วิวัฒนาการของมนุษย์

วิวัฒนาการของมนุษย์


ใครคือโฮมินิดตัวแรก?

นักโบราณมานุษยวิทยาก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับต้นกำเนิดของพวกเราอย่างมาก เมื่อมีการค้นพบฟอสซิลโฮมินิดที่มีอายุมากที่สุดก็ คือ ออสตราโลพิเทคัส อะฟาเรนซิส (Australopithecus afarensis) ซึ่งอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าสะวันนาในแอฟริกาตะวันออกราวสามล้านหกแสนปีที่แล้ว และที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คือโครงกระดูกเพศเมียที่ได้รับการถนอมรักษา อย่างดี ซึ่งค้นพบในประเทศเอธิโอเปียเมื่อ พ.ศ. 2517 มีชื่อว่า ลูซี เมื่อไม่กี่ปีมานี้นักโบราณมานุษยวิทยาพบว่ามีสายพันธุ์มากถึงห้าสาย พันธุ์ที่มีอายุมากกว่า ออสตราโลพิเทคัส อะฟาเรนซิส เมื่อปี 2545นี้เอง ไมเคิล บรูเน็ต แห่งมหาวิทยาลัยปัวตีเย ประเทศฝรั่งเศส และกลุ่มนักสำรวจของเขาออกมาประกาศว่า พวกเขาค้นพบโฮมินิดที่มีอายุระหว่างหกล้านถึงเจ็ดล้านปีกลางเนินทรายในทะเล ทรายซาฮารา ซึ่งก็ คือ ซาเฮลแอนโทรปุส ชาเดนซิส (Sahelanthropus tchadensis)
ฟอสซิ ลที่ค้นพบใหม่นี้ก่อให้เกิดคำถามขึ้นกับความเชื่อเก่าๆ ที่ยึดถือกันมาช้านาน ขณะนี้นักวิจัยกำลังโต้เถียงกันว่าวิวัฒนาการของมนุษย์มองดูคล้ายพุ่มไม้ มากกว่าไม่ใช่เป็นเส้นตรง และเป็นพุ่มไม้ที่ประกอบไปด้วยสายพันธุ์ต่างๆ มากมายแผ่กิ่งก้านสาขาไปคนละทิศละทาง แต่กระนั้นก็ยังไม่มีความเชื่อใหม่ใด ที่หนักแน่นพอที่จะหักล้างความเชื่อเดิมๆ ได้ กลับกลายเป็นการถกเถียงกันมากมายเกิดขึ้นแทน

ภาพด้านล่างก็คือ ซาเฮลแอนโทรปุส ชาเดนซิส หัวกะโหลกจากสาธารณรัฐชาดเมื่อปี 2545 อาจจะเป็นสิ่งที่หลงเหลืออยู่จากญาติโฮมินิดที่มีอายุมากที่สุด รายละเอียดทางด้านกายวิภาคของหัวกะโหลกนั้นมีลักษณะคล้ายลิง ในขณะที่ชนิดอื่นจะมีลักษณะคล้ายหัวกะโหลกของโฮมินิดรุ่นถัดมามากกว่า รวมไปถึงมนุษย์ด้วย เมื่อไม่นานมานี้นักวิจัยได้กลับไปขุดหาโครงกระดูกเพิ่มเติมที่ทะเลทรายซาฮา รา

ทำไมพวกเราถึงเดินตัวตรง?

เป็น เวลาหลายทศวรรษแล้วที่ความสงสัยว่าบรรพบุรุษของพวกเราวิวัฒนาการจากยืนสี่ขา ไปเป็นยืนสองขาได้อย่างไรเริ่มชัดเจนขึ้น ความคิดดั้งเดิมที่มีมาช้านานเกี่ยวกับการที่พวกเรากลายเป็นสัตว์สองเท้าก็ เพราะว่าพวก เราเดินทางออกจากป่ามาอยู่ในทุ่งหญ้า สะวันนา และพวกเราต้องชะเง้อมองผ่านต้นหญ้าและปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่
แต่ ไม่กี่ปีมานี้หลักฐานใหม่ได้ก่อให้เกิดความสงสัยขึ้นกับความคิดเดิมๆในขณะ ที่นักวิจัยศึกษาเกี่ยวกับถิ่นที่อยู่ของโฮมินิดอื่นๆ ที่มีอายุมากกว่าอย่างละเอียด หลายคนสรุปว่าพื้นที่อาศัยนั้นไม่ได้มีลักษณะแบบทุ่งหญ้าสะวันนาแน่นอน แต่เป็นลักษณะภูมิประเทศที่มีความหลากหลายตั้งแต่มีต้นไม้เบาบางจนถึงหนาทึบ พวกโฮมินิดอาจจะไม่ได้อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าสะวันนาจนกระทั่งสองล้านถึงสอง ล้านห้าแสนปีที่แล้ว ซึ่งก็คือช่วงสองล้านห้าแสนปีถึงสามล้านปีหลังจากโฮมินิดคนแรกสุดเดินด้วยขา สองข้าง

