เทคนิค 9 ประการเปลี่ยนตัวเองรับปีใหม่

เทคนิค 9 ประการเปลี่ยนตัวเองรับปีใหม่


ปีใหม่ หลายคนก็คงตั้งใจที่จะไปทำสวยทำหล่อ เพื่อเปลี่ยนลุคส์ของตัวเองให้ดูดีและมีความทันสมัย ให้สมกับการก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ แต่ทว่า การปรับเปลี่ยนตัวเองตัวเองเฉพาะภายนอก ก็อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะทำให้ปี ใหม่นั้นเต็มไปด้วยความสุขได้ เพราะความสุขที่แท้จริงมันขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ และพฤติกรรมให้ดีขึ้นต่างหาก!!


มาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่คุณควรปรับเปลี่ยนตัวเองรับปีใหม่…^^



เริ่มกันที่ข้อแรก สำหรับคนที่ชีวิตมีแต่งาน งาน งาน หรือเรียน เรียน เรียน คุณควรเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีสุขภาวะที่ยั่งยืนได้ ด้วยการใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนให้มากขึ้น วิธีการก็ไม่ยากเพียงปลีกเวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ มาทำกิจกรรมร่วมกันอย่างการรับประทานอาหาร ไปเที่ยว ไปทำบุญ ไปออกกำลังกาย หรือนั่งล้อมวงคุยเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือปรึกษาหารือกันยามที่พบเจอกับปัญหา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์ในครอบครัว และรักษามิตรภาพที่งดงามเอาไว้ให้คงอยู่

ด้วยความเครียดที่บีบคั้นรอบ ๆ ตัวทั้งการเมือง สภาพสังคม เศรษฐกิจ ก็ดูจะทำให้หนักสมองไปเสียหมด ดังนั้น คุณควรหันมาสนุกสนานกับชีวิตให้มากขึ้นอีกด้วย โดยการหากิจกรรมที่จะสร้างสมดุลให้กับร่างกายและจิตใจ ด้วยการทำอะไรใหม่ ๆ อาทิ หางานอดิเรกทำใหม่ ไปทำสปา ออกไปดูหนัง ฟังเพลงเสียบ้างก็ช่วยให้ผ่อนคลายความเครียดลงได้


มาต่อกันที่ข้อสอง คือ การออกกำลังกายให้มากขึ้น เพราะจากผลการสำรวจพฤติกรรมการออกกำลังกายของคนไทยในปี 2550 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ประชากรไทยที่มีกว่า 60 ล้านคนทั่วประเทศ กลับมีจำนวนผู้ออกกำลังกายทั้งสิ้นเพียง 16.3 ล้านคน ซึ่งกลุ่มเด็กถือเป็นกลุ่มที่ออกกำลังกายมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 73 เนื่องจากอยู่ในวัยเรียน ขณะที่วัยทำงานมีอัตราการออกกำลังกายน้อยที่สุดคือ ร้อยละ 20 ทั้งที่การออกกำลังกาย ถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันโรคที่สำคัญผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน จะมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยเพียง ร้อยละ 17

ขณะที่ผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย จะมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยสูงถึงร้อยละ 68 หรือประมาณ 9.2 ล้านคน ของจำนวนประชากรอายุ 11 ขวบขึ้นไปองค์การอนามัยโลกแนะนำว่า หากคนทั่วไปหันมาออกกำลังกาย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที ในรูปแบบที่เหมาะสมกับวัยและสภาพร่างกายจะมีผลทำให้หัวใจ ปอด ทำงานดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคที่คนเมืองกำลังป่วยมากที่สุดอย่างโรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน มะเร็ง โรคเครียดและปัญหาสุขภาพจิต เพราะการออกกำลังกายจะให้ผลดีทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และปัญญาอีกด้วย


ด้านข้อที่สาม เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีรอบพุงเกิน 90 เซนติเมตร และในผู้หญิงที่มีรอบพุงเกิน 80 เซนติเมตร นั่นคือการลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วน เพราะคุณกำลัง "อ้วนลงพุง" แล้ว ที่สำคัญดูเหมือนว่าสถิติโรคอ้วนจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มของเด็ก ๆ

