วันที่รุ่งโรจน์ และ ร่วงโรย ของวังบูรพาภิรมย์

วันที่รุ่งโรจน์ และ ร่วงโรย ของวังบูรพาภิรมย์


 ถ้าเอ่ยชื่อ วังบูรพา วัยรุ่นยุคนี้อย่างเก่งก็แค่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ไม่ได้ให้ความสนใจเหมือนวัยรุ่นยุค ๕๐ กว่าปีก่อน

ที่มีแหล่งชุมนุมอยู่แห่งเดียวคือวังบูรพา ศูนย์การค้าแห่งแรกของกรุงเทพฯ และเป็นต้นกำเนินของตำนวน "โก๋หลังวัง"

        ย้อนไปถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่ ๖ วังบูรพาก็ถูกกล่าวขานกันว่าเป็นวังที่ไม่เคยหลับ เพราะมีการจัดงานรื่นเริงสังสรรค์เป็นประจำ

เป็นที่ชุมนุมของบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทันสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯก็เสด็จฯ มางานเต้นรำของวังบูรพาเป็นประจำ

        เมื่อต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พื้นที่ของวังบูรพาเป็นวังที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์

ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รักษาพระนครด้านตะวันออก ซึ่งหน้าวังเป็นที่ตั้งของป้อมมหาไชย อยู่ริมคูเมืองด้านนอก และมี

เจ้านายประทับอยู่ที่วังแห่งนี้สืบต่อกันมาหลายพระองค์

 ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ โปรดให้ใช้พื้นที่นี้สร้างวังขึ้นใหม่ใน-

ปี ๒๔๑๘ พระราชทานแก่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุ

วงศ์วรเดช พระเจ้าน้องยาเธอองค์เล็กร่วมพระราชชนนี

วันที่รุ่งโรจน์ และ ร่วงโรย ของวังบูรพาภิรมย์

โดยมีนายโจอาคิโน กราสซี สถาปนิกชาวอิตาเลียน เป็นผู้ออกแบบตามความนิยมในยุคนั้น

เป็นศิลปะแบบตะวันตก พระราชทานนามว่า "วังบูรพาภิรมย์" ซึ่งมีความหมายว่าเป็นวังด้าน

ทิศตะวันออกเช่นเดิม

 เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ทรงนิยมความสนุกสนานและทันสมัย จึงทรงจัดงานรื่นเริงสังสรรค์

ที่วังบูรพาภิรมย์เป็นประจำ มีทั้งดนตรีไทยที่ทรงโปรด และงานตามสไตล์ตะวันตก 

ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงควงคู่ พระคู่หมั้น หม่อมเจ้าวัลลภาเทวี

ซึ่งทรงสถาปนาเป็นพระวรกัญญาปทาน เสด็จไปร่วมงานทำบุญวันประสูติครบ ๖๐ พรรษา

ของ "ท่านอา" สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุ์ฯ ที่วังบูรพาภิรมย์ ทรงถอดฉลองพระองค์

 พื้นที่ของวังบูรพาได้กลับมาสู่ความรุ่งเรืองไม่หลับอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ บัณฑูรย์ องค์วิศิษฐ์

นักธุรกิจบันเทิงคนสำคัญแห่งยุค ในวัย ๓๕ ปี ผู้ซึ่งเพิ่งปลุกศาลาเฉลิมไทยที่ถูกทิ้งร้างตั้งแต่

สร้างเสร็จยังไม่ทันเปิด ให้เป็นโรงละครติดลมได้สำเร็จ แต่เกิดเบื่อหน่ายกับการมีหุ้นส่วน จึงขาย

หุ้นทิ้ง ให้กับพิสิฐ ตันสัจจา และอยากจะทำความฝันเมื่อตอนอายุ ๒๐ ให้เป็นความจริง จะสร้าง

ศูนย์การค้าแหล่งช็อปปิ้งที่มีโรงหนังโรงละครอยู่ในนั้นพร้อมสรรพ แม้ยังไม่เต็มตามฝันที่จะให้มี

ทั้งโรงแรมและสวนสนุกอยู่ด้วยก็ตาม บัณฑูรย์ได้เล็งมาที่ พื้นที่ ๑๕ ไร่ของวังบูรพาภิรมย์ที่ถูกทิ้งร้าง

เช่นเดียวกับศาลาเฉลิมไทย และเปิดการเจรจากับเจ้าของกองมรดกทั้ง ๗ ขอซื้อวังบูรพามาได้ในปี

