วิธีสลัด เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไร้สาระออกจากใจ


         การที่เราใส่ใจหรือว่าถือสาหาความกับ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น การถูกขับรถปาดหน้า ถูกหัวเราะเยาะหรือถูกนินทานั้น ทำให้เราเสียพลังในตัวไปโดยใช่เหตุ ถ้าหากเรารู้จักมองข้ามหรือไม่ใส่ใจ ปัญหาจุกจิกกวนใจเหล่านี้ เราก็จะเหลือพลังสำรองเอาไว้ใช้ในชีวิต เพื่อสร้างคุณภาพที่ดีให้กับชีวิตตนเองอีกมากมายเลย วันนี้เราก็จะมาพูดเรื่อง วิธีสลัดเรื่องน้อยสาระออกจากใจ เพื่อที่เรื่องน้อยสาระเหล่านั้น จะได้ไม่มาเป็นปัญหาให้เรารกสมองนั่นเอง แต่ว่าจะสลัดอย่างไร....

เราลองมองไปที่ฝั่งวิชาการก่อน Richard Carlson นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาของชาวอเมริกา ได้เขียนเรื่องหนึ่งชื่อ “Don’t Sweat the small Stuff” ความหมายก็คือว่า อย่าไปเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย

หนังสือชื่อ “Don’t Sweat the small Stuff”
ซึ่งเค้ามองว่านิสัย เกิดจากการทำอะไรซ้ำเป็นเวลานานๆ แล้วก็เกิดความเคยชิน แล้วความเคยชินนั้นมันมีนิสัยบางอย่าง ซึ่งผลร้ายต่อชีวิต แล้วพวกเราก็ไม่รู้ด้วยว่านิสัยเหล่านั้นมันส่งผลร้าย ซึ่งทำให้ตรงกับหัวข้อวันนี้คือ ทำให้เรื่องไร้สาระอยู่ในสมองอยู่ในจิตใจ อยู่ในตัวเราเยอะเกินไป

เรามีนิสัยเสียๆ 13 อย่าง ที่ต้องแก้ไข บางอย่างเราก็ไม่รู้ตัวว่าบั่นทอนร่างกายของเราเอง

เรามีนิสัยเสียๆ 13 อย่าง ที่ต้องแก้ไข

1.ความคิดที่ว่าเมื่อประสบปัญหาต้องรีบแก้ไขทันที ปัญหานั้นมีมากมาย แต่เมื่อในมุมของจุดที่เกิดปัญหา ก็จะเกิดจิตใจที่ไม่พร้อม มีทั้งความเครียดความสับสนอลหม่าน ในความคิดตอนนั้นเป็นความคิดขณะที่จิตไม่สงบ แล้วก็ทำให้ผลลัพธ์ของความคิดไม่ตกตะกอน ก็เลยอาจะก่อให้เกิดปัญหาที่ว่า “คิดสั้น” นั่นเอง ซึ่ง Carlson ได้แนะนำให้หยุดคิดแล้วปล่อยวาง ให้จิตใจสงบก่อนแล้วค่อยๆแก้ไปทีละนิดๆ แล้วให้ทำตอนที่ใจสงบ

2.หงุดหงิดรำคาญใจทุกสิ่งทุกอย่างขัดหูขัดตาไปหมด ไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย วิธีแก้คือต้องมองความแตกต่างของสิ่งต่างๆ แต่ละด้านมุมมองต่างๆย่อมแตกต่างกันได้ ให้ยอมรับในความแตกต่างนั้นแล้วก็ปล่อยวาง เพราะไม่มีใครสมบูรณ์แบบ

3.บ้างาน คิดว่าตนเองมีงานล้นมือ ข้อเสียคือ เค้าไม่มีเวลาตั้งสติ แล้วก็มีความคิดแบบพิจารณาให้รอบด้าน เพราะฉะนั้นเนื้องานก็จะสะเปะสะปะ วิธีแก้คือ ต้องมีเวลาในการที่จะหยุด แล้วก็เวลาที่จะมองในเชิงวิเคราะห์ ทำใจให้สงบนิ่ง ให้แยกเวลาระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว เพื่อจะให้จิตนั้นได้คลายแล้วก็เกิดความคิดใหม่เข้ามา ทุกอย่างมีแต่ความรีบเร่งจน ไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง

4.คิดเอาตัวเองเป็นใหญ่และคิดอาฆาตแค้นพยาบาทคนตลอดเวลา วิธีแก้นั้นก็คือต้องยอมรับว่าแต่ละคนนั้นไม่สมบูรณ์ แต่ละคนนั้นยังมีความคิดที่ปองร้ายอาฆาตพยาบาท มองตัวเองเป็นใหญ่ เหมือนกันเหมือนกับตัวเรา ก็เราคิดแบบนั้น คนในโลกนี้ก็ต้องมีคิดแบบนี้เหมือนๆกับเรา คือเราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตัดสินชีวิตคนอื่น ตัวเรายังเป็นเลย คนอื่นก็เป็นเหมือนๆ กัน

5. คิดดูถูกผู้อื่น และชี้ถูกชี้ผิดอยู่ตลอดเวลา วิธีแก้ก็คือเราก็คิดอีกมุมหนึ่ง เข้าไปนั่งในใจเขาแล้วก็คิดในมุมของเขาบ้าง ก็คือเอาใจเขามาใส่ใจเรานั่นเอง


6.คิดเอาชนะผู้อื่น
วิธีแก้ก็คือ หัดเป็นผู้ฟังที่ดีบ้าง เราจะได้มุมมองใหม่ๆ เปลี่ยนวิธีคิดให้กลายเป็นผู้ฟังบ้าง

