เคล็ดลับกินเจถูกวิธี ได้บุญ-มีสุขภาพดี

เคล็ดลับกินเจถูกวิธี "ได้บุญ-มีสุขภาพดี"


หลายจังหวัดทั่วประเทศคึกคักในช่วงเทศกาลกินเจ 9 วันระหว่างวันที่ 5-13 ตุลาคม ถือเป็นเทศกาลถือศีลกินผัก งดเว้นกินเนื้อสัตว์ ละบาป สร้างบุญกุศล โดยเฉพาะจังหวัดที่มีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

อาหารเจ เป็นอาหารที่ปรุงขึ้นโดยไม่มีเนื้อสัตว์ หรือ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์
ทำให้เหล่าบรรดานักโภชนาการหวั่นเกรงว่าคนที่กินเจจะเป็นโรคขาดสารอาหาร เพราะกินอาหารไม่ครบ 5 หมู่

ดังนั้น นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย แนะนำการกินเจที่ถูกต้องว่า ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่
 
ที่ผ่านคนส่วนใหญ่กินเจไม่ถูกต้อง จึงมักอ้วนขึ้นหลังออกเจ เพราะกินแต่ของทอดของมัน บางคนกินข้าวเยอะ เพราะรู้สึกไม่มีแรงจากการไม่กินเนื้อสัตว์ ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง ควรกินตามหลักโภชนาการ เช่น ในหนึ่งมื้อควรกินข้าว 2 ทัพพี ผัก 2 ทัพพี ควรเป็นผักที่มีหลายสีและล้างให้สะอาด ส่วนโปรตีนควรเน้นที่มาจากถั่ว เช่น เต้าหู้ หากรู้สึกหิวระหว่างวันให้กินผลไม้ อย่างกล้วยที่ทำให้รู้สึกอยู่ท้อง และไม่ควรกินอาหารที่หวาน เค็ม มัน จนเกินไป ที่สำคัญควรรักษาศีล 5 ทำจิตใจให้สดใสร่วมกับการออกกำลังกาย จะทำให้การกินเจครบสมบูรณ์ หากคิดว่าจะกินเจก็ควรละความอยากทางจิตใจ อย่าไปยึดติดกับรูป รส กลิ่น เสียง อยากกินแต่อาหารที่มีรสชาติคล้ายหมูหรือไก่ อย่างนี้คือการกินเจที่ไม่ถูกต้อง


นพ.พรเทพกล่าวว่า มนุษย์สร้างมาให้กินผักไม่ได้ให้กินสัตว์ เนื้อสัตว์จึงมักก่อให้เกิดโรค โดยเฉพาะไขมันในเลือดสูง

โรคที่เกี่ยวกับลำไส้จากการย่อยยาก และที่สำคัญคือมะเร็ง ดังนั้นการกินเจอย่างถูกต้องร่างกายจะได้ประโยชน์มากมาย ถือเป็นช่วงล้างพิษจากการไม่กินเนื้อสัตว์ ส่วนคนที่ไม่กินเจ อย่างหนุ่มๆ สาวๆ ก็สามารถล้างพิษให้ร่างกายได้ โดยแต่ละมื้อให้เน้นกินผัก แต่ควรหลากหลายครบ 5 สีเพื่อคุณค่าทางอาหาร เพราะผักแต่ละชนิดมีประโยชน์ต่างกัน กินเนื้อสัตว์ได้ไม่เกิน 3 ช้อนโต๊ะ หรือเน้นการกินเนื้อปลา ลดของมัน ของทอด เพียงเท่านี้จะรู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้น ขับถ่ายสะดวก

"ผมพยายามบอกหลายคนที่กินเจให้กินอย่างถูกต้อง เพราะเป็นห่วง ไม่อยากให้อ้วนขึ้น ตัวผมเองไม่ได้กินเจ เพราะต้องทำงาน คงทำไม่ไหว ก็ขอให้ในช่วงเทศกาลกินเจ ประชาชนจะได้รับทั้งบุญและมีสุขภาพที่ดี" นพ.พรเทพกล่าว

ด้านนายสง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัยและอุปนายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย
 
เล่าถึงวิธีการกินเจให้ได้ประโยชน์ตลอด 9 วัน ว่าหลายคนคิดว่าอาหารเจทำให้อ้วน เพราะเห็นอาหารที่วางขายโดยทั่วไปมีแต่แป้งและของมัน แต่ความจริงแล้วเทศกาลกินเจ เรียกเต็มๆ ว่าการถือศีลกินเจ ถือปฏิบัติกันมานานกว่า 2,000 ปี โดยถือศีล 3 ทาง คือ 1.ทางปาก คือไม่ว่าร้ายผู้อื่น ไม่พูดคำหยาบ และไม่กินเนื้อสัตว์ 2.ทางกาย ไม่ฆ่าสัตว์ตัดซีวิต ไม่ตบตีรังแกผู้อื่น และ 3.ทางใจ คิดดี มองโลกในแง่ดี ทำจิตใจให้ผ่องใส ซึ่งจะถือศีลร่วมกับการไม่กินสัตว์ เพื่อให้ได้บุญกุศล แต่ระยะหลังคนเริ่มปฏิบัติในทางที่ผิด ตัดคำว่าถือศีลออกและคิดว่าเป็นเทศกาลกินผักไม่กินเนื้อสัตว์