๒๔๙๕ ด้วยราคา ๑๒ ล้านบาท โดยมีโมเดลของศูนย์การค้าพร้อมโรงภาพยนต์ ๓ โรงที่เขาออก-

แบบและมานะใช้ "ไม้แท่งไอติม" มาต่อด้วยมือตัวเอง จนเป็นศูนย์การค้าทั้งศูนย์ไปโชว์

 เมื่อเจรจาสำเร็จแล้ว บัณฑูรย์ จึงดึงโอสถ โกศิน เพื่อนสนิท เข้ามาเป็นผูจัดซอยพื้นที่ออก

เป็นส่วน ๆและขายพื้นที่สำหรับโรงภาพยนต์โรงหนึ่งให้คนอื่นไปสร้าง ซึ่งก็คือโรงภาพยนต์แกรนต์ 

เหลือของตัวเองไว้เพียง ๒ โรง



วันที่รุ่งโรจน์ และ ร่วงโรย ของวังบูรพาภิรมย์

บัณฑูรย์ลงมือสร้าง "โรงภาพยนต์คิงส์" เป็นโรงแรก เชิญ 

พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ คนสำคัญแห่งยุคมาเป็นประธานบริษัทคิงส์ เซ็นสัญญากับ

บริษัทเมโทรโกลด์วินเมเยอร์ ให้ป้อนหนังเข้าฉาย ขึ้นตราสิงโตไว้หน้าโรงพร้อมตัวอักษร 

"The Home of MGM Pictures" กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ

ทอดพระเนตรรอบปฐมฤกษ์ เรื่อง "สาวน้อยร้อยชั่ง" นำแสดงโดยดาราสาวสุดฮิต เอสเธอร์ วิลเลี่ยม

จากนั้นก็เชิญ พล.อ. สฤษดิ์ ธนะรัชต์ คนดังคู่กับ พล.ต.อ. เผ่า มาเป็นประธานบริษัท ควีนส์ 

สร้างโรงที่ ๒ ขึ้นด้านหลังโรงภาพยนต์คิงส์ ทำพิธีเปิดในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๔๙๗ จุดเด่นอย่างหนึ่ง

ของโรงภาพยนต์ควีนส์ก็คือ พนังงานขายตั๋ว เดินตั๋ว เฝ้าประตู ล้วนแล้วแต่ใช้ผู้หญิงทั้งนั้น

ศูนย์การค้าวังบูรพานับเป็นศูนย์การค้าทันสมัยของยุคใหม่ ต่อจากย่านการค้าและความบันเทิงของยุคเก่า

คือ บางลำพู ต่อมาในปี ๒๔๙๙ ห้างเซ็นทรัล ซึ่งเป็นห้างขายนิตยสาร หนังสือ และเสื้อผ้า

จากต่างประเทศ ที่ปากซอยโอเรียลเต็ล ถนนเจริญกรุง ก็มาเปิดสาขาแรกเป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่วังบูรพาด้วย

มีสินค้ามากมายหลายประเภท โดยมากเป็นของแปลกใหม่ที่สั่งมาจากต่างประเทศ และเป็นห้างแรก

ที่ติดราคาสินค้าไว้ตายตัวไม่มีการต่อรองกันได้เหมือนในร้านค้าปลีก และยังมีร้าน "ไอสครีมบูรพา" 

มาเปิดที่หน้าโรงภาพยนต์คิงส์ ซึ่งในยุตนั้นไอสครีมไม่ใช่ของที่หากินได้ง่ายเหมือนในยุคนี้ และถือเป็นของใหม่

วังบูรพาจึงเป็นแหล่งชุมนุมของวัยรุ่นคนทันสมัย จนเข้าขั้นแออัดไม่มีที่จอดรถ ห้างเซ็ลทรัลจึงนำระบบใหม่มาใช้ 

มีลิฟท์นำรถขึ้นไปจอดชั้นบน เพราะไม่อาจสร้างทางขึ้นใหม่ได้ ปัจจุบันลิฟท์นี้ก็ยังใช้อยู่

ส่วนคำว่า "โก๋หลังวัง" ไม่เกี่ยวกับวังบูรพาโดยตรง แต่เป็นแก๊งวัยรุ่นกลุ่ม ปุ๊ ระเบิดขวด



วันที่รุ่งโรจน์ และ ร่วงโรย ของวังบูรพาภิรมย์

ดำ เอสโซ่ เป็นต้น ตอนนั้นเรียกวัยรุ่นประเภทนี้ว่า "จิ๊กโก๋" มั่วสุมกันอยู่ที่ร้านกาแฟชื่อ "ขนส่ง"

