อ่อนน้อมถ่อมตนคือหนทางและเคล็ดลับความงามแห่งการฝึกใจ


อ่อนน้อมถ่อมตนคือหนทางและเคล็ดลับความงามแห่งการฝึกใจ 

       บทความนี้ข้าพเจ้าตั้งใจเขียนให้เห็นถึงการที่เราทุกคน ไม้เว้นแม้แต่ผู้บำเพ็ญทางธรรมะอยู่ ถ้าทุกคนมีความอ่อนน้อมถ่อมตนในตัวเองย่อมส่งผลที่ดีกับตัวเรา การมุ่งบำเพ็ญที่มองเพียงว่าเราจะต้องกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้คนนับถือกราบไหว้นั้นเป็นความคิดที่ผิดยิ่งนัก ซึ่งข้าพเจ้าไม่ต้องการให้ผู้อยู่ในหนทาง ในศาสนาใดๆจะมีจิตที่ถูกหน่วงเหนี่ยวจากความไม่เป็นจริง การที่เราฝึกฝนจิตใจเพียงเพื่อให้มีอะไรแปลกแตกต่างจากคนทั่วไป ด้วยบารมีที่เหนือความเป็นจริง หวังคนยกยอกราบไหว้ มุ่งไปแต่ในทางเหนือธรรมชาตินั้น ไม่ต่างอะไรกับผู้ที่ต้องการลาภ ยศความเป็นใหญ่ในสังคมด้วยการใช้วิธีสกปรก และเล่ห์กล ตราบาปในจิตใจมีสูงมากขึ้น เมื่อจิตเราไม่ปกติ ความเหย่อยิ่ง จองหองเข้าครอบครองจิตใจ เห็นใครไม่ยกมือไหว้ก็ด่าในใจอย่างนี้ก็ไม่ถูกต้อง เมื่อข้าพเจ้าเรียนรู้แนวทางอย่างปุถุชน เราก็ต้องอยู่แบบปุถุชน เมื่อฝึกภายในของเราได้ดีแล้ว เราก็ต้องมีความอ่อนโยนนอบน้อม นับถือผู้ที่อยู่ในวงการธรรมที่มีอายุมากกว่า หรือแม้แต่ไม่อยู่ในวงการธรรม ในสังคมเราก็ควรที่จะเคารพนบนอบ ข้าพเจ้ายังชื่นชมประเทศไทยของเราที่ปลูกฝังวัฒนธรรมการกราบไหว้มาได้ดี เจอผู้ใหญ่ควรยกมือไหว้ รู้จักเคารพผู้ที่มีอายุ ตอนเด็กๆข้าพเจ้าไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่า ทำไมแม่ถึงต้องบอกให้ไหว้ลาผู้ใหญ่ ทำไมเจอหน้าย่าแล้วต้องยกมือไหว้ จนกระทั่งเข้าโรงเรียน  ศึกษาหาความรู้มากขึ้นและมีลูกแล้วยิ่งเข้าใจจิตใจของผู้เป็นแม่ได้อย่างดี แม้แต่ในงานธรรมที่ข้าพเจ้าคอยช่วยเหลืออยู่ เด็กที่อายุน้อยกว่าข้าพเจ้าก็ยังยกมือไหว้ ไม่ใช่ว่าเราเสแสร้ง แต่กำลังให้เขาได้เห็นว่าเราควรแสดงออกด้วยจิตที่ดี มีความยินดีที่เห็นหน้าเขา และเขาควรจะได้เห็นแบบอย่างที่ดี ไม่ถือตน ไม่ได้มองตนว่าเป็นคนยิ่งใหญ่ เพราะความเท่าเทียมกันต้องกลั่นออกมาจากใจ เด็กที่อายุน้อยกว่าเราเขาต้องได้รับการสอนที่ดีให้เห็นสิ่งที่ดีๆที่ควรทำต่อไป  ไม่ใช่วันๆก็ได้รับฟังแต่เรื่องเลวร้าย การฆ่าทำลายกันของผู้ใหญ่ เขาก็จะจำและมองความชั่วร้ายเป็นเรื่องธรรมดาไป 

       เรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นกันเป็นหนทางที่ควรส่งเสริมและปฏิบัติให้ชนรุ่นหลังได้มีต่อเนื่องไป การแสดงออกจึงเป็นสิ่งสำคัญ เด็กยุคใหม่ในปัจจุบันอาจจะมีบ้างที่ยังไม่ค่อยอยากกระทำ แต่นั่นเขาอาจจะมีเหตุผลส่วนตัว เช่นเป็นคนขี้อาย ไม่ชอบออกเจอผู้คน นั่นให้เราเข้าใจและคอยปรับแก้ตามเหตุการณ์ แม้บางคนจะเติบโตในสังคมที่เลวร้ายไม่เคยรับรู้รับทราบถึงการมีสัมมาคารวะหรือมีความอ่อนน้อมถ่อมตนเลย เราก็ต้องคอยปรับแก้ดูแลสังคมร่วมกัน  ข้าพเจ้าพึงหวังเห็นสังคมไทยสอนวัฒนธรรมการไหว้ของเราให้อยู่สืบต่อเนื่องตลอดชั่วลูกหลาน เพราะงดงามมากในสายตาข้าพเจ้า  แม้การทักทายของแต่ละเชื้อชาติจะต่างกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นที่จะมาเข้าข้างที่ข้าพเจ้าเกิดในประเทศไทย เพราะข้าพเจ้าเป็นคนมี ชีวิตที่มีสายสัมพันธ์กับหลายชาติตามต้นตระกูลและความเกี่ยวดองในปัจจุบัน แต่ข้าพเจ้าชอบประเทศไทยจึงดีใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย ถึงแม้ตอนนี้จะวุ่นวายแต่คนไทยทุกคนน่าจะกลับมาสู่ความสุขสงบได้ในไม่ช้า เพราะพื้นฐานจิตใจของคนไทยไม่ได้ชั่วร้ายมาแต่เกิด 

       ทำไมข้าพเจ้าถึงบอกว่า อ่อนน้อมถ่อมตนจึงเป็นหนทางในการฝึกใจอีกอย่างหนึ่ง  นี่จะว่าเป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าต้องการสื่อให้ผู้คนรับรู้ ตั้งแต่อดีตแม้แต่ยังไม่ได้ฝึกฝนทางด้านจิตใจ ความนอบน้อมเคารพเราก็จะถูกปลูกฝังมาจากครอบครัว แต่ก่อนข้าพเจ้ากับน้องจะต้องไปมาลาไหว้แม้แต่กับพ่อแม่ ท่านไม่ต้องสอนแต่เรารู้เอง เช่น ก่อนไปโรงเรียนจะต้องไหว้พ่อแม่ก่อน ทำอย่างนี้ตลอด ไม่ได้พูดยกยอตนอะไรคะ แต่ยกตัวอย่างจิตใจเราก็จะอ่อนน้อมมาแต่เด็ก  แม่สอนให้รู้จักไหว้ญาติผู้ใหญ่รู้จักเคารพพระสงฆ์ ไม่ดูถูกเหยีดหยามใคร เพราะเราไม่ใช่คนที่ถือทิฐิอะไร เมื่อโตขึ้นข้าพเจ้าเข้าใจเลยว่าสิ่งที่แม่สอนเรามา ไม่ว่าจะเรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตน มีผลต่อตัวเรามาก เมื่อเราต้องเข้าสังคม มีหัวหน้า มีเจ้านาย มีลูกน้อง หรือแม้แต่ในงานธรรมะที่เรากำลังปฏิบัติเสริมให้จิตเราเดินได้ถูกทาง  เมื่อเราฝึกฝนความอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เรื่อยๆ เมื่อเราเติบโตมีตำแหน่งใหญ่โต หรือแม้แต่ผู้ใดที่มียศฐา บรรดาศักดิ์ทางสังคมสูง แม้แต่ตำแหน่งในทางธรรมสูงแล้ว จิตใจของผู้ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่แล้วจะสามารถช่วยฉุดดึงรั้งความ เย่อหยิ่งในตน ความหลงตนของเราให้ลดลงได้อย่างมาก การปฏิบัติในหน้าที่การงาน หรือในงานธรรมย่อมจะสามารถก้าวไปพร้อมกันได้ดี

