หาบน้ำแก้บนที่ค่ายบางระจัน.


หาบน้ำแก้บน

“หาบน้ำแก้บน” เป็นความเชื่อและศรัทธาเกี่ยวกับการยนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะต้องมาหาบน้ำเพื่อแก้บน ณ วัดโพธิ์เก้าต้น หมู่ 8 ตำบลบางระจัน ตรงข้ามอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี

หาบน้ำแก้บนที่ค่ายบางระจัน.


“อยากได้เท่าไร ก็หาบเอา” ไม่เพียงแต่ความเชื่อที่ว่าสระน้ำพระอาจารย์ธรรมโชติเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จนไม่มีใครกล้าตกปลา ชาวบ้านที่นี่ยังให้ความเคารพบูชาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี่และเป็นธรรมดาเมื่อมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ย่อมมีการทำพิธีบนบานศาลกล่าวและมีการแก้บนเมื่อได้ดังที่ขอไว้

แต่ที่แปลกและไม่เหมือนที่ไหนคือ ผู้ที่มาบนบาลสระน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แล้วภายหลังจะต้องแก้บนด้วยการหาบน้ำถวายท่าน การหาบน้ำแก้บนคุณผู้อ่านจะเชื่อหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของท่านเอง แต่เรื่องนี้ได้มีคนพิสูจน์แล้ว และมีประชาชนส่วนใหญ่เชื่อในเรื่องนี้ด้วย


พระอาจารย์ธรรมโชติ หรือที่เรียกกันว่า หลวงพ่อยิ้มแห่งวัดไม้แดง นี้เป็นขวัญกำลังใจหลักของคนสมัยสงครามบางระจัน จนมาถึงปัจจุบันที่นี่ก็ยังเป็นวัดที่มีเชื่อเสียงเรื่องการบนบานศาล กล่าว ซึ่งชาวบ้านในละแวกนั้นเชื่อกันว่าวัดนี้ถ้าใครมาบนบานศาลกล่าวเรื่องอะไรไว้แล้วก็จะได้ดังหวัง และคนๆ นั้นต้องมาหาบน้ำแก้บนตามจำนวนหาบที่ตนนั้นได้บนกับท่านไว้ ยืนยันได้จากหลักฐานที่ปรากฎเพราะมีคนที่มาแก้บนเสร็จแล้วทิ้งถังน้ำไว้กองรวมกันอยู่ในบริเวณวัดเป็นร้อยๆใบพร้อมกับไม้หาบ เรียกว่าใครที่จะมาแก้บนเป็นรายต่อไปนั้นไม่ต้องนำอุปกรณ์มาก็ได้ที่นี่เขามีไว้ให้แล้ว เพียงแต่คงต้องฟิตร่างกายกันเสียหน่อย เพราะถ้าบนไว้เยอะก็ต้องหาบกันหลายรอบหน่อย ต้องหาบไปตักน้ำจากบ่อน้ำที่อยู่ด้านข้างสระมาเติมในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้

สำหรับสถิติสูงสุดที่มีคนมาบนไว้แล้วต้องแก้บนนั้น เป็นจำนวนถึง 1,000 หาบ คงจะกลับไปหลังเคล็ดกันเลยทีเดียว และที่สำคัญเป็นเรื่องดีที่ว่าไม่ว่าจะหน้าแล้งแค่ไหน สระน้ำแห่งนี้คงไม่มีทางแห้งขอดแน่ๆ เพราะมีคนมาช่วยเติมน้ำให้เต็มอยู่ตลอด ส่วนเรื่องที่ชาวบ้านมาขอกันส่วนมากว่ากันว่าเป็นเรื่องการตามหาของหายบ้างคนหายบ้าง ขอให้ลูกชายของตนเองไม่ติดทหารบ้าง และส่วนใหญ่ที่มาบนกันไว้ก็ได้สมหวังเสมอ แต่การหาบน้ำไม่ได้หมายความว่าแก้บนอย่างเดียวเท่านั้นผู้คนที่แวะเยี่ยมชมสามารถหาบน้ำเพื่อเป็นการทำบุญก็ได้เหมือนกัน

พระเทพสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ได้เล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่บริเวณค่ายบางระจันและบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ว่า
 
