ห้องสยองขวัญ

ห้องสยองขวัญ


เมื่อสองปีที่แล้ว ดิฉันกับสามีไปบางแสนตามคำชวนของเพื่อนๆ ตอนนั้นลูกคนแรกของเราอายุเพิ่งได้สองขวบเท่านั้นเอง เรากระเตงแกไปด้วย มีโปรแกรมว่าจะพักในโรงแรมสามคืน แต่คืนแรกก็ต้องเผ่นกระเจิงแล้วค่ะ


คืนนั้น หลังกินอาหารมื้อเย็นกับเพื่อนร่วมรุ่นของสามีเกือบสิบคน ดิฉันก็ขอตัวพาลูกกลับโรงแรมก่อนเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบาย ส่วนสามีก็ไปเที่ยวต่อกับเพื่อนๆ ดิฉันบอกว่าไม่ต้องห่วงอันที่จริงก็รู้สึกกังวลไม่ใช่น้อย เพราะอะไรรู้ไหมคะ? คือโรง แรมที่เราพักอยู่นี้มันมีอะไรไม่ค่อยชอบมาพากล...พอย่างเข้าไปก็รู้สึกได้ทันที!


มันเป็นห้องที่สวยน่าอยู่ มีเตียงคู่ขนาดควีนไซซ์ มีโต๊ะหัวเตียงคั่นกลางเมื่อเปิดประตูห้องจะเห็นว่าทางขวามือเป็นห้องน้ำ ซ้ายมือเป็นตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนและมันเปิดอ้าอยู่ พอก้าวเข้าไปในห้องดิฉันเกือบสะดุ้ง เพราะเห็นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนผมยาวอยู่ในตู้เสื้อผ้านั่น ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็หายไป อาจจะตาฝาดไปเองก็ได้! แต่แล้วก็มีลมพัดวูบมาจากด้านในของห้อง ซึ่งแปลกมาก...หน้าต่างห้องยังปิดสนิทเพราะเป็นห้องแอร์ ลมจะพัดมาจากไหน? ถ้าจะพัดก็ควรจะพัดจากข้างนอกเข้าไปซีคะ ดิฉันขนหัวลุกซู่และรู้สึกหนาวเยือก ทั้งๆ ที่อากาศร้อนออกขนาดนั้น


อย่างไรก็ตาม ดิฉันไม่ได้ปริปากบ่นหรือบอกอะไรกับสามี เพราะ กลัวเขาจะไม่สบายใจ ตัวเองก็คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก เราอาจจะเพ้อ เจ้อ ตาฝาดไปเองก็ได้


ตลอดวันดิฉันลืมเรื่องนั้นไปแล้ว มานึกได้อีกทีตอนสามีขับรถมาส่งที่โรงแรม...ดิฉันอุ้มลูกไปที่เคาน์เตอร์ ขอกุญแจห้องแล้วขึ้นลิฟต์ไปชั้นสาม ตรงไปยังห้องพักมานึกถึงภาพสยองได้ตอนนั้นเอง!



ตอนกำลังเปิดประตู ดิฉันก็นึกเสียวๆ ว่าจะเห็นอะไรที่น่ากลัวอีก ใจสั่นเลยล่ะค่ะ พอประตูห้องเปิด ภายในห้องมืดและมีกลิ่นอับๆ จางๆ ดิฉันรีบเสียบแผ่นกุญแจลงในช่องที่ทำให้ไฟเปิด แอร์เปิด... เฮ้อ! ค่อยยังชั่วหน่อย
ดิฉันหยอกล้อกับลูกแล้วพาแกเข้าห้อง ปิดล็อกประตูอย่างดี สามีบอกว่าถ้ากลับมาจะโทร.ขึ้นมาบอกก่อน เพื่อให้ดิฉันเปิดประตูรับ


