สักถาวร ติดทนนาน เพราะอะไร???


การ "สัก" เป็นหนึ่งในแฟชั่นเก่าแก่ที่ยังหลงเหลืออยู่ในขณะนี้ หัวหน้าเผ่ายอร์มีรอยสักอยู่เต็มตัวไม่เว้นแม้กระทั่งใบหน้า แม้กระทั่งฟาร์โรห์ของอียิปต์ก็ยังชอบการสัก และมันก็ไม่ใช่แฟชั่นที่เลือนหายไป ในหลายๆ พื้นที่ของโลกรอยสักเหล่านี้มีคุณค่าและวัตถุประสงค์ ตั้งแต่ในเรื่องของศาสนา สัญลักษณ์ของความกล้าหาญ เรื่องทางเพศ และเครื่องหมายป้องกันภัยจากสิ่งชั่วร้าย และอีกหลากความหมาย

การสักยังคงเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน จากรายงานของ Pew Reseach เมื่อปี 2010 ชาวอเมริกันอายุ 18 – 29 ปีอย่างน้อย 40% ของคนทั้งหมด จะมีรอยสักอย่างน้อย 1 แห่ง ซึ่งรอยสักนั้นอาจจะเป็นรอยสักถาวรหรือชั่วคราวก็ได้แล้วอะไรที่ทำให้หมึกสามารถติดทนนานอยู่บนร่างกายเรา
 
ดร. Anne Laumann ศาสตราจารย์ด้านผิวหนังจากมหาวิทยาลัย Northwestern ได้อธิบายว่า  การที่จะทำให้หมึกติดอยู่บนร่างกายได้นานนั้นขึ้นอยู่กับ "อนุภาคของหมึก" นั่นเอง

ในกระบวนการสักนั้นจะใช้เข็มเล็กๆ แทงผ่านชั้นหนังแท้ โดยที่ปลายเข็มจะมีหมึกอยู่ ดังนั้นทุกครั้งที่เข็มแทงก็จะมีหมึกซึมลงชั้นใต้ผิวหนังด้วย ซึ่งถือเป็นกระบวนการทำลายผิวหนัง ปกติแล้วเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย เม็ดเลือดขาวจำนวนมากต้องมากำจัดสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้น แต่เนื่องจากเม็ดสีของหมึกที่ใช้สักนั้นมีขนาดใหญ่มาก ทำให้เม็ดเลือดขาวไม่สามารถกำจัดออกไปได้ จึงเป็นสาเหตุให้สีที่สักติดอยู่ถาวร

รอยสักมักจะกลายเป็นปัญหาเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากสีที่ใช้ในการสักนั้นจะถูกฉีดเข้าไปภายใต้ผิวหนัง ทำให้เม็ดสีถูกหลอมรวมไปนั้นชั้นเหล่านั้น เมื่ออายุมากขึ้น รูปร่างคนเราย่อมเปลี่ยนไปทำให้รอยสักทีเคยสวยกลับดูซีดจาง ภาพก็เริ่มบูดเบี้ยว ทำให้รอยสักเหล่านั้นไม่เป็นที่พึงใจอีกต่อไป

การที่จะการลบรอยสักเหล่านั้น ยังไม่มีวิธีไหนในโลกที่จะสามารถลบลอยสักให้ออกได้อย่างรวดเร็ว วิธีการลบลอยสักนั้นก็มีตั้งแต่การใช้น้ำกรด เตารีดนาบ กระดาษทรายขัด หรือผ่าตัดลอกผิวหนังในส่วนนั้นๆ ออกไป แต่ปัจจุบันวิธีลบรอยสักที่รวดเร็วที่สุดและให้ผลดีที่สุดก็คือการใช้เลเซอร์ ส่วนจำนวนครั้งนั้นที่ต้องทำเลเซอร์นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่ารอยสักมีสีเข้มยากน้อยในการลบแค่ไหน

รู้แบบนี้แล้ว คิด ก่อน สัก อย่าใช้อารมณ์เพียงชั่ววูบ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง  เพราะเมื่อใดที่ต้องการกำจัดมันทิ้ง มันอาจไม่ง่ายเหมือนตอนสัก
 

สักถาวร ติดทนนาน เพราะอะไร???


ขอบคุณ : vcharkarn


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์