ความสัมพันธ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ความขัดข้องใจจากความสัมพันธ์แบบเพื่อนฝูงนั้น หลายครั้งเราสามารถแกล้งไม่รู้ไม่ชี้ได้ แต่แปลกที่กับความสัมพันธ์วงในซึ่งเกิดกับคุณผู้ชายของเรา หลายครั้งทำให้เราแอบปรี๊ด และอยากเสกให้เขาเปลี่ยนซะเดี๋ยวนี้
เปลี่ยนได้ แต่อย่า ‘จินตนาการ’ ไปเองนะ
การจะเปลี่ยนใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก กระทั่งเปลี่ยนตัวเราเองยังเป็นเรื่องยาก ดังนั้น การหวังจะเปลี่ยนใครสักคนเพื่อให้กระทบกับความรู้สึกหรือความสัมพันธ์น้อยลงจึงต้องเริ่มจาก ‘เปลี่ยนที่ตัวเรา’ และ ‘เปลี่ยนที่ตัวเขา’ แต่จะเปลี่ยนมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับกรณี ว่ากันเป็นเคสๆ ไป
ก่อนเปลี่ยนเขาดู “ตัวเรา” ก่อนมั้ย
บางเคสอาจต้องเปลี่ยนที่ตัวเราเป็นหลัก การปรับ Mindset ของตัวเองนิดหน่อยทำให้เรามองใครสักคนตรงหน้าในสายตาที่เปลี่ยนไปได้มากขึ้น จากปรี๊ดแตกอาจจะแค่ถอนหายใจเบาๆ จากถอนหายใจเบาๆ ก็อาจจะเริ่มไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะเราเริ่มมองคนอื่นอย่างมีเหตุผลและความเข้าใจมากขึ้น
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ “เขา” ต้องเปลี่ยน
การพยายามเปลี่ยนตัวเขาเป็นสิ่งที่เราทำได้เช่นกัน ถ้าหากสิ่งนั้นเป็นพฤติกรรมหรือลักษณะนิสัยที่กระทบต่อความสัมพันธ์ หรือความเป็นสุขของเราเอง เป็นต้นว่าพ่อหนุ่มของเราขี้บ่นเสียเหลือเกิน ช่วงโปรโมชั่นก็ยังดีๆ อยู่หรอก แต่พอหมดโปรฯ เท่านั้นเขาก็ออกลายทันที พฤติกรรมที่มีผลต่อความสัมพันธ์แบบนี้ เรายินดีและส่งเสริมให้คุณเปลี่ยนเขา เพราะนั่นเป็นสิ่งที่มีผลอย่างมากต่อภาพรวมของความสัมพันธ์ในอนาคต ต่อให้อยู่กันยืด แต่ยืดอย่างไม่เป็นสุข ก็อาจเสียเวลาทั้งสองฝ่าย แต่หากเป็นนิสัยอื่นๆ ของเขา เช่น สูบบุหรี่จัด เที่ยวจัด ติดเพื่อน ฯลฯ อย่างนั้นอาจจะเปลี่ยนได้ยากสักหน่อย เพราะหลายข้อได้เข้าขั้น ‘นิสัยถาวร’ อีกอย่างหลายข้อก็อยู่กับเขามาตั้งก่อนเราจะคบหากันแล้วไม่ใช่หรือ เราเป็นใคร จู่ๆ ถึงจะบังอาจเข้าไปเปลี่ยนเขา เพียงเพราะหมดโปรฯ และเริ่มตาสว่าง ฉะนั้น จะเปลี่ยนใครก็จงพิจารณาด้วยว่า สิ่งนั้นมันสมควรจะเปลี่ยน และเป็นไปได้มั้ย หรือเราแค่ ‘จินตนาการ’
นิสัยแบบนี้ต้องเปลี่ยนที่ “ตัวเขา” ด่วน
ต่อไปนี้เป็นพฤติกรรมของชายหนุ่มส่วนใหญ่ที่สาวๆ ร้อยทั้งร้อยพบเจอบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงหมดโปรฯ
ผู้ชายขาเหวี่ยง จอมวีน