    แนวทางของการฝึกฝนจิตใจเราให้อยู่ในความอ่อนน้อมถ่อมตน -ในระดับครอบครัว ซึ่งเป็นช่วงแรกและสำคัญและก้าวแรกของการได้เข้าใจและปฏิบัติในเรื่องของความอ่อนน้อมถ่อมตนก็ว่าได้ เราต้องส่งเสริม บอกล่าว ผลักดัน  ให้ลูกหรือคนในครอบครัวได้รู้จักการกราบไหว้ ทักทายกัน เคารพกันระหว่าง พ่อ แม่ เครือญาติก่อน ตามกาลเทศะและเหตุการณ์ และวิธีต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับผู้ที่เราต้องการฝึกฝนให้ เช่นลูก เราพยายามแนะนำให้รู้จักไหว้ผู้ใหญ่ แม้เขาจะอาจจะดื้อไม่เชื่อฟังบ้าง  แต่นั่นไม่ใช่ให้เราเลิกบอกกล่าว หาวิธีใหม่ เพื่อให้ลูกเราได้เรียนรู้ถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน และพึงเคารพผู้ใหญ่ตามมา เป็นต้น

- ในระดับสังคม ซึ่งอาจจะกว้างและก้าวเข้าลึกขึ้น
       เมื่อกล่าวถึงระดับนี้ผู้ที่เป็นผู้นำประเทศหรือส่วนที่มีหน้าที่รับผิดชอบด้านนี้เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ก่อเกิดการเสริมสร้างความอ่อนน้อมในระดับสังคม เช่นการเสริมสร้างวัฒนธรรมที่ดี ให้เป็นหลักสูตรสืบถอดปฏิบัติในโรงเรียนเป็นต้น แนวทางมีมากมายและกว้างมากในระดับนี้ แต่ขอให้มีแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และดี ยังผลที่แท้จริง ให้ความอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าฝังลึกภายในใจ ปฏิบัติด้วยความจริงใจด้วย เห็นความสำคัญนั่นจะยังผลให้สำเร็จได้ต่อไป เช่นในปัจจุบันได้มีการประกวดส่งเสริมมารยาทไทย ให้เด็กได้เรียน ได้ปฏิบัตินับเป็นหลักสูตรที่ดี  เราเป็นคนไทย ก็ควรรักและเคารพในวัฒนธรรมของเราแม้มีบ้างที่ควรปรับปรุงแต่เราก็ควรร่วมกันแก้ไขอย่างเข้าใจ เพื่อให้ประเทศเราก้าวต่อไปอย่างงดงาม
    
       ที่กล่าวมาทั้งหมดข้าพเจ้าเพียงชี้ให้เห็นถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นส่วนหนึ่งในการอยู่ร่วมกันบนโลกและสังคมได้อย่างสงบ ลดความวุ่นวายลงได้บ้าง แม้อาจจะเป็นเพียงส่วนน้อยนิดแต่ผลที่จะเกิดขึ้นจะสามารถนำสู่ความดีงามได้ และเป็นส่วนที่ควรส่งเสริมสืบเนื่องต่อไปให้ได้อย่างงดงาม

