วิญญาณเฮี้ยนกลางงานศพ

วิญญาณเฮี้ยนกลางงานศพ


          เรื่องมีอยู่ว่า ... ผมมีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างสนิทกัน เนื่องจากบ้านเราอยู่ใกล้เคียงกันและเรียนห้องเดียวกันตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนกระทั่งจบประถมศึกษาปีที่6 หลังจากนั้นเราก็ต่างแยกย้ายกันไปศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมศึกษาต่างโรงเรียนกัน

          เพื่อนของผมคนนี้ชื่อเปิ้ลครับ เปิ้ลเป็นสาวน้อยที่ดูสดใส น่ารัก แต่ค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเองสักหน่อย เพราะว่าทางบ้านเปิ้ลนั้นเลี้ยงดูอย่างตามใจ ดังนั้นจึงทำให้เปิ้ลอารมณ์ค่อนข้างรุนแรงและจะทำอะไรแบบหุนหันพลันแล่น พอเราแยกย้ายกันเรียนระดับมัธยมกันแล้วก็เริ่มทำให้เราไม่ค่อยได้สินทกันและไม่ได้เล่นกัน

          แต่ผมก็ยังเห็นเปิ้ลอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งวันนึงมาทราบข่าวอีกทีคือเปิ้ลแต่งงานด้วยอายุเพียง 14 ปี ซึ่งทางบ้านเปิ้ลทั้งพ่อและแม่มีแต่คนห้ามแล้ว แต่เปิ้ลนั้นไม่ฟัง คือ จะเป็นตายร้ายดียังไงก็จะต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ให้ได้ เมื่อเป็นดังนั้นพ่อแม่เปิ้ลจึงจำยอม เปิ้ลแต่งงานได้ไม่กี่เดือนก็มีเหตุทำให้เปิ้ลนั้นต้องจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ

          วันนั้นผมจำได้ดีเลยว่า ผมช่วยทางบ้านขายของอยู่ที่หน้าตลาด จู่ ๆ แม่เปิ้ลรับโทรศัพท์แล้วก็ร้องห่มร้องไห้ ซึ่งผมเองและผู้คนแถวนั้นก็ตกอกตกใจว่าแม่เปิ้ลเป็นอะไร จึงเข้าไปดูแล้วสอบถามจนได้ใจความว่า เปิ้ลโดนรถชนจนเสียชีวิต วันนั้นเปิ้ลซ้อนมอเตอร์ไซด์แฟนเพื่อที่จะมาเอาของขวัญที่แม่และพี่สาวเปิ้ลซื้อเตรียมไว้ให้ แต่แล้วเหตุการไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คือ แฟนเปิ้ลขี่รถมาด้วยความเร็วสูงจนกระทั่งมาถึงตรงสี่แยกนั้นพอดีสัญญาณไฟแดงกระทันหัน แฟนเปิ้ลจึงเบรกกระทันหันทำให้ล้อรถปัดรถล้มลงกลางถนน
 
          เปิ้ลไม่สามารถลุกขึ้นได้เนื่องจากถูกตัวถังรถมอเตอร์ไซด์ทับขาอยู่ ส่วนแฟนเปิ้ลกระเด็นขึ้นไปบนเกาะกลาง เออ ลืมบอกไปขณะรถล้มนั้นถนนโล่งมากไม่ค่อยมีรถวิ่ง แต่แล้วในช่วงจังหวะที่รถล้มนั้นเปิ้ลกำลังจะลุกขึ้นมาบังเอิญเป็นช่วงจังหวะที่ไฟเขียวพอดี แล้วมีรถไมโครบัสวิ่งมาด้วยความเร็วสูงและเห็นว่าไฟเขียวพอดีจึงเหยียบคันเร่งอย่างเต็มที่ โดยไม่ทันได้เห็นว่าเปิ้ลประสบอุบัติเหตุอยู่กลางถนน ทำให้รถไมโครบัสชนและทับหัวเปิ้ลสมองเละหมวกกันน็อคแตกกระจายเสียชิวิตคาทีทันที