ถ้าจู่ๆ คุณผู้ชายสุขุมกลายร่างเป็นผู้ชายขี้เหวี่ยงจอมวีนช่วงหลังโปรโมชั่น คุณจะรู้ว่านรกมีจริงชัดๆ ถ้าคุณสาวๆ คิดว่าจะจัดการกับพวกเขาด้วยวิธี ‘หนามยอกเอาหนามบ่ง’ ละก็คุณกำลังคิดผิด วิธีที่ดีที่สุดสำหรับรับมือและเปลี่ยนผู้ชายประเภทนี้ทีละน้อยคือ ‘ตีเนียน’ นั่นคือ จงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตราบใดที่ไม่มีการทำร้ายร่างกายกันจงนิ่งเฉยให้มากที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็ต้องไม่เศร้า หดหู่ หรือประชดประชันใดๆ เพราะโดยธรรมชาติของคนที่แบกอารมณ์เกรี้ยวกราดติดตัวมานั้น เมื่อพวกเขาเจอลูกเนียนนิ่งเรียบแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็มักจะอึ้งเล็กๆ หลังจากนั้นก็จะเริ่ม Fade Down อารมณ์ตัวเองลง บ่อยครั้งเข้าพวกเขาจะเริ่มถามตัวเองอีกครั้งถึงสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่มากขึ้น แต่ถ้าไม่ เราก็ต้องอาจต้องพิจารณาความสัมพันธ์ใหม่
ผู้ชายขี้บ่น
ผู้ชายขี้บ่นเป็นผู้ชายน่าเบื่อ ถ้าจู่ๆ พ่อหนุ่มของคุณขี้บ่นมากขึ้น ให้ลองทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องวางตัวประหนึ่ง ‘อารยะขัดขืน’ อยู่ในทีนั่นคือ ไม่บ่น ไม่ประชด แต่ก็ไม่ยินยอม เป็นต้นว่า คุณเบื่อหน่ายที่จะฟังเขาเต็มที คุณก็แค่เดินลุกจากไปเงียบๆ ด้วยท่าทีเรียบๆ ใบหน้านิ่งเฉย หาน้ำมาดื่ม หาหนังสือมาอ่าน (การหยิบหนังสือมาอ่านจะทำให้คุณดูดีกว่าการไม่สนใจเขาแล้วไปเปิดทีวีหรือนั่งเล่นไลน์ เพราะมันดูเป็นเรื่องสำคัญและมีสาระกว่า) ถ้าคุณอดทนทำแบบนี้ได้บ่อยครั้งเข้า อีกฝ่ายจะเริ่มรู้สึกระลึกได้ถึงพฤติกรรมบางอย่างของตัวเองที่อาจมีมากเกินไป โลกสงบสุขกลับมาเยือนเราอีกครั้งแบบเนียนๆ
ผู้ชายที่เป็นผู้นำเกินเหตุ
ลักษณะนิสัยอย่างหนึ่งของผู้ชายโดยทั่วไปคือการแสดงออกซึ่งความเป็นผู้นำ เสมอกับผู้หญิงที่เขาคบหา เมื่อเวลาผ่านไป ภาวะความเป็นผู้นำของเขาอาจเริ่มเข้ามาคาบเกี่ยวชีวิตในทุกแง่มุมของเรามากเกินไป ดังนั้น สิ่งที่เราสามารถทำเพื่อให้พวกเขาค่อยๆ รู้ตัวถึงการแสดงภาวะความเป็นผู้นำที่มากไปก็คือ ฝึกความมั่นใจของตัวเอง หากทำตัวเป็นคนประเภท ‘อะไรก็ได้’ หรือคิดอะไรเองไม่เป็น คุณก็จะกลับเข้าสู่วงจรเดิม นั่นคือการเป็นผู้ตามที่แอบอึดอัดใจบ่อยๆ เว้นแต่คุณจะอยากเป็นผู้ตามตลอดเวลา เช่นนั้นก็เหมาะสมดีแล้วการเปลี่ยนใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ยากเกินความพยายาม เพียงแต่สิ่งที่คุณต้องระลึกถึงก่อนการเปลี่ยนใครสักคนก็คือ เราเปลี่ยนตัวเราเองแล้วหรือยัง เราเคยปรับมุมมองของตัวเองบ้างหรือเปล่าถ้าอยากให้ความสัมพันธ์ไปรอดก็ต้องปรับทิศ และหลายครั้งเมื่อต้องเปลี่ยน ก็ต้องเปลี่ยนตัวเขาและตัวเราด้วยเช่นกัน
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
