อย่าดราม่า...กับน้ำตาของลูก

อย่าดราม่า...กับน้ำตาของลูก

เรื่องเล่า...จากร้านอาหาร


เหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดกับลูกหมอวัยขวบกว่าค่ะ
หมอพาลูกไปทานข้าวกับครอบครัวฝั่งพ่อแม่ตัวเอง ขณะกำลังจะกลับลูกหมอคงกำลังสนุกก็เริ่มมีอาการงอแง


พอดีเป็นห้องส่วนตัว และลูกดูเริ่มง่วงหมอบอกลูกให้เปลี่ยนชุดเป็นชุดนอน เพราะดึกแล้วจะได้หลับไปในคาร์ซีท ลูกก็ร้องไห้โยเยไม่ยอมเปลี่ยน พอร้องไห้เสียงดัง ทุกคนในห้องก็ตระหนกตกใจ รีบเข้ามา "เป็นผู้ช่วย"

น้าชายคนแรก... "นี่ไงๆ ถอดเสื้อผ้าเปลี่ยนชุดมาใส่ชุดสวยๆ" คำพูดหลอกล่อว่าให้ถอดเสื้อผ้าแล้วมาใส่ชุดสวยที่น้าซื้อให้
ลูกหมอยอมถอดชุดค่ะ แต่...
พอหมอให้ใส่ชุดนอน คราวนี้เลยยิ่งโวยวาย "จะใส่ๆๆๆชุดนี้" "ไม่ใส่ชุดนอนนนน" จากร้องเบาๆกลายเป็นตะเบ็งเสียงดัง ร้องไห้ปานจะขาดใจ

น้าชายคนที่สอง... "นี่ๆ หยุดร้องๆๆ ร้องดังเดี๋ยวลุงหนวดมาจับตัวไปนะ"
ลูกหมอที่ไม่เคยถูกสอนหรือถูกขู่ให้กลัวอะไรก็ไม่สะทกสะท้าน ยังคงแหกปากต่อไป


คุณยายผู้ทนเห็นน้ำตาของหลานไม่ได้...
"จะอะไรกันนัก ก็ตามใจๆ เค้าไปก่อน"

หมอเริ่มเห็นความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นจากผู้ช่วยทั้งหลายสิ่งที่หมอทำเป็นอันดับแรก...


"บอกให้ทุกคนหยุด" 555
หมอบอกเลยค่ะว่าเดี๋ยวจัดการกับลูกเอง

ปลอบแล้ว ให้ทางเลือกแล้วก็ไม่หยุด หมอก็จัดการด้วยวิธีแสนง่าย...
"ปล่อยให้ร้อง"
ปล่อยให้ร้องแต่ก็กอดไว้โดยการบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "หนูต้องเปลี่ยนชุดนอนแล้วลูก เพราะเดี๋ยวเราจะต้องกลับแล้ว"

"แม่รู้ว่าหนูเก่งแล้ว หนูคุยรู้เรื่อง"
ลูกหมอก็งอแงร้องไห้เสียงดังต่อค่ะ แต่...
หลังจากนั้นไม่เกิน 1 นาที ลูกก็หยุดร้องโดยอัตโนมัติ


"ต้องใส่ชุดนอน เพราะจะนอนแล้ว"
หยุดเหมือนสั่งได้แถมพูดจาแบบมีเหตุมีผลขึ้นมาทันที

พอลูกหยุดร้อง หมอก็ชมค่ะ
"แม่รู้ว่าหนูยังไม่อยากกลับ แต่หนูเก่งมากเลยลูก ที่หยุดร้องไห้ได้เร็ว"


ลูกหมอไม่ได้ดีแบบสั่งได้ค่ะ แต่การหยุดร้องเร็วเป็นเพราะ"ผ่านการถูกฝึกมาบ่อยๆ" จนลูกเรียนรู้ว่า ถ้าแม่บอกว่าไม่ "ร้องไปก็เท่านั้น"

