เกย์ กับ ความมั่นใจตัวเอง

เกย์ กับ ความมั่นใจตัวเอง

ระยะนี้มีเกย์มาปรึกษาเรื่องความมั่นใจตัวเองกันมาก

เขามักจะบอกว่าไม่มั่นใจตัวเองทั้ง ๆ ที่หลายคนมีการศึกษาดี มีการงาน บุคลิกดี บางคนเข้าข่ายหนุ่มหล่อ มาดผู้บริหารหรือนักกีฬาด้วยซ้ำ บางคนไม่ชอบกริยาบางอย่างของตนเองที่ออกจะ “แต๋ว ๆ” ไปบ้าง

ผมเคยเขียนหนังสือเรื่อง “วิธีสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง” และเขาเคยอ่านหนังสือเล่มนี้จึงอยากมาปรึกษาต่อ

เราคุยกันถึงเรื่องความคิดและความรู้สึกเกี่ยวกับตัวของเขาในแง่ลบ (-) ที่เขาสะสมไว้ตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน ที่มันตกผลึกกลายเป็นความเชื่อในระดับจิตใต้สำนึกว่า การเป็นเกย์เป็นสิ่งไม่ดี เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ

ซึ่งเขาก็เชื่ออย่างนี้ จึงทำให้เขาคิดว่าเขาเป็นคนไม่ดี ตั้งแต่แรกเกิดมาเลย เพราะเกิดมาเป็นเกย์

ในสมัยก่อนทางการแพทย์เคยเชื่อกันว่า การเป็นเกย์เป็นความผิดปกติ เบี่ยงเบนทางเพศ เป็นโรคจิต โรคประสาท สังคมตั้งแง่รังเกียจและตอกย้ำความต่ำต้อยกันมาก

แต่ในปัจจุบันทางการแพทย์และจิตแพทย์ทั่วโลกยอมรับกันแล้วว่า การเป็นเกย์ (คือการที่คนจะรักคนเพศเดียวกันในเชิงพิศวาส) ไม่ได้เป็นความผิดปกติ ไม่ได้เป็นการเบี่ยงทางเพศ ไม่ได้เป็นโรคจิต ไม่ได้เป็นโรคประสาท และไม่ต้องมีการรักษา

ถือว่าเป็นความปกติของมนุษย์ ที่เขาจะรักคนต่างเพศหรือเพศเดียวกันก็ได้ที่ไม่ทำให้ผิดกฎหมาย (เช่น ข่มขืน ล่อลวง ฯลฯ)

แต่คนจำนวนมากก็ยังฝังใจกับภาพลักษณ์เกย์สมัยก่อนและมีอคติอยู่

ตัวคนที่เป็นเกย์เองก็เกิดอคติกับตัวเอง ยอมให้ภาพลักษณ์และความเชื่อเก่า ๆ เข้ามาครอบคลุมความคิดและความรู้สึกของตัวเอง จนกลายเป็นความเชื่อว่าเขามีความผิดและผิดปกติที่เกิดมาเป็นเกย์

เกิดการเกลียดชังรังเกียจตัวเอง กลายเป็นปมด้อย ทำให้ไม่สามารถรักและภูมิใจตัวเองได้

บางคนพยายามเรียนให้ได้ดี ได้เกียรตินิยม มีการศึกษาสูงระดับปริญญาเอก มีการงานทำดี เป็นผู้บริหารหรือนักกีฬาระดับชาติ ระดับโลก แต่ก็ไม่ภูมิใจและไม่มั่นใจตัวเองจริง ๆ สักที

เขาคิดว่าการทำให้คนอื่นภูมิใจตัวเขา จะทำให้เขาเกิดความภูมิใจตัวเองได้ แต่...ไม่ใช่เลย... เพราะความคิดของเขายังต่อต้านและรังเกียจตัวเองอยู่

เราพูดกันถึงการมองตัวตนของเกย์ให้เป็น “คนปกติ” ให้ได้เสียก่อน เพราะการเป็นเกย์ไม่ได้เป็นความผิดปกติอีกแล้ว มันเป็นลักษณะเฉพาะตัวที่แฝงมากับโครโมโซม ทำให้มีความชอบคนเพศเดียวกัน

จากนั้นให้คิดและเชื่อให้ได้ว่าเขาเป็นคนที่เคยทำความดีพื้นฐานโดยไม่หวังผลตอบแทนมาแล้ว เช่น การช่วยคนที่ด้อยกว่า และให้นึกภาพความภูมิใจที่เขาได้ทำความดีซ้ำ ๆ พร้อมทั้งพูดกำกับคำว่า “ฉันเป็นคน เก่งมาก – ดีมาก” เข้าไปด้วย

จะทำให้คุณจะมีความมั่นใจตัวเองมากขึ้น

ส่วนกิริยาท่าทางที่สื่อถึงความเป็นเกย์ที่พบได้นั้น ขอให้นึกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยที่อาจแสดงออกในห้องส่วนตัวได้บ้าง แต่ขอให้พยายามวางตัว (Behave) ให้เหมาะสมกับความเป็นคนของสังคม การแสดงออกวี้ดว้ายหรือแสดงท่าเป็นกะเทยมากไปจะทำให้คนมีอคติมากขึ้น นอกจากคุณจะเป็นเกย์ที่มีระดับความลึกเข้าข่ายกะเทย แต๋ว ตุ๊ดที่อยากเป็นหญิง (Tranvestism) หรือเป็นพวกแปลงเพศ (Transexualism) ไปแล้ว ก็ไม่เป็นไร เพราะสองพวกหลังนี้เรียกว่าเป็นพวก “หลงเพศ” เพราะเขาหลงคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงไปแล้ว ทำให้มีกิริยากระตุ้งกระติ้งได้มากกว่าเกย์ทั่วไป และเขาหลงคิดว่าจะมีผู้ชายแท้ ๆ มารักเขาแบบชาย-หญิงจริง ๆ ได้ด้วย ซึ่งหาได้ยากมาก

แต่เกย์ส่วนใหญ่ยังไม่หลงเพศ ยังเป็นชายที่รักชาย และยังคงชอบความเป็นชายของตนเองอยู่ จึงพอใจจะมีความรักกับเกย์ด้วยกัน ไม่คิดจะไปรักผู้หญิงหรือผู้ชายแท้ ๆ จึงควรวางตัวให้แลดูเป็นชายเอาไว้

จากนั้นก็ให้ทำหน้าที่ของชีวิตให้ดีตลอดไป 3 อย่าง คือ ทำงานให้ดี ทำหน้าที่ตามสังคมกำหนดไว้ และทำความดีให้มากขึ้น

ขอให้โชคดีเถิด - เกย์ทุกคน

คุณคือคนปกติและคุณคือผู้ชาย (อย่าคิดเรียกตัวเองว่าเป็นเพศที่ 3 เพราะจะทำให้สับสนมากขึ้น เพราะยังไง ๆ คุณก็มีโครโมโซม xy เป็นผู้ชาย แต่อาจจะชอบสิ่งที่คนอื่นไม่ชอบก็ได้ ซึ่งไม่ผิดปกติ)

อย่าขาดความมั่นใจ อย่าทำตัวให้รกตาคนอื่น และอย่ามีความทุกข์จากการเกิดมาเป็นเกย์อีกต่อไปเลย


เกย์ กับ ความมั่นใจตัวเอง


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์