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์พยายามที่จะค้นหาว่า อะไรเป็นแรงผลักดันที่ทำให้โฮมินิดวิวัฒนาการไปเป็นสัตว์สองเท้าที่อาศัย อยู่ในป่า เพื่อตอบคำถามนี้ พวกเขาต้องหาคำตอบว่าการเดินตัวตั้งตรงนั้นวิวัฒนาการมาจากอะไร ซากของฟอสซิลช่วยชี้แนวทางให้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางดังกล่าวก็แตกแยกกันไป
เงื่อนงำที่ ดีที่สุดของต้นกำเนิดเกี่ยวกับการยืนตัวตั้งตรงของพวกเราอาจมาจากลิงที่ยัง มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ลิงชิมแปนซีอาจจะยืนตัวตรงบนกิ่งไม้ใหญ่และเด็ดกิ่งไม้เหนือศีรษะได้ และเมื่อพวกมันอยู่บนพื้น พวกมันก็จะยืนขึ้นดึงกิ่งไม้ลงมา โฮมินิดรุ่นแรกอาจจะ X วชาญในการลุกขึ้นยืนคว้าอาหารภายในระยะ เวลาชั่วครู่เดียว ไม่ว่าจะบนต้นไม้หรือพื้นดิน ซึ่งเรื่องนี้อาจจะไม่ได้น่าสนใจหรือสวยงามมากเมื่อเทียบกับความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับโฮมินิดในทุ่งหญ้าสะวันนา แต่ความคิดเดิมๆ อาจต้องถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้วก็เป็นได้

ทำไมสมองของพวกเราถึงได้ ใหญ่นัก?

สัตว์ เลี้ยงลูกด้วยนมโดยทั่วไปที่มีขนาดพอๆ กับ พวกเรามีขนาดของสมองใหญ่เป็นหนึ่งในเจ็ดของสมองพวกเราเท่านั้น และสมองที่มีขนาดใหญ่นั้นเป็นเรื่องที่ใหม่พอสมควรสำหรับโฮมินิด ตั้งแต่เจ็ดล้านถึงสองล้านปีที่แล้วบรรพบุรุษของ พวกเรามีขนาดของสมองประมาณสมองของลิงชิมแปนซีในปัจจุบัน สมองของ โฮมินิดเริ่มขยายขึ้นเมื่อสองล้านปีที่แล้ว และขยายเป็นช่วงๆ จนกระทั่งหยุดตรงขนาดใกล้เคียงกับขนาดในปัจจุบันอย่างน้อยหนึ่งแสนหกหมื่นปี ที่แล้ว

ความเป็นไปได้อย่างหนึ่งก็คือ สมองที่ใหญ่ขึ้นทำให้โฮมินิดมีสมรรถภาพในการประมวลข้อมูลได้มากกว่าปกติ จึงสามารถใช้เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ได้ดีขึ้น ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ โฮมินิดมีแรงกระตุ้นทางสังคม กลุ่มสิ่งมีชีวิตชั้นสูง (คนและลิง) ที่อาศัยอยู่เป็นกลุ่มใหญ่มีแนวโน้มว่าสมองจะมีขนาดใหญ่ขึ้น อาจเป็นเพราะมีข้อได้เปรียบทางวิวัฒนาการเพื่อจะรักษารูปแบบของสมาชิกอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเราเอาไว้ และแน่นอนว่าสมองของมนุษย์ได้วิวัฒนาการไปเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ทางสังคม ที่น่ากลัว ทำให้สามารถล่วงรู้ความคิดของคนอื่นได้ภายในชั่วเวลาแค่วินาทีเดียวโดยมอง จากสีหน้า
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สมองขนาดใหญ่ทำให้มนุษย์เป็นสัตว์สังคมมากขึ้น

