หลับในเพียง 10 วินาที ก็เกิดอุบัติเหตุได้ สธ.แนะวิธีแก้

นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ว่าช่วงวันหยุดเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือวางแผนเดินทางท่องเที่ยว ควรเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ เนื่องจากความง่วงมีผลต่อสมรรถภาพการขับรถเหมือนกับการเมา ทำให้การทำงานของสมองและประสาทสัมผัสทุกอย่างช้าลง ใจลอย ไม่มีสมาธิ การรับรู้ช้าลง การตัดสินใจผิดพลาด การสั่งการของสมองไปยังกล้ามเนื้อช้าลง เมื่อเกิดเหตุการณ์คับขัน จึงแตะเบรกหรือหักรถหลบหลีกได้ช้ากว่าปกติ คนที่ง่วงแล้วขับ จึงไม่ต่างกับคนเมาแล้วขับ สำหรับผู้ขับรถสาธารณะควรปฏิบัติโดยอย่างเคร่งครัด เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุที่อาจรุนแรงขึ้นได้

การหลับใน (Sleep without closing eyes) คือ การหลับขณะที่ตายังเปิดอยู่แต่ไม่รับรู้ภาพเบื้องหน้า อาจเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 10 วินาทีโดยผู้ขับขี่ไม่รู้สึกตัว และบังคับตัวเองไม่ได้ชั่วขณะ ถ้าวิ่งรถด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. รถจะวิ่งต่อไปอีก 100 เมตร โดยขาดการควบคุมรถจะชนรุนแรงเพราะคนขับรถไม่ได้หักหลบหรือเหยียบเบรกทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ทันที 



หลับในเพียง 10 วินาที ก็เกิดอุบัติเหตุได้ สธ.แนะวิธีแก้

ก่อนเดินทางควรเตรียมตัว เพื่อหลีกเลี่ยงการง่วงขณะขับรถ ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการเดินทางช่วงกลางคืน เผื่อเวลาการเดินทางให้มากขึ้น จะได้ไม่ต้องเร่งรีบให้ถึงจุดหมาย เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่ขับรถเร็ว เมาไม่ขับ ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ
 
2.ควรหยุดพักระหว่างทางทุกๆ 2 ชั่วโมง หรือทุก 150 กิโลเมตร เพื่อลดความเมื่อยล้าของร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงที่เดินทางกลับ หากไม่สามารถหยุดพักรถได้ ควรจิบน้ำเปล่าบ่อยๆ ทานผลไม้รสเปรี้ยวหรือลูกอมเปรี้ยวๆ จะช่วยกระตุ้นประสานให้สดชื่นๆ เตรียมน้ำแข็งไว้ให้คนขับอมหรือถูขมับ หรือปิดแอร์เปิดกระจกให้รู้สึกสดชื่นขึ้น หากไม่ไหวจริงๆอย่าฝืนขับให้หาที่ปลอดภัยจอดรถนอนพัก 10-15 นาที

3.สิ่งที่สำคัญไม่ควรมองข้ามคือ "สมาธิ" ผู้ร่วมทางควรมีส่วนสนับสนุนให้เกิดการขับขี่ปลอดภัย ชวนคุยแต่พอดี ไม่ให้เสียสมาธิ ช่วยดูเส้นทาง อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับ เดินทางไกล 4.ในเส้นทางที่หมอกลงจัด ทำให้ทัศนะวิสัยในการมองเห็นลดลง ควรเปิดโคมไฟใหญ่หรือไฟต่ำหรือไฟตัดหมอก เพื่อให้มองเห็นสภาพเส้นทางได้ชัดเจนขึ้น และไม่ควรขับแซงหรือเปลี่ยนช่องการจราจรอย่างกะทันหัน


ที่มา กระทรวงสาธารณสุข


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์