ไฟในห้องตามโรงแรมนี่ ถึงเราจะเปิดหมดทุกดวงมันก็ยังไม่สว่างอยู่ดี! ดิฉันรู้สึกอึดอัดและหวาดระแวงหน่อยๆ เพราะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่อยู่กับเราในห้องนี้...ช่างเถอะ! ดิฉันทำเป็นไม่ใส่ใจ แล้วเดินไปเปิดทีวีเพื่อเอาเสียงเป็นเพื่อน ดีนะคะที่ทีวีมีการ์ตูน ลูกชายดิฉันเลยดูเพลิน ตัวเองเข้าไปอาบน้ำโดยเปิดประตูห้องทิ้งไว้


ขณะที่รีบอาบน้ำเพราะห่วงลูกนั้น ดิฉันได้ยินแกคุยกับใครก็ไม่รู้ คล้ายกับว่ามีคนมาถามอะไรแก แล้วแกก็ตอบเขาอย่างเอียงอาย...ดิฉันใจหายวาบ หยุดชะงักมือที่กำลังฟอกสบู่ นิ่งฟังจนแน่ใจว่าลูกกำลังคุยอยู่กับใครบางคนจริงๆ ดิฉันรีบล้างตัว แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวกระ โจมอก ผลุนผลันออกมาทันที...ลูกนั่งอยู่บนเตียง แกหันขวับมามองก่อนที่จะหันกลับไปมองใครบางคนที่ดิฉันมองไม่เห็นตัว!


"หนูคุยกับใครลูก?" ดิฉันพยายามพูดด้วยเสียงหัวเราะๆ ลูกไม่ตอบ แต่ยิ้มกว้างเชียวล่ะ...รีบแต่งตัวอุ้มลูกมานอนที่หมอน กอดกกแกไว้จนแกหลับไป นาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่ม ดิฉันชักง่วงๆ คงจะเป็นฤทธิ์ยาแก้แพ้ที่กินเมื่อครู่ก่อน...

เคลิ้มหลับไปทั้งที่ทีวียังเปิดอยู่ แต่อึดใจต่อมาดิฉันก็ตื่นขึ้น และมองไปที่ทีวีที่มีเสียงแปลกๆ น่าสะดุดใจ...ภาพในจอเป็นละครที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ดาราก็ไม่รู้จัก


อะไรกันนั่น? ผู้หญิงบนจอยืนหันหน้าให้กล้อง ด้านหลังเป็นทะเล...ผู้หญิงคนนั้นมีบางอย่างที่คุ้นตา...แล้วดิฉันก็ต้องสะดุ้ง ใจ หายวาบ...นี่มันเป็นผู้หญิงที่ดิฉันเห็นแว่บเดียวเพียงเสี้ยววินาที...เธอคือคนที่ยืนอยู่ในตู้เสื้อผ้านี่นา!


ดิฉันคว้ารีโมตปิดทีวีทันที! ลุกขึ้นนั่ง เหงื่อแตกท่วมตัว และรีบโทร.หาสามีมือไม้สั่น บอกว่าให้กลับด่วนสามีดิฉันน่ารักจริงๆ ค่ะ เขาผละจากเพื่อนๆ แล้วตรงกลับโรงแรม ทันที เพราะเขาบอกว่าตกใจที่เสียงดิฉันสั่นเหลือเกิน เมื่อเขามาถึงก็พบว่าดิฉันนอนกอดลูกและสั่นไปทั้งตัวแม้จะดึกดื่นปานใด สามีก็ขอย้ายห้องได้สำเร็จ...



วันรุ่งขึ้นเขาก็ขอแยกจากเพื่อนๆ และบึ่งรถกลับกรุงเทพฯ ทันที ดิฉันจับไข้สูงปรี๊ด..เป็นอยู่สามวันกว่าจะหาย ภาพใบหน้าผู้หญิงผมยาวคนนั้นติดหูติดตาอย่างไม่รู้ลืมเลือน

และนี่คือประสบการณ์ผีหลอกที่น่ากลัวที่สุด เท่าที่ดิฉันได้เจอะเจอมา!


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์