พวกเราใช้เครื่องมือเป็นครั้ง แรกเมื่อไหร่?
การ ใช้เครื่องมือเป็นครั้งแรกนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในประวัติ ศาสตร์ของมนุษย์เลยทีเดียว เพราะมันทำให้บรรพบุรุษของพวกเราควบคุมชีวิตของพวกเขาโดยการหาอาหารในสถาน ที่ที่เรียกได้ว่าเป็นเขตห้ามเข้าได้ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็แทบจะไม่มีเบาะแสเลยว่าการเปลี่ยนแปลงทางด้านวิวัฒนาการ นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
หลักฐานที่พอจะเชื่อถือได้มากที่สุดเกี่ยว กับประวัติศาสตร์ทางด้านเทคโนโลยีของพวกเรามาจากเครื่องมือของโฮมินิดที่มี อายุมากที่สุดมีมาตั้งแต่สองล้านห้าแสนปีที่แล้ว ก็คือหินชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่พบในประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งอาจดูไม่เหมือนเครื่องมือมากนัก แต่ก็เพราะเครื่องมือเหล่านี้เองที่ทำให้ชาวโฮมินิดสามารถชำแหละช้างหรือ ทุบกระดูกแอนทีโลปจนแตกละเอียด และดูดกินไขกระดูกจนเรียบ

อย่างไร ก็ตามเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ร่องรอยบางอย่างแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีของมนุษย์อาจจะมีรากฐานย้อนหลังมา จากเมื่อหลายล้านปีในอดีตกาล เหตุผลแรกก็คือ เราพบว่าลิงชิมแปนซีและลิงชนิดอื่นมีพรสวรรค์ในการสร้างเครื่องไม้เครื่อง มือจนน่าแปลกใจ ลิงชิมแปนซีสามารถนำใบไม้มาดัดแปลงให้เป็นรองเท้าแตะเพื่อเดินข้ามทางเดิน ที่ปกคลุมไปด้วยหนาม พวกมันสามารถหักกิ่งไม้มาทำเป็นเครื่องมือในการล่อปลวกออกมากินได้

นัก วิจัยบางคนก็เชื่อว่า มือของพวกโฮมินิดอาจจะช่วยคลายความสงสัยเกี่ยวกับความลึกลับของเครื่องมือ ได้ ยกตัวอย่างเช่น ลูซีและเพื่อนของเธอที่มีชื่อว่า ออสตราโลพิเทคัส อะฟาเรนซิส มีชีวิตอยู่เมื่อล้านปีที่แล้วก่อนที่จะมีการสร้างเครื่องมือที่เก่าแก่ที่ สุดขึ้น ทั้งๆ ที่พวกโฮมินิดมีนิ้วที่โค้งงอเหมือนกับลิงชิมแปนซี แต่พวกเขาก็ยังมีนิ้วหัวแม่มือที่ยาวกว่าซึ่งสามารถสัมผัสกับปลายนิ้วได้ พวกโฮมินิดชำนาญในเรื่องไม้และวัสดุอื่นๆ มาตั้งแต่เมื่อสามล้านห้าแสนปีที่แล้ว ซึ่งช่วยปูทางในการพัฒนาสติปัญญาด้านการผลิตเครื่องมือที่ทำจากหิน

พวกเรามีความคิดที่ทันสมัย ได้อย่างไร?
นัก วิทยาศาสตร์เองก็ยังไม่รู้ว่าความคิดที่ทันสมัยที่เรามีอยู่นั้นมาได้อย่าง ไร คำถามนี้ยากที่จะหาคำตอบเป็นพิเศษ ก็เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงสมองของ โฮโม เออร์แกสเทอร์ หรือบรรพบุรุษอื่นๆ ของ พวกเราได้ ในทางกลับกัน พวกเขาจึงต้องสรุปว่าความคิดในสมัยโบราณเป็นอย่างไรแทน โดยมองจากสิ่งที่โฮมินิดเหล่านี้สร้างขึ้นมา คนที่วาดรูปและระบายสีช้างแมมมอธและแรดที่เต็มไปด้วยขนในถ้ำประเทศฝรั่งเศส เกือบสามหมื่นสองพันปีที่แล้ว ต้องมีความคิดเหมือนพวกเรามากแล้ว นักโบราณคดีใช้หลักฐานนี้มาสนับสนุนว่า การแสดงความคิดที่ทันสมัยนั้นเกิดเมื่อห้าหมื่นปีที่แล้วโดยประมาณ

