอแนะนำให้อ่านทั้ง 5 ตอน เพื่อทราบถึงผลเสียที่อาจเกิดกับลูกๆ ของท่านได้ หากใช้เทคโนโลยีอย่างไม่ถูกไม่ควร และไม่มีสติ
หมอไม่ได้บอก...ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ ถ้าพูดถึงประโยชน์ย่อมมีมากมาย แต่โทษก็มีไม่น้อย

เด็กเล็ก...
...ยังไม่สามารถแยกแยะประโยชน์และโทษได้เอง
...ยังไม่สามารถควบคุมตนเองได้ดีเท่าผู้ใหญ่
...และยังต้องมีการพัฒนาทักษะอื่นๆ รอบด้าน เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต

หากพ่อแม่เอง ยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งใดควรไม่ควร ยังควบคุมตัวเองในการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้ ...คุณจะเลี้ยงได้ลูกแบบไหน???
ปิด (อุปกรณ์หน้าจอทั้งหลาย) ในวันนี้ เพื่อ เปิด (โอกาสและเวลากระตุ้น) พัฒนาการที่ดีของลูก เถอะค่ะ!

อย่าให้บรรยากาศในบ้านต้องเป็นเหมือนรูปประกอบบทความเลยนะคะ ..."อยู่ด้วยกัน แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน"
ที่อ้างว่าไม่มีเวลากันนั้น หมอไม่เชื่อค่ะ "เวลาคุณภาพ" ที่ลูกต้องการจากพ่อแม่ ไม่ต้องมาก แต่ต้องมีทุกวัน สม่ำเสมอ และมีคุณภาพจริงๆ เพียงแค่ "ปิดจอ" ก็มีเวลาเพิ่มแล้วค่ะ ...แค่นี้ ให้ลูกได้ไหมคะ??
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
บ่นยาวเลยค่ะ แต่เพราะช่วง 3-4 ปีมานี้ หมอตรวจเด็กไปก็เพลียใจไปกับหลายบ้าน เด็กที่หมอให้คำนิยามว่าเป็น "โรคพ่อแม่ทำ" พบเจอได้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ

และเพราะความรู้สึก "ฉัน-ทน-ไม่-ไหว-แล้ว-นะ" ได้บังเกิดขึ้นกับหมอหลังจากตรวจเด็ก "โรคพ่อแม่ทำ" คนล่าสุดเสร็จ ...บทความนี้จึงบังเกิด
เพราะคิดว่าอยู่เฉยไม่ได้แล้ว ไม่ทำอะไรบ้างไม่ได้แล้ว แม้เป็นเสียงเล็กๆ เสียงหนึ่ง แต่ก็ขอตะโกนดังๆ ให้เข้าไปสะเทือน "สติ" ของพ่อแม่และผู้เลี้ยงดูเด็กบ้าง

ดังนั้น ถ้าใครอยากช่วยหมอตะโกนดังๆ เพื่อปกป้องอนาคตของชาติร่วมกัน ขอให้ช่วยแชร์บทความนี้ไปให้คนที่เกี่ยวข้องกับเด็กๆ ได้อ่านกันเยอะๆ จะขอบพระคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ


รู้จักมั๊ย...โรคพ่อแม่ทำ

ที่มา https://www.facebook.com/for.kids.everything/posts/1632278883695694:0


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์