อาหารงานแต่งงาน

อาหารงานแต่งงาน


งานแต่งงานนับเป็นงานที่สร้างความอิ่มหมีพีมันให้ผู้ที่ไปร่วมงาน   ซึ่งนับเป็นความสวยงามอีกประการที่ไม่อาจจะละเว้นไม่กล่าวถึงไปได้เลยล่ะค่ะ 

อาหารในงานวิวาห์นั้นแต่ละชาติแต่ละภาษาก็จะมีความแตกต่างกันออกไปทั้งในด้านการจัดวางการเลือกสรรเพื่อให้สอดคล้องกับแนวความคิดและคตินิยมในการแต่งงาน วันนี้เราจะมาดูอาหารงานแต่งแบบไทยๆ กันค่ะ คุณผู้อ่านที่เคยอยู่ใกล้ผู้เฒ่าผู้แก่ก็อาจจะเคยได้ยินคำว่า ไป "กินสามถ้วย"   คำนี้มาจากอาหาร 3 ชนิดที่จะต้องมีในงานมงคลสมรสของคนไทยในสมัยก่อน 

เนื่องจากในสมัยก่อนนั้น การเดินทางยังไม่สะดวก เมื่อมีใครจัดงานแต่งงานขึ้น

คนที่มาร่วมงานที่อยู่ไกลหน่อยก็จะต้องเดินทางกันลำบากและเกิดความเหนื่อยล้า อาหารที่ตระเตรียมสำหรับต้อนรับแขกที่เพิ่งมาถึงงานก็จะต้องเป็นอาหารที่เรียกพลังงานคืนได้ดี โดยอาหารดังกล่าวก็จะต้องมีชื่อและความหมายอันเป็นมงคล สอดคล้องกับงานแต่งงานด้วย ซึ่งได้แก่อาหารหวาน 3 รายการดังนี้ค่ะ

  • ข้าวเหนียวน้ำกะทิ   ซึ่งมีความหมายว่า ให้คู่บ่าวสาวนั้นรักกันแน่นเหนียวเหมือนข้าวเหนียวและมีความหวานชื่นเหมือนน้ำกะทิ
  • ข้าวตอกน้ำกะทิ มีความหมายว่า ให้คู่บ่าวสาวนั้นมีความรักที่เบ่งบานรุ่งเรืองเช่นเดียวกับสีอันขาวสวยของข้าวตอก มีความหวานชื่นเหมือนน้ำกะทิ และในกรณีนี้แม่อบเชยมีความเห็นเพิ่มเติมว่า อาจจะแฝงไว้ด้วยความหมายของข้าวตอกที่เราใช้กันในงานพิธีไหวครูด้วยก็ได้นะคะว่า ขอให้ความรักเบ่งบานสวยงามภายใต้กรอบประเพณีอันดีงามเช่นเดียวกับที่ข้าวตอกไม่เคยกระเด็นออกนอกที่ครอบเวลาคั่วข้าวตอก 
  • ลอดช่องน้ำกะทิ มีความหมายให้คู่บ่าวสาวนั้นมีความรักที่ยืนยาวและจะทำการใดก็ขอให้ตลอดปลอดโปร่ง ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ เพราะลอดช่องนั้นมีลักษณะที่รื่นไหลนั่นเองค่ะ ส่วนน้ำกะทิก็มีความหมายเดิมค่ะ คือความหวานชื่นนั่นเองนะคะ

อาหารงานแต่งงาน


ทีนี้มาดูขบวนขันหมากค่ะ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ "เตียบอาหาร"

ที่จะต้องมีอาหารหวานคาว อย่างน้อย 3 คู่ คือจะมากกว่านี้เท่าไหร่ไม่ว่ากันแต่น้อยกว่าไม่ได้ค่ะ ของที่จะต้องใส่เตียบได้แก่ หมากพลู ขนมจีบ ไก่ต้ม หมูต้ม ขนมจีนน้ำยา สุรา และ ห่อหมกค่ะ ซึ่งหากสังเกตให้ดีก็จะเห็นว่าอาหารที่ใส่มานั้น มีความหมายเข้ามาแทรกอีกแล้วนะคะ

  • ห่อหมก ก็เพื่อให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้น "เออ ออห่อหมก" กันไปทุกเรื่อง จะได้ไม่ต้องมีเรื่องขัดใจกันนั่นเอง 

  • ขนมจีบ ก็เพื่อให้คู่แต่งงานรักกันหวานชื่นเช่นช่วงที่จีบกันใหม่ๆ นั่นเอง เพราะความรู้สึกของคนรักกันที่หวานชื่นที่สุดก็ช่วงที่จีบกันนั่นเองนี่คะ ดังนั้นแม้จะแต่งกันอยู่แล้วก็ยังมิวายต้องมีขนมจีบมาเตือนใจ

