อาหารรสจัดจ้านก็มีดีนะ !!

อาหารรสจัดจ้านก็มีดีนะ !!


เรามักจะได้ยินผู้ใหญ่บางคนดุว่า "กินเผ็ดมากๆ ระวังกระเพาะพังนะ" หรือไม่ก็บอกว่า "ท้องเสียไม่รู้นะใส่พริกขนาดนั้น"

แต่อ่านเรื่องนี้แล้ว คุณผู้ใหญ่หรือกำนันทั้งหลายคงต้องเปลี่ยนใจ และอาจจะขอให้มีพริกเป็นเมนูติดโต๊ะอาหารก็ได้

เพราะรายงานข่าวจากอินดิเพนเดนต์ เปิดเผยว่า ดร.ทิโมที เบตส์ ผู้นำการวิจัยจากมหาวิทยาลัยนอตติงแฮม อังกฤษ พร้อมทีมของเขา พบจุดตายของมะเร็งทุกประเภท โดยพบสารประกอบในอาหารรสจัดจ้าน อาจเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนายารักษามะเร็งตัวใหม่ที่สามารถฆ่าเซลล์เนื้อร้ายโดยปราศจากผลข้างเคียง เนื่องจากแคปไซซินพุ่งเป้าทำลายแหล่งพลังงานของเซลล์มะเร็งโดยตรง

การทดลองใช้ capsaicin สารเคมีที่ทำให้พริกมีรสเผ็ดร้อน พบว่าสามารถฆ่าเซลล์มะเร็ง ซึ่งรวมถึงมะเร็งตับอ่อน ที่เป็นหนึ่งในมะเร็งที่รักษายากที่สุด

"นี่เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นจริงๆ และอาจนำมาอธิบายได้ว่า ทำไมคนที่อาศัยอยู่ในเม็กซิโกและอินเดีย ที่ชอบกินอาหารรสจัด จึงมีแนวโน้มเป็นมะเร็งน้อยกว่าคนในโลกตะวันตก ดูเหมือนเราจะค้นพบจุดอ่อนสำคัญของเซลล์มะเร็งทั้งหมด เพราะแคปไซซินมุ่งตรงไปกำจัดเซลล์มะเร็ง นำไปสู่ความเป็นไปได้ในการพัฒนายาจากสารชนิดนี้ ซึ่งสามารถฆ่าเนื้อร้ายโดยไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงกับผู้ป่วย" ดร.เบตส์กล่าว

แคปไซซินจะโจมตี mitochondria ในเซลล์ ซึ่งทำหน้าที่สร้างสารให้พลังงานสูงในร่างกายที่ชื่อว่า ATP (Adenosine Triophosphate) โดยแคปไซซินจะเกาะติดอยู่กับโปรตีนในไมโตคอนเดรียของเซลล์มะเร็ง และทำให้เซลล์ดังกล่าวตายโดยไม่ทำลายเซลล์ดีที่อยู่รายรอบ

นักวิจัยทดลองสารชนิดนี้กับเซลล์มะเร็งปอดในคน ซึ่งถือเป็นบททดสอบมาตรฐานสำหรับยาต้านมะเร็ง และให้ผลในการกำจัดเซลล์มะเร็งอย่างน่าตื่นเต้น

การทดสอบกับเซลล์มะเร็งตับอ่อน ซึ่งเป็นหนึ่งในมะเร็งที่รักษายากที่สุด และมีอัตรารอดชีวิตนาน 5 ปีไม่ถึง 1% นั้น ได้ผลดีในระดับเดียวกัน
ดร.เบตส์สำทับว่า การที่แคปไซซิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสารประกอบในอาหารที่ชื่อว่า vanilloids เป็นส่วนประกอบที่พบได้ทั่วไปในอาหารของหลายๆ ประเทศ จะช่วยลดอุปสรรคทางกฎระเบียบที่ยาต้านมะเร็งชนิดใหม่ต้องเผชิญ โดยขณะนี้ ทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยนอตติงแฮมกำลังมองหาหุ้นส่วนทางอุตสาหกรรม เพื่อเริ่มการทดลองสารแคปไซซินกับคนไข้จริง

การค้นพบนี้อาจนำไปสู่การผลิตยาที่สามารถรักษามะเร็งหลากหลายรูปแบบ

โดยใช้ต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวของต้นทุน 410 ล้านปอนด์ที่หมดไปกับการพัฒนายาที่ใช้รักษามะเร็งอยู่ขณะนี้ เนื่องจากคนนับล้านบริโภคสารแคปไซซินกันเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว
ทั้งนี้ แคปไซซินยังเป็นส่วนผสมสำคัญของครีมสำหรับนวดกล้ามเนื้อ รวมถึงยารักษาโรคสะเก็ดเงิน

โจเซฟิน เคอริโด เจ้าหน้าที่ข้อมูลมะเร็งของแคนเซอร์ รีเสิร์ช ยูเค ตั้งข้อสังเกตว่า ผลวิจัยของนอตติงแฮมไม่ได้บ่งชี้ว่า การกินพริกไทยมากๆ จะช่วยป้องกันหรือรักษามะเร็งได้ เนื่องจากผลการทดลองแสดงให้เห็นเพียงว่า สารสกัดจากพริกไทยสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งที่เพาะเลี้ยงในห้องทดลองเท่านั้น แต่ยังไม่มีการทดลองว่าสารดังกล่าวปลอดภัยและได้ผลกับคนหรือไม่.



ขอบคุณบทความจากพลังจิตดอทคอม

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์