อัพเดท 3 เทคนิคชะลอแก่

อัพเดท 3 เทคนิคชะลอแก่


อัพเดท 3 เทคนิคชะลอแก่ กุญแจไขสู่ความสวย เหนือกาลเวลา!!


เทรนด์ฮอตมาแรงทั่วโลกในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นการใส่ใจดูแลสุขภาพ แม้แต่ ในสังคมจังค์ฟู้ดแบบอเมริกัน ก็ยังรณรงค์ให้ชาวมะกันลด-ละ-เลิก เปลี่ยนวิถีการบริโภคใหม่ หันมาคอนเซิร์นเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น โดยมีเหล่า ซุปเปอร์สตาร์ฮอลลีวูดเป็นผู้ปลุกกระแสฮิต!!

สำหรับในโลกของความงาม นอกจากการดูแลผิวพรรณให้เปล่ง ปลั่งดูสดใสแล้ว วงการแพทย์ยังพยายามอย่างไม่หยุดยั้ง ที่จะคิดค้นพัฒนาเทคนิค และนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อชะลอความแก่ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว สัปดาห์นี้ขอเอาใจคนกลัวแก่ โดยเฉพาะ ด้วยการอัพเดท 3 เทคนิคใหม่คืนความอ่อนเยาว์...เอ๊าะอยู่แล้วหรืออยากเอ๊าะกว่าเก่า ก็ควรอ่าน!!

ฉีดสเต็มเซลล์ฟื้นฟูความอ่อนเยาว์


นวัตกรรมนี้อัพเดทร้อนจี๋จากการประชุมวิชาการประจำปี ด้านเวชศาสตร์ ชะลอวัยและผิวพรรณกับความงามระดับโลก ที่ประเทศฝรั่งเศส โดย พญ. ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล เล่าให้ฟังอย่างตื่นเต้นว่า วงการแพทย์ความงามทั่วโลก กำลังตื่นตัวกันมากกับการพัฒนาหานวัตกรรมใหม่ๆ

เพื่อชะลอความแก่ เพราะนับ วันคนเราจะกลัวแก่มากขึ้น และอยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวไว้ให้นานที่สุด คุณหมอบอกว่า การประชุมในปีก่อนๆ พูดกันเยอะเรื่องฉีดคอลลาเจนของสัตว์ หรือสารสกัดจากแบคทีเรีย เพื่อลดริ้วรอย และเติมเต็มเนื้อเยื่อส่วนที่สูญเสียไป ให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ขึ้น

อัพเดท 3 เทคนิคชะลอแก่


แต่ในการประชุมครั้งล่าสุด


วงการแพทย์โลกกำลังไปไกลกว่านั้นหลายเท่า เพราะมีวิธีชะลอความแก่แบบใหม่ ที่น่าสนใจมากคือ การรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิด หรือสเต็มเซลล์ ซึ่งแพทย์ ความงามเชื่อว่าจะสามารถชะลอวัยให้อ่อนเยาว์ได้ถึง 10 ปี!! นวัตกรรมนี้จะอาศัยกระบวนการภายในของร่างกาย

จัดการกับความบกพร่องที่สูญเสียไปกับความชรา หรืออธิบายง่ายๆว่า เป็นการใช้เซลล์ซ่อมเซลล์ที่เสื่อมของร่างกาย ซึ่งขณะนี้วงการแพทย์พัฒนาไปถึงขั้นสามารถใช้ สเต็มเซลล์ จากส่วน ต่างๆของร่างกาย ตัวเอง เช่น ไขกระดูก, เลือด หรือไขมัน มาเพาะเลี้ยง และฉีดกลับเข้าไปในร่างกาย เพื่อฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

อย่างไร ก็ดี แม้เทคนิคนี้จะได้รับความนิยมในยุโรป และอเมริกา แต่สำหรับชาวเอเชีย รวมถึงบ้านเรา ยังต้องศึกษาถึงข้อดีข้อเสียอีกมาก รวมถึงสนนราคาที่แพงลิ่ว ครั้งละหลายแสน!!

