อานิสงส์ของผู้บวช 3 ประการ

อานิสงส์ของผู้บวช 3 ประการ


อานิสงส์ของการบวช

๑. ประโยชน์อานิสงส์ที่ตัวเธอผู้ขอบรรพชาจะได้รับนี้อย่างหนึ่ง
๒. ประโยชน์อานิสงส์ที่ญาติทั้งหลายมีบิดา มารดา เป็นต้น จะได้รับ นี้อย่างหนึ่ง
๓. ประโยชน์ที่เพื่อนมนุษย์สัตวโลกทั้งหลายจะพึงได้รับตลอดจนศาสนาจะพึงได้รับร่วมกัน นี้อีกอย่างหนึ่ง


อานิสงส์ที่ ๑ ที่ว่า ในส่วนตัวเขานั้น ต้องได้รับอะไรใหม่เป็นของใหม่ และดีที่สุดที่เขาจะได้รับ คื
อให้ได้ มีการบรรพชาจริงนั่นแหละ เรียกว่าบวชจริง ให้เรียนจริง ให้ปฏิบัติจริง ให้ได้ผลจริงๆ นี้เรียกว่า บรรพชาจริงๆ ได้ผลจริง ในระหว่างที่เขาบรรพชาอยู่ ได้สิ่งที่ดีที่สุด ที่เขาควรจะได้ คือเรื่องของพระธรรมที่ทำให้บุคคลพ้นจากความทุกข์
นี่ประโยชน์ส่วนตัวของเขา ก็มีอยู่อย่างนี้แล้วขอให้เขาได้รับ

อานิสงส์ที่ ๒ ญาติทั้งหลายมีบิดามารดาเป็นต้น จะพึงได้อานิสงส์นี้ก็เพราะลูกของเราบวชจริง เรียนจริง ปฏิบัติจริงได้ผลจริง หรือว่าสอนผู้อื่นได้จริงด้วยก็ยิ่งดี ถ้าลูกหลานของเราบวชจริงอย่างนี้แล้ว บิดามารดาก็มีความปีติปราโมทย์ พอใจในธรรม
ในศาสนานี้มากขึ้น การบวชของลูกจะทำให้มีอะไรๆ เกิดขึ้นหลายประการ เช่น ที่ว่า บิดามารดาจะมีศรัทธามากขึ้นมีความมั่นคงในพระศาสนามากขึ้น เรียกว่าเป็นญาติในพระศาสนามากขึ้นนั่นเอง เขาใช้คำอย่างนั้นมาแต่โบราณกาลแล้ว
ที่ว่าพอลูกบวชแล้วพ่อแม่เป็นญาติในพระศาสนามากขึ้น เพราะฉะนั้นอานิสงส์ข้อนี้ได้แก่ ญาติทั้งหลาย มีบิดา มารดาเป็นต้นด้วย

อานิสงส์ที่ ๓ ก็ได้แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ทั้งมนุษย์ ทั้งเทวดา กระทั่งสากลจักรวาล และได้แก่ศาสนาด้วย ข้อนี้มันสัมพันธ์กันที่ว่าสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงกับศาสนานั้นสัมพันธ์กันอยู่ ถ้าศาสนายังมีอยู่ในโลก สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงก็ปลอดภัย
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงจะปลอดภัย ก็เพราะมีศาสนาอยู่ในโลก ฉะนั้นเราทำศาสนาให้มีอยู่ในโลกก็คือ
ทำประโยชน์ให้เกิดแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ศาสนานี้จะมีอายุอยู่ได้ไม่สูญหายไปเสีย ก็เพราะว่า
๑. มีคนบวชคนเรียน
๒. มีคนปฏิบัติถูกต้อง
๓.มีคนได้ผลของการปฏิบัติ

ทั้งหมดนี้ที่เขาเรียกว่า ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เป็นภาษาบาลี เราควรจะขอบใจคนที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เขาสืบอายุพระศาสนาไว้จนมาถึงเรา เราต้องช่วยกันสืบต่อไป บวช ๓ เดือนก็สืบ ๓ เดือน บวช ๒ เดือนก็สืบ ๒ เดือน พอเราสึกออกไป ยื่นมอบหมายให้คนอื่นต่อไปอีก อย่าให้ขาดตอนได้ ฯ

ที่ตั้งที่อาศัยของผู้บรรพชา
ทีนี้อีกอย่างหนึ่งก็อยากจะให้ทราบเป็นที่ประจักษ์แก่ใจอยู่เสมอว่า อะไรเป็นที่ตั้งที่อาศัยของผู้บรรพชา?
เราเหลือบตาไปรอบๆ นี้ก็จะเห็นว่า แผ่นดินเป็นที่ตั้งที่อาศัยของต้นไม้ ถ้าไม่มีแผ่นดิน ต้นไม้มันจะอยู่อย่างไร?
เดี๋ยวนี้แผ่นดินยังหนาแน่นอยู่อย่างนี้ ต้นไม้ก็อยู่อย่างนี้ ต้นไม้ก็อยู่ได้ แผ่นดินเป็นที่ตั้งที่อาศัยของต้นไม้ บรรพชานี้ก็เหมือนกันกับต้นไม้ดังกล่าว

คือบรรพชาต้องมีรากฐานที่ดี มีที่ตั้งอาศัยที่ดี นี้เขาเรียกว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราต้องมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

ในตัวเราเป็นที่ตั้งที่อาศัยแห่งการบรรพชาของเรา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในที่นี้ก็หมายถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จริงไม่ใช่แต่เพียงร่างกายของท่าน หรือว่าส่วนภายนอกของท่าน ซึ่งส่วนภายนอกนั้นได้ล่วงลับไปแล้วอย่างที่เรียกว่า ปรินิพพานนานแล้ว แต่พระพุทธเจ้าองค์จริงยังอยู่

“ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นเห็นธรรม” พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนั้น เดี๋ยวนี้ธรรมก็ยังอยู่
ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นพระพุทธเจ้า จะเห็นธรรมได้ ก็จะต้องมีธรรมอยู่ในใจ ธรรมอยู่ในใจ คือความสะอาด สว่าง สงบในใจ นั่นคือธรรม

ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นพระพุทธเจ้า และเห็นพระธรรมด้วย เห็นพระสงฆ์ด้วย ฉะนั้น จงพยายามทำให้มีความสะอาด สว่าง สงบ อยู่ในใจตลอดเวลา

ก็คือมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ตลอดเวลา

พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระหฤทัย อันเต็มไปด้วยความสะอาด สว่าง สงบ พระธรรมก็เป็นคำสั่งสอนที่ทำให้จิตใจสะอาด สว่างสงบ พระสงฆ์ต้องมีหัวใจ สะอาด สว่างสงบ ด้วยพระรัตนตรัยเป็น สรณะ(ที่พึ่ง)คือมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ในใจ ฯ



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์