ดังจะเห็นได้จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขที่พบว่า เด็กไทยอายุ 2-18 ปี จำนวน 17.6 ล้านคน ป่วยเป็นโรคอ้วนที่เกิดจากพฤติกรรมการขาดการออกกำลังกาย ชอบนั่งดูทีวี หรือเล่นเกมคอมพิวเตอร์ทั้งวัน และยังบริโภคอาหารประเภทขนมกรุบกรอบ น้ำหวาน และอาหารสำเร็จรูปเกินจำเป็น เพราะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่เพิ่งผ่านมา ทุกบ้านต่างก็ทำอาหารที่อร่อยที่สุดมาฉลองกัน ซึ่งจากผลการวิจัยของ ศูนย์จัดการปัญหาน้ำหนักตัวคาร์เนกี มหาวิทยาลัยลีดส์เมโทรโพลิแทน ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลเด็กเล็กอาจกินอาหารมากจนได้รับแคลอรีสูงกว่าปกติ ที่ควรได้รับเพียงวันละ 1,550 แคลอรี ถึงเกือบ 4 เท่า!!! การหม่ำมื้อใหญ่เช่นนี้ บวกกับการกินตามใจปากในช่วงเทศกาล สามารถทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจคงตัวอยู่อย่างนั้นหลายสัปดาห์ หลายเดือน หรือตลอดไป


ถึงเวลาแล้วที่ต้องบอกลาเจ้าไขมันเสียที!ด้วยการควบคุมน้ำหนักโดยใช้หลัก 3 อ. ที่ประกอบด้วย อาหาร อารมณ์ และออกกำลังกาย แต่ทว่าน้อยคนนักที่จะลดน้ำหนักได้สำเร็จ ดังนั้นคุณควรตั้งเป้าหมายให้แน่วแน่ พร้อมทั้งบอกในใกล้ชิดของคุณด้วยว่า คุณกำลังตั้งใจที่จะลดน้ำหนัก เพื่อเป็นการขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิด ในการเตือนเรื่องการรับประทานอาหารในกรณีที่คุณเผลอตัวได้ ที่สำคัญควรคิดอยู่เสมอว่า การลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องยาก และการมีรูปร่างและสุขภาพที่ดีอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม!


ต่อด้วยข้อที่สี่ คือ การเลิกสูบบุหรี่ จากข้อมูลของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ บอกว่า แต่ละปีคนไทยเลิกสูบบุหรี่ได้มากกว่า 200,000 คน หรือโดยเฉลี่ยมีผู้เลิกสูบบุหรี่ได้ถึงวันละ 600 คน จากสถิติพบว่า ร้อยละ 80 ผู้ที่หยุดสูบบุหรี่สามารถเลิกได้ด้วยตัวเอง ด้วยการเลิกอย่างเด็ดขาด หากคุณอยากเป็น 1 ใน 200,000 คน ที่เลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ลองปฏิบัติตามวิธีง่าย ๆ อย่างการขอคำปรึกษาจากคนรู้จักที่สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จมาแล้ว หรือโทรศัพท์เพื่อขอคำแนะนำที่ หมายเลข 1600 จากนั้นก็บอกให้คนใกล้ชิดให้ทราบถึงความตั้งใจที่จะเลิกบุหรี่ เพราะกำลังใจจากคนรอบข้าง จะช่วยให้คุณมีความพยายามที่จะเลิกสูบบุรี่ให้ได้ เพื่อคนที่คุณรัก