ริ ชาร์ด ไคลน์ นักโบราณมานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้เสนอทฤษฎีที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้น ซึ่งก็คือ ความคิดที่ทันสมัยเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางด้านพันธุศาสตร์ เขาคาดเดาว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นราวห้าหมื่นปีที่แล้ว และชี้ว่างานฝีมือนั้นเกิดขึ้นหลังจากวันเวลาดังกล่าว ขณะเดียวกันกับที่ความคิดที่ทันสมัยแพร่กระจายมาจากทวีปแอฟริกา วิวัฒนาการทางด้านความคิดที่ทันสมัยทำให้มนุษย์เจริญรุ่งเรืองมากอย่างที่ ไม่เคยเป็นมาก่อน

ทำไมพวกเราถึงมีอายุยืนกว่า ญาติสนิท?
การ ศึกษาดีเอ็นเอในไมโตคอนเดรียของมนุษย์นั้นบ่งชี้ว่า บรรพบุรุษของมนุษย์ทุกคนที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบันเป็นลูกหลานของ โฮโม ซาเปียนส์ ซึ่งอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริการาวหนึ่งแสนห้าหมื่นปีมาแล้ว ในช่วงเวลานั้นมีโฮมินิดชนิดอื่นอยู่สองชนิดคือ โฮโม นีแอนเดอทาเลนซิส (มนุษย์นีแอนเดอร์ทัล) ซึ่งอาศัยอยู่ในทวีปยุโรป มีชื่อเสียงรู้จักกันในเรื่องความโหดร้ายทารุณและชอบตัดไม้ออกเป็นท่อนๆ พวกเขามีสมองที่ใหญ่เท่ากับมนุษย์หรือใหญ่กว่า และยังมีความชำนาญในการล่าสัตว์ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย สิ่งเหล่านี้ช่วยให้พวกเขามีชีวิตรอดอยู่ในยุค น้ำแข็งที่กินเวลากว่าห้าแสนปีหรือมากกว่านั้น อีกชนิดหนึ่งอยู่ในทวีปเอเชียมีชื่อว่า โฮโม อีเร็กทัส มีชีวิตอยู่เมื่อประมาณหนึ่งล้านห้าแสนปีที่แล้ว และหลังจากนั้นไม่นาน โฮโม ซาเปียนส์ ก็แผ่ขยายมาจากทวีปแอฟริกา จากนั้นทั้งสองชนิดก็หายไป เครือญาติโฮมินิดที่ใกล้ชิดของพวกเราทำให้พวกเขาทั้งหมดหายสาบสูญไปอย่างน่า พิศวง

เป็นเวลาหลายปีที่นักวิทยาศาสตร์พยายามที่จะอธิบายเกี่ยว กับการสูญหายของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลและ โฮโม อีเร็กทัส ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุจากสงครามการต่อสู้กับเชื้อไวรัสต่างถิ่น ซึ่งญาติเชื้อสาย โฮโม ซาเปียนส์ เป็นผู้นำเข้ามาจากทวีปแอฟริกา แต่สาเหตุของการสูญพันธุ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก ถึงแม้ว่าสายพันธุ์ของพวกเราจะมีขอบเขตการวิวัฒนาการเพียงเล็กน้อยเหนือโฮมิ นิดอื่นๆ แต่ผลกระทบก็ก่อให้เกิดความเสียหายมากพอสมควร เป็นไปได้ว่ามนุษย์ได้รับผลประโยชน์จากการเดินทางไกลเป็นระยะเวลานานและ เครื่องไม้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้พวกเขาสามารถต่อสู้กับความแห้งแล้ง ยุคน้ำแข็ง และช่วงเวลาแห่งความยากลำบากอื่นๆ ได้ดีกว่าคู่แข่ง บรรพบุรุษของพวกเราอาจจะมีลูกมากขึ้นเพียงไม่กี่คนในแต่ละยุคสมัย และพวกเขาก็ค่อยๆ ครอบครองสถานที่ที่ดีที่สุดเพื่อใช้ในการล่าสัตว์และมีชีวิตอยู่ แต่หลังจากนั้นไปเพียงไม่กี่ร้อยรุ่น การณ์กลับกลายเป็นว่าพวกเขาได้บีบบังคับให้สายพันธุ์ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง ของพวกเขาสูญพันธุ์ไปโดยไม่เจตนา