       ถ้าในทางธรรมะการฝึกฝนภายในแล้ว เมื่อผู้ใดปฏิบัติธรรมได้สูง ความอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งต้องมีสูงกว่าคนทั่วไป ต้องคำนึงให้มากกว่า ถ้าผู้ใดยิ่งบำเพ็ญไปแล้วว่าตนยิ่งใหญ่ ผู้คนต้องมากราบมาไหว้ มายกยอ มองคนอื่นต่ำกว่าตนแล้วนั่น ข้าพเจ้ามั่นใจว่าจิตของผู้นั้นยังไม่สำเร็จได้ การที่เราได้เรียนรู้ ได้ปฏิบัติ พิจารณาที่ใจภายในเราให้ได้ดี เป็นคนดีได้นั่นเอง เรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตนต้องให้ถือปฏิบ้ติ นำมาพิจารณาควบคู่การฝึกฝน เพื่อให้ใจเราปรับเข้าสู่ความสมดุล ไม่หลงตนไปได้ง่าย ๆ นั่นเอง เพราะความหลงตน ความหลงไหลใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส จะมีผ่านเข้ามาทางหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจเราเสมอเพื่อให้ฝึกฝนแต่นั่นไม่ใช่เราจะมองเพียงส่วนเดียว เราต้องมองการบำเพ็ญส่วนอื่นเข้ามาประกอบด้วย แม้เราจะสามารถตัดซึ่งกิเลสเหล่านี้ได้ แต่นั่นมันยังไม่ใช่ความสำเร็จอย่างแท้จริง เพราะเราดำรงตนบนโลกใบนี้ต้องเข้าสู่ธรรมชาติและความสมดุลให้เข้าสู่ความเป็นตัวตนของเราอย่างเข้าใจ เมื่อมีสิ่งที่ได้มาเหนือคนอื่นจะไม่เข้าสู่การคิดไปเอง หลงทางไปไกล เมื่อเรานำความอ่อนน้อมถ่อมตน เข้ามาพิจารณาควบคู่การบำเพ็ญใจภายในของเราด้วยเสมอ

       เมื่อเราได้รับการทักทายหรือกราบไหว้ เราก็ควรแสดงออกทักทายด้วยมิตรไมตรี ข้าพเจ้าเชื่อว่าคนที่เขาทักทายเรามาแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนกับเรามาคงจะได้กำลังใจในการกระทำต่อไป ถึงแม้เราจะอ่านใจใครไม่ออก เราก็ไม่ควรดูถูกดูแคลนว่าการแสดงออกเหล่านั้นจะเป็นแค่การแกล้งกระทำ เพราะจิตถ้าเราไม่ดูถูกดูแคลนใครแล้ว จิตใจของเราจะไม่คิดในส่วนนี้ได้ จึงควรน้อมรับและฝึกความอ่อนน้อมถ่อมตนที่ออกมาจากหัวใจของเราได้อย่างแท้จริง


อ่อนน้อมถ่อมตนคือผลแห่งการปฏิบัติ     ตัวชี้ชัดวัดค่างานการฝึกฝน
หากใครฝึกที่จิตได้แค่แต่ในตน              ต้องนิ่งทนกราบไหว้เราแสนเศร้าใจ
หากเราฝึกที่จิตคิดงามค่า                     ใจนั้นหนาต้องอ่อนน้อมยอมฝึกไซร้
แม้อภิญญาได้มาเหนือกว่าใคร               ก็มิใช่มองยิ่งใหญ่ไร้ปราณี
เราต้องฝึกอ่อนน้อมพร้อมเคารพ            แม้เรารบกิเลสเหตุวิ่งหนี
เราต้องยอมรับผู้อื่นเคารพนบนอบที       จะก้าวดีชี้ทางนำย้ำสุขใจ
แม้ความหยิ่งในใจมีอยู่สูง                     ใจเราจูงฝึกฝนเป็นคนใหม่
ใครจะเลวจะด่าเราคาใจ                        น้อมรับไซร้อภัยด้วยหัวใจจริง
ถ่อมตนบ้างไม่อ้างว่าตนเลิศ                  นั่นระเบิดเวลาในใจต้องไล่ทิ้ง
อย่าถือเอาเฉพาะตนทนเย่อหยิ่ง            ให้ละทิ้งความถือตนทนห่างเอย
แม้เราเคยใจแข็งกร้าวเราแหละแน่          แม้พ่อแม่ยังไม่อ่อนน้อมรับเลย
ต้องวางใจให้อ่อนและน้อมเอย               ปรับใหม่เลยไม่มีสายได้แก้ตัว

บทกลอนและบทความโดยเฉินกุ้ยเซียง

ขอบคุณที่มา  ::  www.chomrom.com


อ่อนน้อมถ่อมตนคือหนทางและเคล็ดลับความงามแห่งการฝึกใจ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์