7.คิดทวงบุญคุณจากผู้อื่น วิธีแก้ก็คือถ้าจะทำให้สุขภาพจิตใจดีขึ้น เวลาช่วยใครให้ช่วยอย่างสุดหัวใจแล้วก็ไม่มีความคิดที่จะเอาอะไรจากเขาเลย ให้คิดแบบจิตอาสาโดยไม่ได้หวังอะไรตอบแทน

8. คิดกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง วิธีแก้ก็คือ ให้ออกจากความกังวล ให้เราอยู่กับปัจจุบัน อนาคตเอาไว้เพื่อที่จะให้เราได้เตรียมความพร้อมมากกว่า แต่ไม่ใช่ให้เรากังวล ทำวันนี้ให้ดีที่สุด อะไรจะเกิดก็ปล่อยมันไป อย่าไปคาดการณ์ล่วงหน้ามากนัก

9.คิดน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง วิธีแก้ก็คือให้เราพึงพอใจในสิ่งที่เรามี แล้วก็ไปพัฒนาให้เกิดจุดเด่นขึ้น ถ้าเรารู้ว่าเรามีจุดเด่นตรงไหนก็พัฒนาให้เป็นจุดแข็งขึ้นมา แต่ถ้าไม่มีก็สร้างจุดเด่นขึ้นมา จากสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้ดีกว่าผู้อื่น


10.นิสัยมองโลกในแง่ร้าย และคิดว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัว
วิธีแก้ก็คือ จริงๆแล้วทุกวันนี้โลกเรา เราไม่ได้เกิดอยู่รอดได้ด้วยตัวคนเดียว ต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นตลอดเวลา แล้วก็ความจริงแล้วเรามีประสบการณ์ดีๆที่ได้จากผู้อื่นก็ให้มองตรงจุดนั้น ว่าบางครั้งเราได้คนอื่นมาช่วยอย่างไร ให้เรามองประสบการณ์ดีๆตรงนั้นแล้วเราจะรู้จักให้อภัย รู้จักเคารพ ความรัก ความเมตตา มองโลกอย่างสันติสุข


11.คิดว่าโลกนี้มีแต่ปัญหาเต็มไปหมด แก้เท่าไหร่ก็ไม่หมดเสียที เพราะฉะนั้นวิธีแก้ก็คือถ้าเราเจอปัญหาต้องรีบข้าม เพราะเมื่อข้ามไปแล้วมันเหมือนความสำเร็จมันจะเกิด ก็คือปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้ทุกข์

12. คิดว่าเราเก่งกว่าผู้อื่น ฉลาดกว่าผู้อื่น หรือร่ำรวยกว่าผู้อื่น ความคิดเช่นนี้ จะส่งผลให้พฤติกรรมที่แสดงออกมาเป็นไปตามนั้น วิธีแก้ก็คือ เราต้องมองในมุมว่า เราพร้อมที่จะรับฟังคนอื่น แล้วเราก็กระหายอยู่ตลอดเวลาที่อยากจะรู้ อยากที่จะศึกษาเพิ่ม ที่จะเรียนรู้เพิ่ม ที่จะทำสิ่งนั้นให้ดีกว่าเดิม

13.การด่าทอ เหน็บแหนม ประชดประชัน และวิพากษ์วิจารณ์ เป็นอกุศลวาจา ที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ผู้อื่น วิธีแก้ง่ายๆก็คือ เวลาเราจะคิดจะพูดจะทำอะไร ให้เราคิดว่า

  1. มันทำให้ความดีของเราเพิ่มรึเปล่า
  2. มันทำให้สติปัญญาเราเพิ่มขึ้นไหม
  3. มันทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้นไหม
  4. มันทำให้เรารวยเพิ่มขึ้นหรือเปล่า

ถ้ามันไม่เข้าข่าย 4 ข้อนี้อย่าไปทำ ให้เลิกเลย เพราะมันเป็นความไร้สาระ ทำให้เสียเวลาและรกสมอง


จากนิสัย 13 ข้อ จะเห็นได้ว่าการที่เราคิดร้าย พูดร้าย หรือทำร้ายๆ มันเป็นทุกข์ที่ใจเราก่อนเพื่อน ถ้าเกิดเราอยากมีความสุขและมีพลังในตัว เราก็เลิกซะนิสัยไม่ดี เพราะว่าพลังงานในตัวของเราเหมือนเงินในกระเป๋า เวลาเราเอาไปใช้สุรุ่ยสุร่ายแล้วเวลาเราต้องการใช้จริงๆ ก็จะหมด เพราะฉะนั้นเราต้องคิดดี พูดดี ทำดี ดีกว่า

จึงอยากขอฝากหลักธรรมในพระพุทธศาสนาว่า จริงๆแล้วต้นเหตุของปัญหาจริงๆอยู่ที่บุญและบาป ตัวเราเองนี่เป็นที่ชุมนุมของบุญและบาป ถ้าเราไปทำเรื่องดีๆสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล บุญจะหล่อเลี้ยงใจ แล้วไปเหนี่ยวนำเรื่องดีๆ มาสู่ตัวเราเยอะแยะเลย แต่เมื่อใดเราเองไปทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องเข้าเป็นบาปเป็นอกุศลเข้า กระแสบาปที่เป็นสีดำๆจะมาคลุมเคลือบอาบใจเราเองจนกระทั่งเศร้าหมอง ผลก็คือเวลาเราจะคิด จะคำ จะพูดอะไรก็จะมีแต่ปัญหา ประเด็นหลักๆอยู่ที่บุญกับบาป ถ้าเราจับหลักนี้ได้เราจะแก้ปัญหาได้ถูกจุด แล้วเรื่องที่หนักๆเราจะแก้ปัญหาได้อย่างสบายๆ


วิธีสลัด เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไร้สาระออกจากใจ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์