เตรียมพร้อม...หากแต่งงานอีกครั้ง

เตรียมพร้อม...หากแต่งงานอีกครั้ง


เตรียมพร้อม...หากแต่งงานอีกครั้ง


     การยอมเปิดใจให้โอกาสใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตอีกครั้งไม่ใช่เรื่องเสียหาย หากต้องคิดใคร่ครวญให้รอบด้าน เพื่อการตัดสินใจครั้งนี้ของคุณ ไม่กระทบใจ ‘ลูก'


     แต่งงานใหม่ดีไหม แต่งตอนที่ลูกยังเล็ก ๆ หรือว่ารอให้ลูกโตอีกนิดดี แต่งแล้วลูกจะมีปัญหารึเปล่า สารพัดคำถามที่สร้างความหนักอกหนักใจให้แก่แม่เลี้ยงเดี่ยวที่คิดจะปรับโครงสร้างครอบครัวใหม่ไม่น้อย เรื่องแบบนี้บอกได้คำเดียวว่า ต้องคิดเยอะ ๆ คิดละเอียด ๆ อย่าเพิ่งผลีผลามทำอะไรตามอารมณ์ความรู้สึก เพราะการตัดสินใจครั้งนี้ของคุณ ย่อมส่งผลถึงลูกโดยตรงค่ะ



แต่งงานใหม่...ดีไหมหนอ

     แม้ว่าการการแต่งงานใหม่จะเป็นสิทธิอันชอบธรรมของคุณแม่ก็ตาม แต่แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ต้องตระหนักถึงก็คือลูก แม่เลี้ยงเดี่ยวหลายคนมักจะบอกว่า รอให้ลูกโตอีกหน่อยค่อยคิดแต่งงานใหม่ ซึ่งการพูดเช่นนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความเข็ดขยาดจากปัญหาที่เคยประสบในชีวิตคู่ที่ผ่านมา จึงทำให้ปิดประตูใจให้แก่ทุกคนที่เดินผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ก็อีกนั่นล่ะโชคชะตาฟ้าลิขิตมาเช่นไรไม่มีใครหยั่งรู้ได้ หากบังเอิญวันหนึ่งชีวิตพลิกผัน มีเจ้าชายขี่ม้าขาวเข้ามาในชีวิตจนต้องคิดคำนึงถึงการแต่งงาน (อีกครั้ง) แล้วจะทำอย่างไรได้


เตรียมพร้อม...หากแต่งงานอีกครั้ง


     การตัดสินใจแต่งงานใหม่ไม่ใช่เรื่องเสียหาย สำคัญที่คุณแม่ต้องอธิบายให้ว่าที่สามีเข้าใจถึงภาระหน้าที่ความเป็นแม่ที่มีติดตัวมาให้กระจ่างชัดว่า เขาสามารถยอมรับและพร้อมที่จะรักและเมตตาลูกของคุณแม่ เหมือนกับที่เขารักคุณแม่ได้หรือไม่ ถ้าทุกอย่างคลิกก็ตัดสินใจได้ แต่จะแต่งเสียตั้งแต่ลูกยังเล็ก หรือรอลูกโตก่อนดีล่ะ...


     หากลูกยังเล็กยังไม่รู้ประสา ก็ถือเสียว่าเป็นโอกาสเหมาะที่จะให้ ‘ผู้มาใหม่' ได้สวมรอยทำหน้าที่พ่อได้อย่างไม่เก้อเขินนัก ขอเพียงแค่เขารักและเมตตาลูกเราจริงๆ เท่านั้น แต่ถ้าแต่งงานใหม่ตอนที่ลูกเริ่มรู้ความ สามารถแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบและสื่อสารได้อย่างดีแล้ว คุณแม่จำเป็นต้องใช้ศิลปะในการอธิบายกันหน่อย รวมทั้งต้องใช้ความอดทนและให้เวลาก่อร่างสร้างสัมพันธภาพระหว่างพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยงพอสมควร


