ละครในชีวิตจริง

ละครในชีวิตจริง


ละครในชีวิตจริง

มีคนชอบเปรียบเทียบว่า
ชีวิตเหมือนละคร ที่ทุกคนต้องแสดงไปตามบทบาท
ถ้าฟังผิวเผินแลดูเหมือนไข่ แต่ถ้าคิดให้ลึกอีกสักนิดจะเห็นว่า
ชีวิตของทุกคนเป็นเรื่องของละครซ้อนละคร
ทำให้ผิดหวังหรือสมหวังจากการเป็นตัวละครที่ซับซ้อนไปมา
ทำให้ชีวิตซับซ้อนมากขึ้น

เรามักจะนึกว่า เราเป็นตัวเอกในละคร
เป็นตัวเอกของใครต่อใครในเรื่องละครเรื่องนั้น...ละครของชีวิตเรา
แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
เพราะคนอื่น ๆ ที่อยู่ในเรื่องละครของเรา
เขาก็กำลังเล่นละครในชีวิตของเขาเหมือนกัน
และพล็อตเรื่องของเขากับของเราก็ไม่ได้เหมือนกัน
อาจแตกต่างกันชนิดดำเป็นขาวเลยก็ได้
ในขณะที่เราคิดว่าเราเป็นตัวเอกในละครชีวิตของเรา
แต่ในละครชีวิตของคนที่เข้ามาร่วมฉากชีวิตของเรานั้น
เราอาจเป็นได้แค่ตัวประกอบ ส่วนเกิน หรือตัวร้ายของเขาก็ได้

ทุกคนมีละครของตัวเอง มีโลกของตัวเอง
ซึ่งเขาไม่ได้บอกเราว่าเป็นอย่างไร แต่ไม่ได้เป็นละครเรื่องเดียวกัน
โรงเดียวกัน หรือต้องเล่นตามบทของผู้กำกับคนเดียวกันหรอก
ชีวิตของคนในโลกนี้ จึงเป็นละครที่ซ้อนละครทั้งนั้น
และซ้อนมากขึ้นหลาย ๆ ซ้อน
เมื่อเราไปเกี่ยวข้องกับคนมากขึ้น ต่างอาชีพ ต่างความคิด ต่างภูมิหลัง

ตัวเอกของบางเรื่องบางคน อาจไปเป็นตัวร้ายของอีกเรื่องหนึ่ง อีกคนหนึ่งก็ได้
เช่น... ถ้าเรารักใครสักคน เรามักจะให้เขาเป็นตัวเอกในละครชีวิตของเรา
แต่ถ้าเขาไม่รักเรา เขาจะเห็นเราเป็นตัวร้าย
หรือเป็นเหยื่อที่จะไต่เต้าไปสู่ความสำเร็จ เป็นที่พักพิง
หรือเป็นตู้ ATM ในละครชีวิตของเขา...ก็ได้
เมื่อเรารู้เข้า เราก็จะเกลียดเขา


ทำนองเดียวกัน เราอาจเป็นตัวเอกในชีวิตของคนบางคนที่เขารักเรา
แต่เราไม่รักเขา เรากลับมองเขาเป็นตัวร้ายในละครชีวิตของเราก็ได้
ละครชีวิตจึงเป็นละครที่ซ้อนไปซ้อนมาเช่นนี้ ไม่ตรงไปตรงมาหรอก
ทุกคนจึงมีอดีตที่ซับซ้อน
ชนิดที่ถ้าเล่าให้ใครฟังอย่างเปิดเผยทั้งหมดแล้ว
อาจเลิกคบหรือเลิกรักกันไปเลย
จงเก็บอดีตไว้กับตัวเราเถิด
เพื่อเตือนตัวเองว่า อย่ากลับไปทำสิ่งที่ไม่ดีอีก..ก็แล้วกัน
และจงทำความดีในปัจจุบันให้มากที่สุด
โดยหวังว่าอนาคตเราจะดีขึ้น
บางทีละครชีวิตของเราจะซับซ้อนน้อยลงก็ได้

ขอบคุณที่มา  :: 
ศ.ดร.นพ.วิทยา นาควัชระ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์