เชื่อว่าทุกคนคงอยากจะรู้... จะหนาว อีกนานไหม ?


นึกว่าอากาศหนาวจะห่างหาย แต่แล้วจู่ๆ ลมหนาวก็กลับมา ช่วงวันสองวันนี้ ใครตื่นนอนมาตอนเช้าคงรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นหลายพื้นที่ ขณะเดียวกันหลายจังหวัดในภาคเหนือยังมีฝนโปรยปรายลงคละเคล้ากับอากาศเย็น

นายคมสัน สุวรรณอัมพา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เขต 10 บอกว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง ทุกพื้นที่ของ จ.เชียงใหม่ รวม 25 อำเภอ มีอุณหภูมิลดต่ำลงกว่า 15 องศาเซลเซียส ติดต่อกัน 3 วัน จึงเสนอให้ นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ลงนามในประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติหนาวแล้ว 25 อำเภอ พร้อมเสนอของบประมาณช่วยเหลือจากจังหวัด 1 ล้านบาท และของบประมาณจากส่วนกลางรวม 32 ล้านบาท มาให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนประสบภัยหนาว 

แต่เบื้องต้นได้รับอนุมัติงบประมาณมาก่อนจำนวน 6 ล้านบาทเศษ เพื่อนำมาซื้ออุปกรณ์กันหนาวให้ประชาชน จากการสำรวจพบขาดแคลนผ้าห่มและอุปกรณ์กันหนาวจำนวน 337,000 ผืน มีการทยอยแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ

นายพรเทพ เจริญสืบสกุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เล่าว่า  สภาพอากาศบนยอดดอยยังคงหนาวจัด ล่าสุดวัดได้ 2 องศาเซลเซียส จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน 4 องศาเซลเซียส ท้องฟ้าเปิดหมอกลงหนา แต่ไม่มีน้ำค้างแข็งหรือ เหมยขาบ 

"ความหนาวเย็นและทัศนียภาพที่สวยงามตามธรรมชาติ ทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางขึ้นไปท่องเที่ยวภายในอุทยานฯกันอย่างหนาตา เรียกว่าคึกคักมากในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เฉลี่ย 3,000-5,000 คนต่อวัน" ทางด้าน นายประวิทย์ แจ่มปัญญา ผู้อำนวยการสำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา บอกว่า อากาศหนาวช่วงนี้เกิดจากอิทธิพลของความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้เข้ามาแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ประกอบกับคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ประเทศไทยทั่วทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความแปรปรวนของสภาพอากาศ มีลมแรง ฝนตก และอากาศหนาวเย็น ความหนาวเย็นดังกล่าวจะมีไปจนถึงวันที่ 17 มกราคม  แต่หลังจากวันที่ 13 มกราคมเป็นต้นไป อากาศจะค่อยๆ มีอุณภูมิสูงขึ้น!

อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศของประเทศ ไทยในรอบสัปดาห์ ทั่วทุกภูมิภาคในช่วงต้นสัปดาห์ยังมีโอกาสที่อุณหภูมิจะลดลงอีกสูงสุดที่ 4-6 องศาเซลเซียส 
ตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 11-14 องศาเซลเซียส ส่วนในภาคอื่นๆ อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ 28-30 องศาเซลเซียส

เร็วๆ นี้ยังถือว่ามีโอกาสที่ประเทศไทยยังอาจได้รับอิทธิพลจากกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่าน ทำให้มีสภาพอากาศแปรปรวนได้อีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าเป็นเมื่อใด

นายจิรพล สินธุนาวา อาจารย์ประจำคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงอากาศหนาวเย็นในช่วงนี้ว่า ถือว่าปีนี้อากาศหนาวเย็นตามฤดูกาล ส่วนฝนตกในช่วงที่ผ่านในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกรุงเทพฯ เกิดจากอิทธิพลมวลอากาศสูงจากจีนมาปะทะกับลมทะเลตะวันตก จึงทำให้เกิดฝน 