เตรียมพร้อม...หากแต่งงานอีกครั้ง


เตรียมรับมือเรื่องวุ่น ๆ

     แน่นอนว่า หลังจากที่คุณแม่ตัดสินใจแต่งงานรอบสอง นั่นหมายถึงมีอีกคนที่เป็นเสมือนคนแปลกหน้า (ของลูก) เพิ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และคน ๆ นี้ก็ดูเหมือนว่าจะสนิทชิดเชื้อกับแม่เสียเหลือเกิน ในมุมของลูกเขาอาจจะคิดว่า แม่จะรักผู้ชายคนนี้มากกว่าเราหรือเปล่านะ แม่ไม่รักเราแล้วแน่เลย แม่ไม่กลับมาดีกับพ่อแล้วเหรอ อย่าปล่อยให้คำถามเหล่านี้วนเวียนคาใจลูกอยู่เลยค่ะ คุณแม่ควร...


      คุยกันให้เข้าใจ อย่าคิดว่าลูกยังเล็ก ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เด็กบางคนคิดมากกว่าผู้ใหญ่เสียอีก ที่สำคัญ การบอกกล่าวหรืออธิบายความเป็นไปที่เกิดขึ้นในบ้านช่วยให้ลูกไม่รู้สึกถูกแยกส่วนออกไปจากคุณด้วย หาเวลาคุยกับลูกด้วยคำง่ายๆ สั้นๆ แต่การที่จะคุยกับลูกการอธิบายแบบนี้คุณแม่จะต้องเข้าใจธรรมชาติของลูกด้วยว่าเป็นอย่างไร เพราะพัฒนาการของเด็กแต่คนนั้นต่างกันไปตามวัยและบุคลิกเฉพาะตัว เช่น เด็ก 3 ปี บางคนอาจจะถามเยอะหน่อย บางคนอาจจะไม่ถามเลยก็มี และพื้นฐานอารมณ์ของเด็กแต่ละคนก็ต่างกันไป ถ้าลูกมีพื้นอารมณ์ง่ายก็ง่ายไปทุกเรื่อง แต่ถ้าเข้าใจอะไรยากก็จะปรับตัวยากด้วย



      สร้างความมั่นใจให้แก่ลูก สิ่งสำคัญคือ ตัวคุณแม่เองต้องให้ความมั่นใจแก่ลูกว่า คุณยังคงรักเขาเหมือนเดิม การมีพ่อใหม่ไม่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกที่แม่มีต่อลูกได้ ความรักที่ให้ลูกจะมีอยู่ตลอดไป คุณแม่อาจจะบอกลูกว่า หนูยังมีของเล่นเหมือนเดิม มีคุณแม่ไปรับ-ส่งที่โรงเรียนเหมือนเดิม แล้วคุณแม่ก็ยังรักหนูเหมือนเดิม แต่วันไหนที่คุณแม่อาจจะไปกับคนนี้บ้าง มีคนนี้เข้ามาในบ้าน มีคนกินข้าวเพิ่มด้วยอีกคนหนึ่ง แต่ลูกยังกินอาหารกับแม่เหมือนเดิม เป็นต้น



      ให้เวลาในการปรับตัว ทันทีที่คุณแม่เริ่มรู้จักคนใหม่ และวางแผนคิดว่าอนาคตอาจจะแต่งงานหรืออยู่ร่วมกัน ก็อาจจะมีการนำกิจวัตรประจำวันที่เราทำกับลูกและคนใหม่ดึงเข้ามาสอดคล้องกัน แต่ต้องมีความสมดุลกันคือ ต้องมีเวลาแยกกันระหว่างแม่-ลูก ตัวเองกับว่าที่สามีโดยไม่มีลูก และกิจกรรมที่จะทำร่วมกันทั้ง 3 คน คือไม่น่าผูกติดว่าต้องทำด้วยกันทุกคนทุกครั้ง





ขอบคุณที่มา  ::  โดยคุณตังโอ๋ 
ขอบคุณที่มา  ::  http://www.momypedia.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์