ในเวิ้งข้างศาลาเฉลิมกรุง ซึ่งอยู่ด้านหลังของวังบูรพาออกไป เลยเรียกว่า "โก๋หลังวัง"

ต่อมาในปี ๒๕๐๗ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เริ่มพัฒนาที่ดิน ๖๓ ไร่ของมหาวิทยาลัย

ด้านถนนพระราม ๑ ตรงข้ามวังสระปทุม จากถนนพญาไทไปจนจดถนนอังรีดูนังต์ ซึ่งเป็น

ชุมชนแออัดที่ถูกไฟไหม้ ให้เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มีร้านค้ามากมายซึ่งหลายแห่ง

ได้ย้ายหรือขยายสาขามาจากย่านอื่นรวมทั้งจากวังบูรพาด้วย  และยังมีโรงภาพยนต์ ๓ โรง

เช่นเดียวกับวังบูรพา โดยโรงภาพยนต์สยามเริ่มเปิดก่อนในปลายปี ๒๕๐๙ ตามมาด้วย

โรงภาพยนต์ลิโด้ และสกาล่าในปีต่อมาตามลำดับ และยังมีโรงโบว์ลิ่งของทันสมัยในยุคนั้น

ย่านสยามสแควร์จึงกลายเป็นแหล่งชุมนุมแห่งใหม่ของคนกรุงเทพฯ ทอดทิ้งให้ย่านวังบูรพา

หลุดไปจากกงล้อของยุคสมัย

ปัจจุบันศูนย์การค้าวังบูรพาก็ยังเปิดค้าขายอยู่ และเป็นเขตติดต่อกับแหล่งการค้าที่สำคัญ

ทั้งสำเพ็ง สะพานหัน พาหุรัด คลองถม แต่ก็เปลี่ยนแปลงไปมากจนเกือบไม่เหลือร่องรอยอดีต

ที่เคยรุ่งเรื่อง โรงภาพยนต์คิงส์และโรงภาพยนต์แกรนด์ถูกทะลุให้ติดกัน เปลี่ยนเป็นห้าง

สรรพสินค้ามอรี่คิงส์ แต่ก็เพิ่งปิดสาขานี้ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๓ มานี่เอง

ส่วนควีนส์ รื้อจอ รื้อเก้าอี้ดูหนังออก กลายเป็นที่จอดรถ ห้งเซ้ลทรัลปิดสาขาแรกไปในปี ๒๕๕๑

มี "ไชน่าเวิร์ลด์" มาแทนแต่เข้าไปเจอแต่อินตะระเดียขายทั้งนั้น ส่วนที่ยังยืนหยัดอยู่ได้เหมือนเดิม

กลับเป็นร้านขายหนังสือ ทั้งผดุงศึกษา แพร่พิทยา รวมสาร์น โอเดียนสโตร์ ยังอยู่ครบ รวมทั้ง


วันที่รุ่งโรจน์ และ ร่วงโรย ของวังบูรพาภิรมย์


ภัตตาคาร ส.บ.ล. หรือสมบูรณ์ลาภ ที่เปิดมาตั้งแต่ยุครุ่งเรือง กับร้านอาหารกวางตุ้งเล็ก ๆ 

ขายก๋วยเตี๋ยว ราดหน้า บะหมี่เป็ดตุ๋น ตรงข้ามโรงภาพยนต์ควีนส์ ที่มีแฟนประทับใจ รสชาติอยู่

ไม่น้อย ยังคงรสเดิมจนถึงปัจจุบัน

คลุมพระองค์วัลลภาฯ ซึ่งเป็นภาพใหม่ของราชสำนักสยามที่ให้เกียรติสตรีตามแบบอย่างตะวันตก

 เมื่อสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดชเสด็จทิวงคตในเดือนมิถุนายน ๒๔๗๑

วังบูรพาภิรมย์ก็ร่วงโรยลง ขอเล่าเสียหน่อยว่า ในตอนก่อนวังบูรพาภิรมย์ จะเป็นวังร้างนั้น 

มีเด็กชายท่าทางคล่องแคล่วคนหนึ่งอยู่ในวัง ท่านหญิง ท่านชายเรียกใช้สอยกันเป็นประจำว่า "จิ๋ว ๆ"

ตอนนี้คนทั่วไปรู้จักกันในนาม "พ่อใหญ่จิ๋ว"

ขอบคุณบทความจาก :: nangkatik-club.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์