เด็กๆ ฉลาดค่ะ ไม่นานก็เข้าใจ "ร้องไปก็เปลืองแรง" การร้องไห้ก็จะสั้นลงทุกครั้ง

หมอเอาเรื่องนี้มาเล่าเพราะหมอพบว่าจุดอ่อนอันนึงที่สำคัญของการเป็นพ่อแม่ ก็คือการที่เราเลี้ยงลูกโดยพยายามทำทุกอย่างเพื่อ
"ลูกจ๋า... อย่าร้องไห้"


"ร้องไห้บ่อยๆ เดี๋ยวสุขภาพจิตเสีย"
"ร้องไห้มากๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ"
"ทำลูกร้องไห้ เดี๋ยวลูกไม่รัก"


ความเชื่อที่ทำให้ทุกคนลุกลี้ลุกลน สับสนอลหม่าน ทั้งบ้านแทบทำอะไรไม่ถูกเวลาลูกร้องไห้
ความเชื่อ...ที่ไม่เป็นความจริง
ความเชื่อที่...ทำให้เรา "ทำอะไรก็ได้ให้หยุดร้องไห้ซะที"

"ทำอะไรก็ได้" ซึ่งอาจจะหมายถึงหลอกล่อ พูดโกหก ขู่ให้กลัว หรือถึงกะลงไม้ลงมือ ซึ่งกลายเป็นที่มาของปัญหาอื่นหรือหยิบยื่นสิ่งที่ต้องการให้ "ตามใจให้จบปัญหา" ซึ่งกลายเป็นที่มาของ"เด็กเอาแต่ใจ"

การร้องของเด็กๆ เป็นการตอบสนองตามธรรมชาติในการเอาตัวรอดค่ะ...
เค้าอยากได้ อยากทำ ไม่พอใจ แต่ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีการไหนถึงจะได้มา
เค้าก็เลยเลือกร้องไห้โวยวายเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ

ถ้าร้องโวยวาย แล้วก็ได้ เค้าก็จะจำไว้
ว่าวิธีแบบนี้แหละ "ที่ต้องใช้เพื่อให้ได้มา"


หน้าที่ของพ่อแม่ คือการสอนให้ลูกเรียนรู้
ว่าวิธีที่ใช้อยู่นี้ "เป็นวิธีที่ไม่ได้ผล"
สอนให้ลูกเข้าใจและเปลี่ยนไปใช้"วิธีการดีๆ"
หรือถ้าจะไม่ได้..ก็คือ"ไม่ได้" ก็ต้องเรียนรู้ที่จะทำใจ เพราะชีวิตจะไม่มีอะไรที่ได้ดังใจอยู่เสมอ

หมอเอาเรื่องนี้มาเล่าเพื่อจะบอกว่า...
1. อย่าดราม่า...กับน้ำตาของลูก
2. เด็กร้องไห้ สุขภาพจิตไม่เสีย...
"แต่ร้องแล้วได้...จะกลายเป็นเด็กนิสัยเสีย"
3. อย่าตัดความรำคาญ ด้วยการเอาใจลูก "เลี้ยงลูก...ใครอดทนกว่ากัน คนนั้นชนะ"
4. "เด็กเรียนรู้...จากการตอบสนองของผู้ใหญ่" คำพูดที่ต้องจำไว้ตลอดชีวิตของการเลี้ยงลูก


รักลูก...ตั้งสติเวลาลูกร้องนะคะ
จะมีแต่เราเท่านั้นค่ะ ที่จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ได้ ว่าวิธีแบบนี้ "เป็นวิธีที่ไม่ได้ผล"


(แต่...จะทำวิธีแบบนี้ให้ได้ผลดี พ่อแม่ต้องมี"เวลาดีๆ" กับลูกให้มากๆด้วยนะคะ ^^)

‪#‎หมอโอ๋เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน‬
อยากให้ผู้ใหญ่ ท่องไว้ๆ "ร้องแล้วได้ จะกลายเป็นปัญหา"
‪#‎เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน‬
Cr.ภาพ tipsfromchips.blogspot.com

อย่าดราม่า...กับน้ำตาของลูก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์