หญิงสาวมะกัน 3 คนปรากฏตัวปริศนาหลังหายไป 1 ทศวรรษ


หญิงสาวมะกัน 3 คนปรากฏตัวปริศนาหลังหายไป 1 ทศวรรษ

หญิงสาวมะกัน 3 คนปรากฏตัวปริศนาหลังหายไป 1 ทศวรรษ

หญิงสาวชาวอเมริกัน 3 คน ซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับนานเกือบ 1 ทศวรรษ ปรากฏตัวอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งที่รัฐโอไฮโอ ห่างจากจุดที่หายตัวไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ว่า หญิงสาว 3 คน ซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับนานเกือบ 1 ทศวรรษ ปรากฏตัวอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งที่รัฐโอไฮโอ ห่างจากจุดที่มีผู้พบพวกเธอครั้งสุดท้ายก่อนหายตัวเพียงไม่กี่กิโลเมตร

นายชาร์ลส แรมซีย์ ชาวเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ซึ่งเป็นผู้พบตัว 3 สาว กล่าวว่า ได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงทุบประตูดังออกมาจากบ้านหลังนั้น จึงตัดสินใจเดินเข้าไปดู ก่อนจะพบกับหญิงสาวคนหนึ่งร้องขอให้ช่วยเปิดประตูให้ ซึ่งในทีแรกไม่สามารถเปิดได้ คาดว่าประตูอาจถูกลงกลอนเอาไว้อย่างแน่นหนา ต้องใช้วิธีเตะอย่างแรงหลายครั้ง จนกระทั่งประตูบ้านเปิดออก ผู้ที่อยู่ภายในจึงค่อยๆก้าวออกมา สร้างความตกใจให้แก่ตนเองอย่างมาก เนื่องจากมีถึง 3 คนและเป็นผู้หญิงทั้งหมด

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเดินทางถึงที่เกิดเหตุในเวลาไม่นาน กล่าววา หญิงสาวทั้ง 3 คน คือ นางสาวอแมนดา แบร์รี จีนา เดอจีซัส และมิเชล ไนธ์ โดยแบร์รีและไนธ์หายตัวไปพร้อมกัน ขณะมีอายุได้ 16 ปี เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2546 ระหว่างกำลังเดินทางกลับบ้าน หลังเลิกงานพิเศษที่ร้านอาหารฟาสต์ ฟู้ด เบอร์เกอร์ คิง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านหลังที่พลเมืองดีพบตัวพวกเธอ


ส่วนเดอจีซัสหายตัวไปในอีก 1 ปีถัดมา ระหว่างกำลังเดินออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน ขณะนั้นเธอมีอายุเพียง 14 ปี

ทั้งนี้ ไม่มีรายงานเปิดเผยเกี่ยวกับสภาพร่างกายและจิตใจของทั้ง 3 สาว ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่แล้ว แต่การหายตัวไปของพวกเธอเป็นปริศนาให้แก่เจ้าหน้าที่และครอบครัวของพวกเธอตลอดเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา แม้เจ้าหน้าที่จะจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ถึง 3 คน แต่มีเพียงคนเดียวที่ถูกตัดสินจำคุก แต่เป็นในข้อหาให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน ส่วนอีก 2 คนถูกปล่อยตัวไป เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอ

อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดระบุว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวชายชาวอเมริกันเชื่อสายลาติน วัย 52 ปีคนหนึ่งมาสอบปากคำแล้ว

 โดยสันนิษฐานว่า อาจมีส่วนรู้เห็นในการพาหญิงสาวทั้ง 3 คนมาไว้ที่บ้านหลังนี้


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์