อุทาหรณ์...หมอทำแท้ง..

เรื่องราวบาปกรรม หรือกรรมหนัก ที่เกิดจากการทำแท้งนั้น ไม่ได้เพียงแต่เป็นกรรมหนัก   ที่เกิดกับแม่ของเด็ก ที่เป็นผู้มาทำแท้งแต่เพียงคนเดียว    แม้แต่ผู้รับรู้ สนับสนุน รู้เห็นเป็นใจในการทำแท้ง หรือ หมอ ผู้ที่ทำการทำแท้งนั้นก็คือผู้ที่ต้องรับโทษจากบาปกรรมอย่างหนัก ในการทำลายชีวิต ของเด็กคนหนึ่งไปด้วยเช่นเดียวกัน    

ดังกรณีเรื่องราวของการทำแท้งที่แม่ชีทศพร ท่านได้เล่าไว้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์รายนี้ เป็นเรื่องของคุณหมอท่านหนึ่ง ซึ่งได้มาเล่า ปรับทุกข์กับแม่ชี ทั้งในเรื่องของสุขภาพ และเรื่องของปัญหาส่วนตัว    

กล่าวคือ คุณหมอเป็นโรคปวดตามข้อ และปวดตามกระดูกอย่างหนัก จนถึงขั้นที่เวลานอน ไม่สามารถจะพลิกตัวได้    อาการเช่นนี้คุณหมอเป็นมานานหลายปีแล้ว คุณหมอเองก็ก็ได้ตรวจหาสาเหตุมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่พบสาเหตุ ที่แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด จึงไม่สามารถรักษาได้   

 จนกระทั่งท่านได้มีโอกาส มาพบกับแม่ชี ทศพร และได้ปรึกษากับแม่ชี จนแม่ชี ท่านได้เฉลยปริศนา ของอาการเจ็บป่วยของท่านว่า    เหตุที่คุณหมอ มีอาการปวดตามข้อ ตามกระดูกนี้ เนื่องจากมีวิญญาณของเด็ก 4คน ที่คุณหมอเคยทำแท้งนั้น มาเกาะตามบริเวณที่คุณหมอปวดอยู่นั่นเอง    และนอกจากนี้ กรรมจากการทำผิดจรรยาบรรณแพทย์นี้

ทำให้คุณหมอ ต้องนอนแบบเด็กทารก คือทารกมีลักษณะการนอนอย่างไร คุณหมอก็จะนอนแบบนั้น    

เมื่อคุณหมอหมดบุญกุศลเมื่อไหร่ คุณหมออาจจะเป็นอัมพาตได้    เมื่อได้ยินคุณหมอกล่าวเช่นนั้น คุณหมอจึงได้ยอมรับสารภาพกับแม่ชีว่า เมื่อตอนสมัยที่ท่านพึ่งจะเรียนจบใหม่ๆ ตนเองยังไม่ค่อยจะมีเงินทองใช้เท่าไหร่ และการเงินของท่านฝืดเคืองมากเข้า ท่านก็เลยยอมรับทำแท้งซึ่งเป็นการขัดต่อจรรยาบรรณแพทย์   

 แต่ท่านเลือกทำเฉพาะในรายที่มีความจำเป็นจริงๆเท่านั้น ซึ่งโดยมากก็จะเป็นนักศึกษาที่ อีกไม่กีเดือนข้างหน้าก็กำลังจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรอยู่แล้ว และนักศึกษาเหล่านี้ มาขอร้องให้หมอช่วยทำแท้งให้    ซึ่งในชีวิตนี้ ท่านก็ได้รับทำแท้ง ไปเพียงแค่ 4รายเท่านั้น แต่ที่น่าแปลกก็คือ ความที่หมอท่านนี้ ท่านมีความเชื่อ และมีความสามารถ ในทางด้านไสยศาสตร์อยู่ด้วย

    เมื่อครั้งที่ได้ร่างของเด็กทารกออกมานั้น คุณหมอจึงนำร่างของเด็กทารกนั้นมาวางบนพาน โดยวางทับบนมีดหมออีกที จากนั้นก็จะหาผงขมิ้นมาโรยแล้วกล่าวอัญเชิญวิญญาณของเด็กเหล่านี้ มาอยู่กับท่านเพื่อเป็นการเลี้ยงไว้    คุณหมอเล่าว่า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะสภาพของเด็กที่เก็บเอาไว้นั้น จะไม่มีการเน่าเปื่อย    