อัพเดท 3 เทคนิคชะลอแก่


นวดระบายน้ำเหลือง ขับสารพิษ-หน้าเต่งตึง


การนวดระบายน้ำเหลือง หรือ Manual Lymphatic Drainage ใช้การ สัมผัสและกดที่ต่อมน้ำเหลือง ช่วยล้างพิษให้ร่างกายด้วยการกำจัด ของเสียออกเร็วขึ้น และช่วยบรรเทาอาการบวมน้ำ เป็นศาสตร์เก่าแก่ที่ได้รับความนิยมแพร่ หลายในยุโรป คิดค้นขึ้นโดย ดร.เอมิล วอดเดอร์ แพทย์ชาวเดนมาร์ก เมื่อต้นทศวรรษ 1930 เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหวัดเรื้อรัง

ต่อมาได้พัฒนาเทคนิคช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบต่อมน้ำเหลือง ให้ร่างกายทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น, ลดปัญหาระบายการอุดตันในท่อน้ำเหลือง และดีท็อกซ์สารพิษออกจากร่างกาย นอกจากจะช่วยบำบัดรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบต่อมน้ำเหลือง เช่น ไซนัสเรื้อรัง และต่อมน้ำเหลืองโตแล้ว

การนวดระบายน้ำเหลือง ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในเรื่องการชะลอความแก่ได้ด้วย โดยเฉพาะริ้วรอยใต้ตา เพราะทางการแพทย์เชื่อว่า การไหลเวียนที่ดีของต่อมน้ำเหลือง จะช่วยให้ผิวพรรณสดใส ลดอาการตาบวมและหน้าบวม

สำหรับในเมืองไทย ศาสตร์แขนงนี้ยังไม่มีการศึกษากันอย่างจริงจัง

และเพิ่งจะมีการเปิดหลักสูตรสอนการนวดระบายน้ำเหลือง ตำรับ ดร.วอดเดอร์ ขนานแท้ โดย อ.ไฮโม รีเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการนวดระบายน้ำเหลืองชาวออสเตรีย ซึ่งเป็นหนึ่งในอาจารย์ประจำสถาบันวิตลิงเกอร์ เธราพี เซ็นทรัม ประเทศออสเตรีย

นับเป็นครั้งแรกของเมืองไทย ที่มีผู้เชี่ยวชาญตัวจริงระดับโลก มาถ่ายทอดวิชาทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เข้มข้นต่อเนื่อง 60 ชั่วโมง รวม 1 อาทิตย์ จัดโดยสถาบันสุขภาพ ปราณยาม ระหว่างวันที่ 22-28 ม.ค.นี้ สนใจสำรองที่นั่งล่วงหน้าโทร.08-1825-6670...แล้วคุณจะทึ่งกับความมหัศจรรย์ของศาสตร์แขนงนี้.

อัพเดท 3 เทคนิคชะลอแก่


นวัตกรรมโมเลกุลใหม่ชะลอความร่วงโรย


วงการเครื่องสำอางทั่วโลก กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าการฟื้นฟูผิวพรรณครั้งใหญ่ หลังจากมีการค้นพบอานุภาพของ เรตินอล ในการต่อต้านริ้วรอย เมื่อ 7 ปีก่อน และล่าสุด ทางสถาบันวิจัยลังโคม ก้าวเขยิบขึ้นไปอีกขั้น เมื่อประสบความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมโมเลกุลใหม่ ProXylane เพื่อประสิทธิผลด้านการชะลอความร่วงโรยที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาโมเลกุลใหม่นี้จากการเลียนแบบโครงสร้างของน้ำตาลซีโรส ซึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติชนิดเดียวกับที่มีในผิวคนเรา และเป็นตัวทำให้เกิดการสังเคราะห์ไกลแคน สารสำคัญที่สร้างความหนาแน่นให้ผิวพรรณ และทำหน้าที่ค้ำจุนโครงสร้างชั้นผิวที่ทรุดลงตามวัย ให้กลับมาแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง


จากการทดลองพบว่า


โมเลกุลต้านความร่วงโรยที่ค้นพบล่าสุด สามารถซึมผ่านเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก และทำหน้าที่เสมือนน้ำตาลซีโรส ช่วยทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น และผิวชั้นในมีความหนาแน่นขึ้น สอดคล้องกับคำพูดของ ศ.แมทธิว เอ. นูเจนท์ อาจารย์สาขาชีวเคมี มหาวิทยาลัยบอสตัน และผู้เชี่ยวชาญด้านสารระหว่างเซลล์เนื้อเยื่อค้ำจุนผิวว่า

เมื่อคนเราอายุมากขึ้น สารระหว่างเซลล์เนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ค้ำจุนโครงสร้างชั้นผิวอ่อนแอลง และเสื่อมทรุดลง ผลลัพธ์คือ ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เริ่มหม่นหมองและแห้งกร้าน ถ้าต้องการต่อสู้กับความร่วงโรย จำเป็นต้องปฏิบัติการกับสารระหว่างเซลล์เนื้อเยื่อค้ำจุนโครงสร้างชั้นผิวนี้โดยตรง.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์