สอนลูกให้รัก การเขียน ใครว่าไม่สำคัญ

สอนลูกให้รัก การเขียน ใครว่าไม่สำคัญ


ในยุคที่เรามักจะให้เด็ก "จิ้มๆๆๆ" กันเป็นส่วนใหญ่ (กรุณาอย่าคิดลึกค่ะ จิ้มแป้นในแบล็คเบอร์รี่) ไม่ก็คลิก ลาก วาง ผ่านอุปกรณ์ไฮเทค...ศาสตร์แห่งการเขียนกลายเป็นสิ่งที่เราหลงลืม ไม่ให้ความสำคัญ หารู้ไม่ว่าทักษะในการเขียนนั้น มีประโยชน์มากมายต่อการดำเนินชีวิต

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกๆ โตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ เพราะทักษะในการเขียนนั้นจะช่วยให้เขาสามารถเรียบเรียงความคิด ถ่ายทอดออกมาเป็นข้อมูลได้อย่างถูกต้อง สละสลวย สื่อสารให้คนทั่วไปเข้าใจได้อย่างไม่ยากเย็น ยิ่งถ้าฝึกให้มีความชำนาญมากๆ แล้ว ก็ไม่ต่างกับการมีอาวุธที่ดีที่สุดมาอยู่ในมือนั่นเองเช่นนั้นแล้ว เรามาสร้างลูกให้รักการเขียนกันเถอะค่ะ โดยเริ่มได้จากสร้างบรรยากาศในบ้านให้น่าเขียน

ท่านผู้อ่านอาจจะบ่นในใจว่า ให้เริ่มจากที่บ้านอีกแล้ว อะไรๆ ก็ต้องเริ่มจากที่บ้าน เริ่มจากพ่อแม่ ทีมงานก็อยากเรียนให้เข้าใจว่า การริเริ่มสิ่งดีๆ ให้เด็กคนหนึ่งนั้น จะง่ายที่สุด ก็คงต้องเริ่มจากคนที่รักเขามากที่สุดนั่นล่ะค่ะ อย่าไปหวังให้คนอื่นเริ่มให้เลย (^^) ว่าเช่นนั้นแล้ว เราไปดูกันดีกว่าว่าจะสร้างบ้านให้เด็กๆ อยากขีดเขียนกันได้อย่างไรบ้าง


- พ่อแม่เองก็มีพฤติกรรมชอบขีดชอบเขียนจนเป็นนิสัย เช่น อาจจะชอบเขียนโน้ตหวานๆ ถึงกัน แปะตามประตูตู้เย็น หรือบอร์ดในบ้าน พอถึงรุ่นลูก เขาก็ได้เห็นจนเป็นเรื่องปกติ แถมดีไม่ดี อาจถูกพ่อแม่ชวนให้มาร่วมเป็นหนึ่งในแก๊งค์เขียนโน้ตด้วยในที่สุด

- พ่อแม่ใจดี ชอบนึกถึงญาติผู้ใหญ่ หรือเพื่อนสนิท และมักจะชวนลูกเขียนจดหมายถึงเพื่อน ถึงญาติผู้ใหญ่ด้วย

- พ่อแม่ที่ทราบธรรมเนียมของเทศกาล ในช่วงเทศกาลปีใหม่ เรามักส่งบัตรอวยพรถึงคนที่รักและนับถือ แถมการเขียนคำอวยพรนั้นก็ทำให้ผู้ส่งเองมีความสุขใจด้วยเช่นกัน


สอนลูกให้รัก การเขียน ใครว่าไม่สำคัญ


ไปเที่ยวก็ยังเขียน

แม้ว่าเดี๋ยวนี้จะมีกล้องดิจิตอล บันทึกทุกความทรงจำจากการท่องเที่ยวกลับมาได้ แต่ถ้ามีโอกาสลองส่งโปสการ์ดจากสถานที่ที่เราไปเที่ยวกลับมาด้วยก็จะได้ความทรงจำอีกแบบหนึ่ง ผู้ใหญ่หลายคนในวันนี้ยังชื่นชอบการส่งโปสการ์ดก็เพราะคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านปลูกฝังกันมา แล้วทำไมพอมีเจ้าตัวน้อยจะไม่ส่งต่อความรู้สึกดีๆ นั้นให้กับลูกล่ะคะ


เปิดพื้นที่สำหรับนักเขียนตัวน้อย

อาจเป็นโต๊ะเล็กๆ กระดานวาดรูป ในห้องเงียบ ไม่มีเสียงทีวีรบกวน หากเป็นเด็กเล็กอาจเริ่มจากสีชอล์ก กระดาษขาว (ถ้าเป็นกระดาษรีไซเคิลเหลือใช้ก็ดีไม่แพ้กัน) แต่ถ้าเป็นเด็กโต อาจต้องเตรียมดินสอ ยางลบ และอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ลูกรักการเขียน ห้องหับในบ้านอาจเลอะเทอะกันได้บ้าง คุณพ่อคุณแม่คงต้องทำใจกันสักนิด เดี๋ยวโตกว่านี้รู้จักเขียนเป็นที่เป็นทาง ค่อยชวนเขามาล้างห้องให้สะอาดก็ยังได้ค่ะ


ชวนลูกเขียนไดอารี่

บันทึกเรื่องราวในแต่ละวัน และจะให้ดีควรให้เป็นของส่วนตัวของลูกคนนั้นๆ ไปเลย สำหรับเด็กเล็ก อาจให้สมุดเล่มโตที่ไม่ต้องมีเส้น เผื่อลูกจะวาดรูปแทนการบันทึกด้วยตัวหนังสือ อย่าลืมให้เขาเขียนวันที่ของเรื่องนั้นๆ ด้วย เผื่อเขาย้อนกลับมาอ่านจะได้ทราบว่ามันคือวันใดในอดีต


ฝึกเด็กให้ง่ายอย่าลืมใช้ "ศิลปะ"

เป็นที่ทราบกันดีว่า เด็กทุกคนมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัวอยู่แล้วนะค่ะ นึกถึงสมัยที่คุณพ่อคุณแม่เด็กๆ เองก็คงเคยวาดรูปใส่กระดาษ จากนั้นก็เริ่มคิดเนื้อเรื่อง ใส่คำพูด ใส่ตัวอักษรลงไป เชื่อว่าเด็กๆ ในวันนี้ก็คงมีพัฒนาการที่ไม่แตกต่างกัน แต่ถ้าจะให้เขาสนุกยิ่งขึ้น ลองหาตรายางน่ารักๆ สติ๊กเกอร์ ดินสอสี กรรไกรที่สามารถตัดกระดาษเป็นลายต่างๆ ลูกไม้ โบว์ มาช่วยให้การเขียนของลูกสนุกยิ่งขึ้นก็ได้ค่ะ


เสาร์อาทิตย์นี้ มาลองสร้างนักเขียนน้อยกันดูนะคะ




ที่มา ThaiHealth

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์