ลมหายใจหลอกลวง

ลมหายใจหลอกลวง


ลมหายใจหลอกลวง


(1) ปกติเรามีลมหายใจเข้าออกกันอยู่แล้ว สามารถรู้สึกถึงกระแสของลมหายใจ

ที่ตกกระทบผ่านโพรงจมูกและหลอดลมได้ตลอดเวลา เพียงแต่เราไม่ได้ใส่ใจ

และสังเกตกับความรู้สึกนี้ เพราะเอาแต่ใส่ใจกับการใช้ชีวิตเรื่องอื่นๆ มากกว่า


(2) แต่พอจะฝึกให้รู้ตามจังหวะลมหายใจขึ้นมา กลับไปฝืนลมหายใจตาม

ธรรมชาติให้กลายเป็นลมหายใจที่เราสามารถรู้สึกตามได้ขึ้นมาอีก ลมหายใจ

สายลวงนี้อยู่ภายใต้การควบคุมสั่งการของเราเอง เป็นเพราะเริ่มฝึกจึงยังไม่คุ้น

เคยกับการเฝ้าดูอยู่เฉยๆ


(3) มุ่งเฝ้าตามดูและรู้อาการของลมหายใจเหมือนว่า กายนี้ไม่ใช่เรา ลมหายใจ

นี้ไม่ได้เป็นของเรา เราไม่สามารถสั่งการให้ลมหายใจเข้าออกหรือหายใจแรง

ค่อยแต่อย่างใด เราต้องรู้ทันว่ากำลังเฝ้าดูลมหายใจที่เป็นไปตามธรรมชาติของ

มันเองหรือไม่ หากไม่สามารถปล่อยลมหายใจให้เคลื่อนไหวอย่างที่มันเคยเป็น

แสดงว่าเราไปใส่ใจ แทรกแซง และกังวลกับการเฝ้าดูมากเกินไป ซึ่งแก้ไขได้

โดยกระจายความสนใจจากการจับลมหายใจไปยังร่างกายทุกส่วน ให้กายสบาย

ผ่อนคลาย และสงบลง แล้วจะรู้สึกถึงอาการเคลื่อนไหวของกระแสลมหายใจ

เด่นชัดขึ้นมาเอง


(4) นอกจากลมหายใจสายลวงเกิดขึ้นได้จากการกำหนดกระแสลมขึ้นเองดัง

กล่าวแล้ว ลมหายใจสายลวงยังเกิดขึ้นได้จากการคิดและนึกขึ้นมาเองได้ด้วย

เมื่อจิตเฝ้าดูลมหายใจและอาการตามรู้ พอจิตเผลอนิดเดียวจะยกความทรงจำนี้

มาแทนการตามรู้ของจริง กลายเป็นว่าเราเปลี่ยนมาเฝ้าดูความทรงจำของตนเอง

เรียกว่าฉายหนังเก่าหลอกให้คนดูแทนก็ได้


(5) สภาพการฝึกจับลมหายใจ ต้องเริ่มจากลมหายใจปกติตามธรรมชาติของเรา

เอง เคยหายใจสั้นยาวแรงหรือค่อยอย่างไรมาก่อน ก็ปล่อยให้เป็นไปตามเดิม

แล้วจับตามรู้อาการของลมหายใจที่รู้สึกนั้น เมื่อกายสงบขึ้นจะทำให้ลมหายใจ

แผ่วบางลง จนดูเหมือนหยุดหายใจ แต่จิตทีมีกำลังจะยิ่งสามารถตามรู้อาการ

ของลมหายใจได้ชัดเจนโดยตลอด


(6) วิธีการฝึกตามที่กล่าวมานี้ เป็นการฝึกให้จิตเป็นสมาธิ มีอาการสงบระงับ มิ

ได้มุ่งหวังเพื่อการรับพลังปราณ ซึ่งจะเป็นการฝึกคนละวิธี มุ่งหมายประโยชน์คน

ละแบบ


มงคล กริชติทายาวุธ
ประธานชมรมศาสนาและการกุศล


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์