และที่สำคัญยามที่คุณหมอออกไปจากห้องพัก คนที่อยู่ห้องติดๆกันมักจะมาบอกว่าได้ยินเสียงเด็กวิ่งเล่นและ ส่งเสียงพูดคุยกันเสียงดัง ในห้องพักของคุณหมอเสมอๆ    หรือแม้แต่เวลาที่คุณหมอไปพักต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ บรรดากุมารทอง ที่เลี้ยงไว้ ก็จะพากันดึงขาคนอื่นๆลากลงมาจากเตียงเสมอๆ เพื่อให้มีแค่คุณหมอนอนบนเตียงเท่านั้น    

ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่แปปลก และน่าขนลุกทีเดียวกับเหตุการณที่เกิดขึ้น    คุณหมอเลี้ยงดูกุมารนี้อยู่หลายปีทีเดียว เพราะเห็นว่ากุมารนี้มีฤทธิ์เดช และรักคุณหมอมากๆ บางทีก็เข้าไปสิงในร่างของเพื่อนคุณหมอ และบอกว่าพ่อๆมีคนโดนรถชนตายเดี๋ยวจะออกไปดูหน่อย    

จากนันก็ออกจากร่างเพื่อนไปต่อมาก็ได้รู้ข่าวว่าที่ปากซอยบ้านหมอ มีรถชนคนตายจริงๆ    ในวันที่กุมารทองอญยู่บ้าน ก็จะได้กลิ่นของดอกมะลิโชยมาตลอด    แต่ถ้าไม่อยู่ ศพของกุมารทองจะส่งกลิ่นเหม็น อย่างรุนแรงเช่นกัน    จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้หมอ มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของจิตวิญญาณเช่นกัน    

จนกระทั่งต่อมาเริ่มมีสิ่งผิดปกติดังกล่าวขึ้นกับคุณหมอ และคุณหมอได้รับรู้ถึงสาเหตุ และอาการ ที่เกิดจากกรรมแล้ว ท่านแม่ชีทศพร จึงได้แนะนำให้คุณหมอ ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้กับดวงวิญญาณของกุมารเหล่านั้น    แล้วให้ปลดปล่อย ดวงวิญญาณเหล่านั้น ให้ไปผุดไปเกิด ตามภพภูมิ อันสมควร ของเขาเหล่านั้นต่อไป    อาการเจ็บปวดต่างๆทางร่างกายของคุณหมอก็ค่อย ทุเลาลง    มาถึงตรงนี้ คุณหมอได้สอบถามแม่ชีว่า หมอที่ทำแท้ง มีบาปกรรมอะไรไหม  

  แม่ชีทศพร อธิบายว่า หมอที่รับทำแท้ง หากไม่ได้ทำบุญ ทำกุศล เป็นเบาะรองรับตนเองไว้ เมื่ออายุเริ่มจะเข้า 60ปีจะเริ่มมีอาการทางประสาท วิกลจริต ควบคุมตนเองไม่ได้ อาจจะถึงกับเป็นบ้า    ส่วนผู้หญิง ที่ทำแท้งนั้น วิญญาณของเด็กจะเกาะอยู่กับตัว    สมมุติว่าเด็กคนนี้ ถ้าเกิดมาแล้วต้องมีอายุขัยถึง70ปี ถึงจะตาย วิญญาณของเด็กทารกนี้ ก็จะเกาะติดอยู่กับคนที่เป็นแม่ไปจนกว่าจะถึงกำหนดอายุขัย เรียกว่ามาเกาะจนตาย    การเกาะของวิญญาณเด็กที่ตายจากการทำแท้งนี้ ไม่เพียงจะเกาะอยู่แบบธรรมดา แต่เขาจะดูดนมแม่เขาไปด้วย    