  • ขนมจีนน้ำยา   ขนมจีนนั้นเป็นของสำคัญในงานแต่งงานตั้งแต่สมัยเก่าก่อนแล้ว ขนมจีนที่นำมาใช้ในงานแต่งงานนั้นต้องโรยให้เส้นยาวที่สุด ต่อเนื่องกันอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นเวลาจัดก็จะต้องจัดให้ลงตัวสวยงามโดยไม่ต้องตัดให้ขาดค่ะ ถ้าเด็กรุ่นใหม่ไปช่วยงานแต่งงานแล้วอุตริไปตัดเส้นขนมจีนเพราะเห็นว่ายาวไปจัดไม่สวยงามละก็ มีหวังถูกตีมือหักแน่ๆ เลยค่ะเพราะว่าคนโบราณเข้าถือกันนัก  นอกจากนี้แล้วเครื่องเคียงของขนมจีนที่ประกอบไปด้วย " ถั่วงอก" ก็ให้ความหมายของความเจริญงอกงามค่ะ ซึ่งถั่วงอกนี้ไม่เพียงแค่ชื่อนะคะที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตงอกงามแต่ในทางวิชาการแล้วก็มีฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่เป็นฮอร์โมนกระตุ้นการเติบโตของต้นไม้ที่คนเราก็จะได้รับด้วยเช่นกันหากบริโภคในปริมาณที่พอดี

ในพิธีแต่งงานไม่ว่าจะของชาติใดๆ ก็ตามจะต้องมีการป้อนอาหารให้กัน โรแมนติกเชียวล่ะนะคะ

ซึ่งของไทยเรานั้นประเพณีทางอีสาน เขามีพิธีสู่ขวัญคู่บ่าวสาว ที่เรือนของหญิง ให้คู่บ่าวสาวหันหน้า ไปทางทิศใต้ แขนผู้ชายทับแขนผู้หญิง และเริ่มทำขวัญ คือเอาด้ายผูกข้อมือซ้ายเจ้าบ่าว และผูกข้อมือขวาเจ้าสาว เสร็จแล้วมีพิธีป้อน "ไข่ขวัญ"  คือเอาไข่ไก่ ที่ฝ่ายชายจัดมา หรือผ่าไข่ขวัญในพิธีทำขวัญ ป้อนให้ฝ่ายหญิงกิน และเอาไข่ที่ฝ่ายหญิงจัดมาป้อนให้ฝ่ายชาย กินสับเปลี่ยน  ในความหมายก็คือว่าเพื่อให้รับประทานอาหารร่วมกันตลอดไป ไม่แอบหนีไปรับประทานอาหารนอกบ้านกับคนอื่นนั่นเอง และในทางมุสลิมนั้นบอกว่า เพื่อให้คู่บ่าวสาวแบ่งปันสุขทุกข์แก่กันและกัน แม้มีไข่ต้มใบเดียวก็จะแบ่งกันรับประทานมองในแง่เศรษฐศาสตร์กันทีเดียวค่ะ


         ซึ่งในสมัยใหม่นี้ก็อาจจะมีรูปแบบที่ต่างออกไปเช่น ให้บ่าวสาวไขว้แขนป้อนเค้กงานแต่งงาน หรือไขว้แขนดื่มแชมเปญ และสำหรับการแต่งแบบจีนก็จะมีการนำด้ายแดงมาผูกข้อมือติดกันก่อนให้ดื่มชาร่วมกัน ส่วนชาวเยอรมันนั้นจะให้คู่บ่าวสาวป้อนซุปซึ่งกันและกันจากถ้วยเดียวกันโดยช้อนคันเดียวกัน แต่ทั้งนี้ต้องหลังจากคืนแรกของการแต่งงานเสียก่อนนะคะ 


           อาหารต้องห้ามในงานแต่งงาน ที่สมัยโบราณนั้นจะไม่ยอมให้มีเลยได้แก่ แกงบวน ต้มยำ ยำผัก ปลาร้า ปลาเจ่า ตลอดจนแกงร้อนและชนิดอื่นๆ ที่ชื่อไม่เป็นมงคล จนกระทั่งหมี่กรอบก็ไม่ใช้ค่ะ เพราะมันหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สื่อถึงความหมายที่ไม่ดีเช่นกัน แม้ว่าอาหารที่ไล่ชื่อมาจะเป็นที่โปรดปรานแค่ไหนก็อย่าเสียดายเลยค่ะ เพราะใช่ว่าเขาจะแต่งงานกันทุกวันเสียที่ไหน วันอื่นๆ มีถมไปที่เราจะได้กินอาหารจานโปรดใช่ไหมคะ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์