แต่ที่น่าแปลกใจและต้องจับตามองต่อจากนี้คือลมตะวันตก ปกติแล้วในช่วงนี้ต้องอ่อนกำลังลง หากปะทะกับมวลอากาศสูงจะต้องพัดลงไป จนเกิดเป็นฝนในภาคใต้ แต่ปรากฏว่าปีนี้กลับเกิดฝนตกในภาคเหนือ แสดงว่าลมทะเลตะวันตกมีกำลังแรงมาก แต่เนื่องจากมีเพียงระลอกเดียวจึงยังไม่สามารถชี้วัดอะไรได้ ต้องรอดูว่าในสัปดาห์หน้าจะมีการปะทะกันอย่างนี้อีกหรือไม่ เพื่อเชื่อมโยงไปถึงปรากฏการณ์เอลนิโญ

"ทุกปีที่ผ่านมาฤดูร้อนมักจะยาวนานจนทำให้ฤดูหนาวสั้นลง สาเหตุมาจากภาวะโลกร้อน จึงทำให้ประเทศไทยประสบภาวะเช่นนี้มาหลายปี แต่มาปีนี้ถือว่าฤดูหนาวมาตามปกติ ฤดูหนาวควรจะยาวนานเช่นนี้ จึงอาจทำให้หลายคนแปลกใจ แต่ก็ต้องรอดูต่อไปว่าอากาศหนาวเย็นจะมีไปนานถึงไหน ตามฤดูกาลแล้วต้องมีไปถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม" นายจิรพลกล่าว

นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) กล่าวว่า อากาศหนาวเย็นในระยะนี้ถือเป็นเรื่องปกติตามฤดูกาล คาดว่าอากาศจะหนาวเย็นอีกประมาณ 10-15 วัน ส่วนในกรุงเทพฯอากาศจะเย็นและดีอย่างนี้ไปอีก 3-5 วัน จากนั้นอุณหภูมิจะอุ่นขึ้น และคาดว่าในสัปดาห์จะมีฝนตกเล็กน้อย

ด้านกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกโรงเตือนสภาพอากาศที่เปลี่ยน แปลงในช่วงต้นปีนี้ ที่ในบางวันจะมีทั้งอากาศหนาวเย็น ร้อน และอาจมีฝนตก เข้าสู่อากาศร้อน ซึ่งบางครั้งอาจเกิดขึ้นแบบฉับพลัน

นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่า หากร่างกายปรับตัวไม่ทันอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบต่อสุขภาพได้ง่าย จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ 

สำหรับโรคที่พบมาก 2 กลุ่ม คือ โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม หัด และโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น อาหารเป็นพิษและอุจจาระร่วง ดังนั้น พ่อ แม่ ผู้ปกครอง และผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุ จึงต้องมีความเข้าใจและรู้จักการดูแลสุขภาพให้ปลอดภัยจากโรคต่างๆ ในช่วงที่อากาศเปลี่ยน 

สำหรับวิธีการดูแลสุขภาพตนเองและบุคคลในครอบครัวช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงนั้น กลุ่มเด็กเล็กควรกินนมแม่เป็นประจำ เนื่องจากจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ทารกแรกเกิด-6 เดือน หลังจากนั้นสามารถให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยจนอายุครบ 2 ปี โดยเน้นอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ 

สำหรับผู้สูงอายุ ควรออกกำลังกายอย่างเหมาะสม อาทิ เดิน รำมวยจีน ควบคู่กับการกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ลดหวาน มัน เค็ม และกินผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง ในทุกมื้ออาหาร จะช่วยป้องกันไข้หวัดและส่งผลดีต่อสุขภาพ ทั้งนี้ การปรุงอาหารเป็นสิ่งสำคัญ ควรปรุงให้สุกก่อนการบริโภคและใส่ในภาชนะสะอาด และดื่มน้ำสะอาด บรรจุภัณฑ์ปิดมิดชิดหรือควรต้มให้สุกก่อนดื่ม ที่สำคัญควรล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่ทุกครั้งก่อน-หลัง ที่ทำกิจกรรมต่างๆ 

สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ควรตรวจค่าความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด และควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม กินยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และพักผ่อนให้เพียงพอ โดยสวมใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่น หากอากาศหนาวควรสวมเสื้อผ้าหนาๆ เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย แต่ถ้าอากาศร้อนควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สามารถระบายความร้อนได้ดี และหลีกเลี่ยงการอยู่กลางสายฝนหรือแดดจ้า 



เชื่อว่าทุกคนคงอยากจะรู้... จะหนาว อีกนานไหม ?


เชื่อว่าทุกคนคงอยากจะรู้... จะหนาว อีกนานไหม ?

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์