ดวงวิญญาณจะดูดน้ำเหลืองจากตัวแม่ แรกๆ แม่ก็จะไม่เป็นอะไร แต่พอนานๆวันเข้า แม่ก็จะเกิดเป็นแผลที่เต้านม ไปหาหมอก็ไม่หาย และในที่สุด ก็จะกลายเป็นมะเร็งไปเลยก็มี    นอกจากนี้ วิญญาณของเด็กที่มาเกาะอยู่ที่อื่นก็จะทำให้เกิดเป็นมะเร็งที่ๆจุดนั้นได้เช่น เกาะที่มดลูก ก็จะทำให้เป็นมะเร็งที่มดลูกได้ และทุกรายมักจะรักษาไม่หาย มีแต่ตายลูกเดียว    จะรักษาโรคกรรมแบบนี้หาย ต้องอาศัยอำนาจ ของผลบุญกุศลจึงจะพอทุเลา ความเจ็บปวดเวทนาทางร่างกายลงได้ เพราะอาการเหล่านี้เป็นอาการกรรม ที่มีเหตูจากดวงวิญญาณมาเกาะ  

  เมื่อแม่ชีทศพรกล่าวถึงตรงนี้ ก็ได้รับคำพูดยืนยัน และเสริมคำพูดของแม่ชีทศพร อีกชั้นหนึ่งว่าคุณหมอ เองก็ยเคยถามประวัติของคนไข้หลายราย ที่เป็นมะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก พบว่าทุกคนที่เป็นโรคเหล่านี้ ล้วนเคยทำแท้ง มาทั้งสิ้น    เรื่องการทำแท้งนี้ จึงเป็นเรื่องเหลือเชื่อทางกฎแห่งกรรม ที่ที่น่ากลัวสำหรับผู้หญิง รวมทั้งแพทย์ผู้เกี่ยวข้องกับการทำแท้งเด็กเหล่านี้ด้วย

ยังมีคำถามขึ้นอีกว่าแล้วผู้ที่ยังไม่พร้อมจะมีบุตร เราควรที่จะทำแท้งหรือไม่    แม่ชีตอบในทันทีว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดเราก็ไม่ควรทำแท้ง เราควรรับผิดชอบในการกระทำ หรือควรรับผิดชอบ ในชีวิต ที่จะเกิดขึ้นมา เพราะชีวิตน้อยๆนี้ไม่ได้มีความผิด หรือทำผิดร่วมกันกับเราด้วย    

การเรียนนั้นยังสามารถเริ่มต้นใหม่ ซึ่งยังดีกว่าการที่จะต้องมีบาปไปตลอดชั่วชีวิต  แม้ว่าเราทำแท้งแล้วไปเรียนต่อ แต่ด้วยอำนาจ บาปกรรมก็จะทำให้เราทำงานไม่ได้เกิดความวิบัติ ทางการเงิน    ต่อมาเมื่อมีลูกขึ้นมาจริงๆ ลูกก็จะแสดงออกทางอาการกรรมให้เราเห็น เลี้ยงยาก สร้างปัญหาต่าง ทุอย่าง ที่ทำลายตัวเรา ตัวของผู้ทำแท้งเองเมื่ออายุมากต่อไปก็มักจะเป็นโรคมะเร็ง หรือมีอาการทางประสาท  

  ดังนั้นผู้ที่พิจารณาเห็นปมปัญหา จากการทำแท้งดังนี้แล้ว ก็ควรเลือกที่จะปฎิบัติ และรับผิดชอบ ต่อชีวิตที่จะเกิดมาใหม่ ซึ่งจะเป็นการดีกว่าจะไปทำลายชีวิตเขา แล้วต้องกลายเป็นบาปกรรมไปชั่วชีวิต  


  จึงขอเตือนหนุ่มสาว ที่อาจจะพลั้งพลาดไป หรือที่กำลังคิดอยู่ก็ดี หรือกำลังจะก้าวไปสู่วงจรนี้ก็ดี ขอให้รีบหยุดให้มีสติ กับการใช้ชีวิตใหห้มากขึ้น เพื่อที่ตัวเราเอง และคนรอบข้าง จะได้ไม่ลำบาก และในวันข้างหน้า เราก็ไม่ต้องมานั่งเวทนาทนทุกข์ ทนยากอันเกิดจากเวรกรรมที่เราก่อขึ้นมาเอง จากการเลือกเดินทางผิด....    นี่เป็นเรื่องเรื่องราวดีๆ จากหนังสือเรื่องเกิดแต่กรรม ของแม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ธรรม