ที่สำคัญควรต้องกำหนดวันที่จะลงมือเลิกสูบบุหรี่ให้ชัดเจน แต่ไม่ควรกำหนดวันที่ห่างไกลเกินไป เพราะอาจทำให้หมดไฟเสียก่อน เมื่อถึงกำหนดจะเลิกให้เริ่มต้นด้วยการทิ้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ให้หมด เตรียมผลไม้หรือขนมขบเคี้ยวที่ไม่หวานหรือไม่ทำให้อ้วนไว้ เพื่อช่วยในการลดความอยากสูบบุหรี่ รวมถึงปรับเปลี่ยนกิจกรรมที่คุณมักทำร่วมกับการสูบบุหรี่ เช่น อ่านหนังสือแทนการสูบบุหรี่ระหว่างเข้าห้องน้ำ ลุกจากโต๊ะทันทีที่กินอาหารเสร็จ หรือแปรงฟันทุกครั้งหลังกินอาหาร พร้อมทั้งอยู่ใกล้ชิดกับคนที่ไม่สูบบุหรี่ เล่นกับลูก หรือสัตว์เลี้ยงให้มากขึ้น ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นความอยากสูบบุหรี่ได้ง่ายขึ้น เมื่อถึงวันลงมือ ให้ยึดถือคำมั่นที่จะเลิกสูบบุหรี่ โดยไม่หวั่นไหว บอกตัวเองว่ากำลังทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองและคนใกล้ชิด พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นอย่างการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจทำให้คุณเกิดความอยากสูบบุหรี่ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางคนสูบบุหรี่ด้วย

เมื่อรู้สึกเครียด ให้หยุดพักสมอง คลายเครียดสักครู่ ด้วยการพูดคุยกับคนอื่น หรืออ่านหนังสือการ์ตูนขำขัน พึงระลึกเสมอว่า มีคนไม่สูบบุหรี่อีกมากที่คลายเครียดได้ โดยไม่ต้องสูบบุหรี่ และไม่ควรท้าทายบุหรี่ อย่าคิดว่าลองสูบบุหรี่เป็นครั้งคราวคงไม่เป็นไร เพราะการทดลองสูบบุหรี่เพียงมวนเดียว อาจหมายถึงการหวนคืนไปสู่ความเคยชินเก่า ๆ อีก แต่หากอดใจไม่ไหว หันกลับไปสูบบุหรี่อีก นั่นไม่ได้หมายความว่าโลกได้ล่มสลาย หรือคุณเป็นคนล้มเหลว อย่างน้อยคุณก็ได้เรียนรู้ที่จะปรับปรุงตัวเองในคราวต่อไป ขอเพียงพยายามต่อไป ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้น


และข้อที่ห้า นั่นก็คือ การเลิกเหล้า ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากจะกระทำได้โดยทันที ดังนั้น คุณควรถือโอกาสปีใหม่ ฟ้าใหม่อย่างนี้ เริ่มต้นเลิกดื่มโดยเริ่มจากการตั้งใจให้แน่วแน่ พร้อมตั้งเป้าว่าจะเลิกเหล้าเพื่อใคร อาทิ เพื่อพ่อแม่ เพื่อลูก เพื่อเป็นการสร้างกำลังใจในการเลิกเหล้าให้กับตัวเอง ที่สำคัญหากคิดจะเลิกเหล้าให้หักดิบ หยุดดื่มทันที! แต่ในกรณีที่บางท่านดื่มเหล้าเป็นประจำจนไม่สามารถเลิกได้ทันที ควรเริ่มปรับเปลี่ยนนิสัย ด้วยการดื่มให้น้อยลง อาทิ หากเคยดื่มเหล้าพร้อมกับการรับประทานอาหาร ก็เปลี่ยนเป็นดื่มน้ำเปล่าควบคู่ไปด้วยระหว่างการดื่มเหล้า เปลี่ยนขนาดของแก้ว จากแก้วใหญ่เป็นแก้วเล็ก ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำกว่าทดแทนไปก่อนในระยะแรก ๆ โดยตั้งเป้าว่าจะลดปริมาณการดื่ม จากที่เคยดื่มวันละ 8 แก้ว ก็อาจจะลดปริมาณการดื่มลงไปเรื่อย ๆ จนเหลือวันละ 1 แก้ว และไม่ดื่มเลยแม้แต่แก้วเดียวในที่สุด