“เมื่อก่อนที่ค่ายบางระจัน มีผู้ตักน้ำในสระอาจารย์โชติไปใส่หม้อรถ หม้อรถนั้นก็เกิดระเบิดเลย ใครลักอะไรไปต้องนำไปคืน ใครจะไปเอาอิฐดอกจันทน์ที่เป็นศิริมงคลนั้น สุดท้ายก็ต้องนำไปคืนหมด แต่ก็มีคนอยากได้ เพื่อนำมาป่นเป็นผงผสมสร้างพระ อาตมาเคยไปเอาอิฐ ๙ ตรามาได้สมัยนายพุกฤกษ์เกษมเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี มีคราวหนึ่งหลายปีผ่านมาแล้ว เจ้าคณะอำเภอเดิมบางนางบวชองค์เก่า ตอนนี้มรณภาพแล้ว ท่านเคยมาที่วัดอัมพวัน ท่านอยากได้บ้าง ท่านเลยมาค้างที่วัดนี้ รุ่งขึ้นก็ไปเอา เก็บอิฐใส่ย่าม ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไป ท่านจะนำไปทำพระหรืออะไรก็ไม่ทราบ พอไปถึงจะเข้าเขตสุพรรณ เดิมบางนางบวช เลี้ยวไปตลาดท่าช้างมันมืด รถคว่ำศีรษะแตก ก็เก็บอิฐไปค้างบ้านของน้องสาวที่อยู่ในดงอ้อย ตกกลางคืนเสียงครางกันกระหึ่ม เลยต้องนำอิฐมาคืน นี่คือเหตุการณ์ที่ผ่านมา คนที่ตายขณะมีโทสะ ตายในสงครามด้วยอำนาจโทสะ นี่เป็นอสุรกายดุร้ายมาก ใครจะมาเอาอะไรไม่ได้ อาตมาก็บอกกับนายพุก ฤกษ์เกษม ว่า ถ้าสร้างค่ายสร้างวัดขึ้น มีโครงการสร้างสะพานขึ้น ก็จะหายดุร้ายไปได้ ในเวลากาลต่อมาก็สร้างสำเร็จตามเหตุการณ์ ตามลำดับ ได้ทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฉลองค่ายและทูลเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชตัดลูกนิมิต หลังจากทรงบำเพ็ญพระราชกุศลแล้ว ดวงวิญญาณของอสุรกายก็กลับไปเกิด เลยความดุร้ายหายไป เห็นจะเป็นจริงตามหลักพระพุทธศาสนา คนดุคือตายด้วยโทสะ ตายด้วยอารมณ์ดี จิตเป็นกุศลก็ไม่มาดุร้าย ตายด้วยอำนาจโทสะก็อยู่ตรงนั้นมันดุ ยกตัวอย่าง สองสามีภรรยามาแวะที่วัดนี้ หาว่าเมียมีชู้ ขับรถเบนซ์ไปก็ทะเลาะระหว่างทางไปเรื่อย ไปถึงบางปะอินก็คิดว่าอย่าอยู่เลย จึงขับรถชนท้ายรถซุง ตายคาที่ทั้งสองคน ด้วยอำนาจโทสะดุร้ายเหลือเกินที่ตรงนั้น เช่นเดียวกับต้นมะขามหน้าวัดอัมพวันนี้ก็เคยมีวิญญาณภูติผีดุร้าย และแสดงอภินิหารออกมา ภายหลังเมื่อขุดบ่อตรงต้นมะขามนั้นและเอาร่างผู้ตายขึ้นมาเผาแล้วบำเพ็ญบุญบำเพ็ญกุศล อุทิศให้ ต้นมะขามก็ตายตรงนั้น กลายเป็นที่เตียน และเป็นที่สำนักกรรมฐานต่อไป และจะไม่มีวี่แววอะไรอีกต่อไป เหมือนแต่ก่อนมา ขอฝากไว้เป็นข้อคิดโดยทั่วหน้า มันมีหลักฐานที่แน่นอน”

เรื่องของความเชื่อเป็นเรื่องที่ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ดีกว่า อย่างไรก็ตามทำดีไว้เป็นดีที่สุด จิตใจของเราจะได้เป็นกุศลและดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุขจริงไหมค่ะ


ที่มา
http://www.unseentourthailand.com
ภาพ http://www.holidaythai.com/Thailand-Attractions-1472.htm


หาบน้ำแก้บนที่ค่ายบางระจัน.


หาบน้ำแก้บนที่ค่ายบางระจัน.


หาบน้ำแก้บนที่ค่ายบางระจัน.


หาบน้ำแก้บนที่ค่ายบางระจัน.


หาบน้ำแก้บนที่ค่ายบางระจัน.


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์