          ผมและแม่เปิ้ลรีบนั่งรถไปดูยังที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างจากที่ร้านที่ผมขายของไม่มากนัก แต่มันก็สายไปแล้ว เปิ้ลอำลาโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ จากนั้นแม่เปิ้ลจึงไปรับศพที่โรงพยาบาลแล้วนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดแห่งหนึ่ง คืนแรกการสวดอภิธรรมศพนั้นผานไปได้ด้วยดีไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนคืนที่สองนั้น ขณะที่พ่อเปิ้ลนั่งฟังพระสวดพระอภิธรรมอยู่นั้น อยู่ ๆ พ่อเปิ้ลก็ตะโกนเรียกชื่อ"เปิ้ล"ออกมาด้วยเสียงอันดัง ผู้คนในงานต่างตกอกตกใจกันยกใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น รวมทั้งพระสงฆ์ที่ลงสวดที่ศาลาด้วยต่างพากันตกใจและกลัว พ่อเปิ้ลเห็นดังนั้นจึงบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอาจจะคิดมากไปเอง แต่แท้จริงแล้วพ่อเปิ้ลเห็นเปิ้ลยืนอยู่ที่ปลายโลงศพของเปิ้ลเองแล้วยิ้มให้พ่อ ซึ่งพ่อเปิ้ลเองยืนยันว่าไม่ได้ตาฝาดเพราะว่าเห็นอยู่นานมากจนแน่ใจ

          พอคืนที่สามเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีก ระหว่างที่พระสวดอยู่นั้นป้าของเปิ้ลและแม่เปิ้ลก็พากันเข้าไปช่วยดูแลกับข้าวในครัวเพื่อจะนำมาเลี้ยงแขกที่มาร่วมงาน ระหว่างที่จัดเตรียมอาหารอยู่นั้น ป้าเปิ้ลก็บอกว่าทำไมรู้สึกวูบ ๆ หนัก ๆ หัว สักพักก็ล้มลงไปนอน แม่เปิ้ลเห็นดังนั้นก็ตกใจคิดว่าป้าเปิ้ลเป็นลมจึงเข้าไปดูอาการและแล้วป้าเปิ้ลก็ลุกขึ้นมาแล้วกระโดดกอดแม่เปิ้ลและร้องเรียก หมะ" (เปิ้ลจะเรียกแม่ว่า"แหมะ" เนื่องจากครอบครัวเปิ้ลเป็นคนจีน) บัดนี้ร่างของป้าหลวย(ป้าเปิ้ล)ก็ลุกขึ้นมากแล้วกระโจนโผลเข้ากอดแม่ตัวเอง แล้วร้องไห้บอกว่าเปิ้ลเอง เปิ้ลร้องไห้และพรรณาต่าง ๆ มากมาย จับใจความได้ว่า แหมะเปิ้ลยังไม่อยากตาย ทำไมมันต้องมาเอาชีวิตเปิ้ลด้วย เปิ้ลเจ็บไปหมดเลยปวดระบมไปทั้งตัวเลย ทั้งสองแม่ลูกกอดคอกันร้องไห้

          แขกเหรื่อที่มาร่วมงานก็พากันตกใจกรูเข้ามาดู บ้างก็หดหู่เวทนา บ้างก็กลัวจนตัวสั่น จะไม่ให้กลัวได้ยังไง ตั้งแต่เกิดมาทั้งชีวิตผมเองก็ยังไม่เคยเจอวิญญาณที่ไหนเฮี้ยนจัดถึงขนาดมาเข้าร่างคนอื่นกลางงานศพแบบนี้ เปิ้ลบอกว่าแหมะกับป๊าไม่ต้องห่วงเปิ้ลสบายดี แต่เปิ้ลต้องใช้หนี้กรรมและถือศีลเพื่อบรรเทาบาปที่ขณะมีชีวิตอยู่นั้นเปิ้ลชอบด่าป๊ากับแหมะเอาไว้

           แล้วตั้งแต่นั้นมาเปิ้ลก็มาเข้าร่างป้าหลวยอยู่ทุกวัน จนกระทั่งวันเผา ก่อนเผาเปิ้ลก็เข้าร่างป้าหลวยแล้วร้องห่มร้องไห้ รำพันว่ายังไม่อยากตาย แล้วสั่งเสียให้พี่สาวดูแลแหมะกับป๊าดีๆจนกระทั่งหลังเผาไปแล้วเปิ้ลก็ยังมาเข้าร่างป้าหลวยอีกเรื่อยๆ แล้วร่ำไห้ว่าเปิ้ลต้องใช้กรรมอีกยาวนานเลย เปิ้ลยังไม่อยากตาย อีกทั้งต่อว่าแหมะว่าไม่รักเปิ้ลแล้วเหรอ ทำไมตุ๊กบนหิ้งแหมะยังเอาของเปิ้ลไปทิ้งเลย จากนั้นครอบครัวของเปิ้ลจึงไปทำบุญและกล่าวอโหสิกับในสิ่งที่เปิ้ลเคยทำและล่วงเกินเอาไว้ จากนั้นเปิ้ลก็ไม่มาอีกเลย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์