ยีนอะไรที่ทำให้พวกเราเป็น มนุษย์?
ใน เดือนเมษายน พ.ศ. 2546 นักพันธุศาสตร์สามารถหาลำดับยีนของมนุษย์ได้สำเร็จ และปัจจุบันพวกเขากำลังถอดรหัสพันธุกรรมของชิมแปนซี ซึ่งเป็นญาติที่สนิทมากที่สุดของพวกเรา ลำดับยีนของสิ่งมีชีวิตทั้งสองชนิดนี้ เมื่อดูเปรียบเทียบกันตัวต่อตัวนั้นช่างน่า พิศวงยิ่ง ลำดับยีนหลายพันตำแหน่งมี รหัสของหน่วยพันธุกรรมเหมือนกัน เมื่อไม่นานมานี้ คณะของ มอริส กู้ดแมน นักชีววิทยาแห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวนสเตท ได้วิเคราะห์อัตราส่วนของดีเอ็นเอที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการสร้างโปรตีน ซึ่งปรากฏว่ามนุษย์และลิงชิมแปนซีมียีนกลุ่มนี้ความเหมือนกันถึง 99.4 เปอร์เซ็นต์ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สิ่งที่ทำให้พวกเราเป็นมนุษย์ที่แตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่นนั้นเป็นผลจากกลุ่ม ยีนเพียง 0.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

นักวิทยาศาสตร์จะค้นหาข้อมูล จากยีนของทั้งคนและชิมแปนซีเพื่อที่จะรู้ให้ได้ว่า มนุษย์วิวัฒนาการลักษณะเฉพาะตัวจนแตกต่างจากลิงชิมแปนซีได้อย่างไรและทำไม และรวมไปถึงร่างกายที่สามารถเดินและยืนตัวตรงได้ สมองที่มีขนาดใหญ่ รวมไปถึงภาษา นักวิจัยพบว่าในอดีตเมื่อสองแสนปีที่แล้วมีการคัดเลือกทาง วิวัฒนาการเกี่ยวกับยีนขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรง เป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับยีนนี้อาจจะช่วยให้เกิดการเปลี่ยน แปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เสียงฮึดฮัดแบบธรรมดาของลิงให้กลายเป็นภาษามนุษย์ในที่สุด

พวกเราหยุดวิวัฒนาการหรือ ยัง?
มัน เป็นการเคลื่อนตัวที่น่าทึ่งมาก เป็นเวลากว่าเจ็ดล้านปีที่เชื้อสายของพวกเราวิวัฒนาการจากลิงขนาดเล็กไปเป็น สายพันธุ์ที่โดดเด่นของดาวเคราะห์แห่งนี้ พวกเรามีสมองที่ได้รับการวิวัฒนาการและมีความสามารถในเรื่องต่างๆ ที่สัตว์ชนิดอื่นไม่สามารถทำได้บนดาวดวงนี้ และบางทีอาจหมายถึงในจักรวาลแห่งนี้เลยทีเดียว ทำไมพวกเราถึงไม่วิวัฒนาการสมองของเราให้มีสมรรถภาพสูงมากกว่านี้เล่า?

นัก วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพูดได้ว่าพวกเรากำลังมุ่งตรงไปที่ไหน อาจจะเป็นไปได้ว่าพวกเรามาถึงจุดสิ้นสุดของการวิวัฒนาการแล้ว เมื่อพิจารณาถึงความเป็นจริงว่า สมองของมนุษย์ไม่ได้ขยายใหญ่ขึ้นอย่างน้อยหนึ่งแสนหกหมื่นปีแล้ว
สมอง ขนาดใหญ่ก็มีข้อเสียเปรียบ เช่นเดียวกับการขยายเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สมองที่เติบโตต้องการการเชื่อมโยงที่มากขึ้นเพื่อเชื่อมต่อโปรแกรมต่างๆ เข้าด้วยกัน สมองของมนุษย์อาจจะเดินทางไปถึงสุดขอบเขตของการเชื่อมโยงแล้ว นอกจากนี้สมองขนาดใหญ่ยังสร้างภาระหนักหน่วงให้ร่างกายของมนุษย์อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกายของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ช่องคลอดของผู้หญิงจะต้องมีความกว้างพอที่จะให้สมองของเด็กที่มีขนาดใหญ่ คลอดออกมาได้ แต่มันก็มีขอบเขตว่ากระดูกเชิงกรานของผู้หญิงจะกว้างขึ้นอย่างไร ถ้ามันกว้างเกินไป ผู้หญิงก็จะต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเดินตัวตรง ด้วยเหตุผลเช่นนี้เองที่อาจบีบบังคับให้มันเป็นไปไม่ได้ที่สมองของมนุษย์จะ มีขนาดใหญ่ขึ้น



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์