นายสง่าเล่าต่อไปว่า ผู้ที่กินเจต้องไม่กินเนื้อสัตว์ตลอด 9 วัน
ซึ่งอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ถือเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ หากตัดขาดทันทีร่างกายจะโหยหาทำให้เสียสุขภาพ ดังนั้น ในระหว่างนี้ควรกินถั่วเมล็ดแห้งประเภทต่างๆ ทดแทน หรืออาหารที่ทำมาจากถั่วเมล็ดแห้ง ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนเช่นกัน เช่น เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ โปรตีนเกษตร หรือจะเป็นสาหร่ายก็ได้

สิ่งที่ผู้กินเจต้องระวัง คือการกินอาหารเจตามร้านอาหารต่างๆ

โดยทั่วไปร้านอาหารที่จำหน่ายอาหารเจมักนำแป้งสาลีผสมกับข้าวเหนียวและปรุงเป็นผัดหมี่หรือทำเป็นเนื้อสัตว์เทียม ซึ่งอาหารเหล่านี้เป็นคาร์โบไฮเดรต มีโปรตีนน้อยมาก หากรับประทานมากจะทำให้อ้วนได้ และระวังอาหารที่เค็มจัด รวมทั้งความสะอาดและความปลอดภัย ต้องล้างผักให้สะอาด เพราะอาจมีสารปนเปื้อน หากร่างกายได้รับมากจะเกิดการสะสมจะก่อให้เกิดมะเร็งได้

ดังนั้น เพื่อให้การกินเจได้ทั้งบุญและสุขภาพดี ต้องระวังไม่กินอาหารที่มันเกินไป เพราะส่วนใหญ่เป็นอาหารที่ปรุงด้วยการผัดและทอด
 
แต่ควรเน้นที่ทำมาจากการต้ม ย่าง อบ ยำ นึ่ง ส่วนร้านอาหารควรปรุงอาหารได้สะอาดมีประโยชน์และถูกหลักอนามัย หากทำกันอย่างขอไปที ค้ากำไรเกินควร จากเทศกาลบุญก็จะเป็นว่าได้รับบาปไปแทน หรือทางที่ดีควรประกอบอาหารกินเอง เพื่อควบคุมคุณภาพด้วยตัวเอง ซึ่งมีหลายเมนูที่ทำได้ง่ายและมีประโยชน์ เช่น นำเต้าหู้แผ่นมานึ่งให้สุกแล้วหั่นเป็นชิ้น จากนั้นทำน้ำจิ้มโดยใช้ซีอิ้วขาว มะนาว และพริกขี้หนู ซึ่งจะเป็นอาหารว่างระหว่างวันได้ หรือจะทำลาบเต้าหู้ โดยใช้เต้าหู้แทนเนื้อสัตว์ ใช้เครื่องลาบทั่วไปแต่เปลี่ยนน้ำปลาเป็นซีอิ้วแทน หรือจะเป็นเมนูของหวานถั่วเขียวต้มน้ำตาลทรายแดง และอีกเมนูที่อยากแนะนำคือต้มจับฉ่ายเจ ทำง่ายมาก แค่นำผัก 10 อย่าง มาต้มรวมกันและปรุงรสด้วยซีอิ๊ว

"หลายคนกินเจแล้วโหย ไม่อิ่มท้อง ดังนั้น ควรเลือกกินอาหารให้พอเหมาะ กินข้าวพอประมาณ กินผักและผลไม้ให้เยอะ หากไม่อิ่มให้ดื่มนมถั่วเหลืองได้เต็มที่วันละ 2-3 กล่อง หากต้องการลดน้ำหนักก็ควรถือโอกาสนี้หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่อยากให้กินเจตามกระแส ตามแฟชั่น หรือกินเพราะคิดว่าจะลดน้ำหนัก โดยที่ไม่มีความรู้ใดๆ ดังนั้น ควรมีการศึกษาก่อนกินเจว่ากินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายและได้บุญกุศล ส่วนตัวแล้วไม่ได้ร่วมกินเจ เพราะเน้นกินผัก ปลา และผลไม้เป็นประจำอยู่แล้ว" นายสง่ากล่าวทิ้งท้าย


เคล็ดลับกินเจถูกวิธี ได้บุญ-มีสุขภาพดี

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์