ว่าง่าย

ว่าง่าย

เปิดเทอมแล้ว วันนี้เลยขอพาไปเที่ยว'โรงเรียนแพทย์'
อาจารย์เริ่มชม.แรกของการสอน ด้วยการพานักศึกษาใหม่

เข้าห้องทดลอง ในมือของอาจารย์เป็นแก้วใสใบหนึ่ง มีน้ำ
สีเหลืองค่อนแก้ว..."นี่เป็นปัสสาวะ คนที่จะเป็นหมอ ต้องมี

ใจกล้าและละเอียดถี่ถ้วน"..อาจารย์เริ่มบรรยาย "ต่อไปนี้
ขอให้ทุกคนทำตามอาจารย์ แหย่นิ้วลงไปในถ้วย

แล้วยื่นนิ้วใส่ปาก จากนั้นให้ใช้ลิ้นเลียดู"....นักศึกษาใหม่ทำหน้า
เหยเก หันไปมองกันเลิ่กลั่ก..ชม.แรกก็เอากันอย่างนี้เชียวหรือ..

หลายคนนึกในใจ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรก็เห็น อาจารย์แหย่นิ้ว
มือขวาลงไปในถ้วยปัสสาวะ ไม่ใช่แหย่เฉยๆยังกวนน้ำจนหมุนติ้ว

แล้วชักนิ้วออกมา ยื่นนิ้วเข้าปากดูดเสียงดังจ๊วบ....."อูยยย..."
นักเรียนครางกันเป็นแถว แต่ทำไงได้ ไหนๆอาจารย์ก็ลงทุน

ทำเป็นตัวอย่างแล้ว ลองทำตามอาจารย์ดู ยังไงก็ไม่ตายอยู่แล้ว
ดังนั้น ทุกคนจึงพากันแหย่นิ้วลงไปในถ้วยปัสสาวะ แล้วใส่ปาก

เลียอย่างผะอืดผะอม....เมื่อทำเสร็จสรรพแล้ว อาจารย์ก็พูดพลาง
ยิ้มแย้มว่า...."พวกเธอโง่จริงๆ อาจารย์บอกให้เธอใจกล้าและถ้วนถี่

ทำไมไม่มีใครสังเกตุว่า อาจารย์แหย่นิ้วชี้ในถ้วยปัสสาวะ แต่ยื่น
นิ้วกลางเข้าปาก ไม่ได้เลียนิ้วชี้สักหน่อย"

การเชื่อฟังอาจารย์นั้นเป็นของดี แต่เชื่ออย่างเดียวไม่พอ ต้องมีสติ
และปัญญาประกอบด้วย เพราะพอวางใจเสียแล้ว ก็เลยไม่ใช้ความคิด

ขณะเดียวกันก็หย่อนความสังเกตุ จนบางทีกลายเป็นความเผลอเรอ
สิ่งที่เคยเห็นก็เลยไม่เห็น กลายเป็นว่าทั้ง'ตาเนื้อ'และ'ตาใน'

ก็พลอยถูกบดบังไปด้วยเพราะศรัทธาตัวเดียว สภาวะเช่นนี้
ทำให้ใครต่อใครถูกหลอก เพราะไปหลงเชื่อคนที่ตั้งตัวเป็นอาจารย์

เมื่อฝากจิตฝากใจให้เขาหมด เขาจะเล่นกลอย่างไร ก็ไม่เคย
เห็นพิรุธสักอย่าง ทั้งๆที่สามารถจับผิดได้มากมาย หากรู้จักสังเกตุ

มีสติตื่นตัวและคิดเป็น....

สามสลึง...

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์