ในระหว่างการเลิกเหล้า ควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ หรือสถานที่ตลอดจนปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้คุณดื่มเหล้าได้ง่ายขึ้นอย่างช่วงเวลาหลังเลิกงาน วันเงินเดือนออก วาระหรือโอกาสพิเศษต่าง ๆ การไปเที่ยวผับหรือร้านอาหาร สถานบันเทิง การชักชวนจากกลุ่มเพื่อนที่ดื่มจัด เพราะอาจทำให้คุณหวนกลับไปดื่มได้ง่ายขึ้น และเมื่อมีเวลาว่าง ให้ทำกิจกรรมอื่นที่สร้างสรรค์และจรรโลงจิตใจแทนการดื่มสังสรรค์ อาทิ การเล่นกีฬา เล่นดนตรี เข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรม อ่านหนังสือ หรือชมภาพยนตร์ เป็นต้น และที่สำคัญที่สุด นั่นคือการฝึกปฏิเสธให้เด็ดขาด ถ้าเพื่อนคะยั้นคะยอให้ดื่ม ให้บอกไปว่า หมอห้ามดื่ม ไม่ว่างต้องรีบไปทำธุระ ต้องรีบไปรับลูก ฯลฯ จากนั้นให้รีบเดินเลี่ยงออกไปโดยเร็ว

นอกจากนี้คุณควรหาที่พึ่งและกำลังใจจากคนรอบข้าง อย่างพ่อแม่ คนรัก ลูก หรือเพื่อนสนิท ที่สามารถปรึกษาหารือให้คำแนะนำดี ๆ และพร้อมให้ความช่วยเหลือเมื่อคุณต้องการ หรือจะลองพูดคุย และอ่านประสบการณ์ของคนที่เลิกเหล้าสำเร็จก็จะสร้างกำลังใจให้กับคุณได้

 

ส่วนข้อที่หกเป็นการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หลายคนคงเคยคิดที่จะเปลี่ยนอาชีพ หรือลองเรียนภาษาเพิ่มเติม ศึกษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพิ่ม ลองหัดเล่นดนตรี การหาหนังสือใหม่ ๆ อ่าน ไปเรียนดำน้ำหรือชวนเพื่อน ๆ ไปปลูกป่า ไปส่องนก ดูผีเสื้อ หรือหาเวลาว่างแบกเป้ใส่หลัง แล้วไปกางเต็นท์นอนที่อุทยาน เพื่อศึกษาเส้นทางธรรมชาติตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน เหล่านี้ล้วนเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้ชีวิตของคุณมีสีสันไม่จำเจจนน่าเบื่อได้



สำหรับข้อที่เจ็ด นั่นคือ การช่วยเหลือหรือการเสียสละเพื่อส่วนรวม ซึ่งสามารถทำได้หลายทางด้วยกัน ทั้งการเป็นอาสาสมัครในองค์กรการกุศลต่าง ๆ การทำบุญเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า ไปเยี่ยมผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้งที่บ้านพักคนชรา รวมไปถึงการบริจาคสิ่งของที่เราไม่ใช้แล้ว อย่างเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า หรือของใช้ในบ้าน เพื่อให้เกิดประโยชน์แทนที่จะทิ้งไว้รกบ้าน หรือหากคุณมีบ้านติดริมแม่น้ำก็ลองพายเรืออกไปเก็บขยะดูก็ดี เพราะนอกจากจะได้บำเพ็ญประโยชน์แล้ว ยังช่วยรักษาความสะอาดให้แก่แม่น้ำลำคลองอีกด้วย


หรือลองทำข้อที่แปดดูเป็นการจัดระบบชีวิตตัวเอง โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนอาหาร จากที่เคยรับประทานแต่อาหารขยะ ก็ให้เลิกเสีย แล้วหันมารับประทานอาหารที่มีคุณค่าและให้สารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อเป็นการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง เมื่อรับประทานอาหารที่ดีแล้ว ก็ควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย โดยควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 20-30 นาทีเป็นอย่างน้อย เพราะการออกกำลังกาย ถือเป็นยาเม็ดสำคัญที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ที่ช่วยขจัดโรคยอดฮิตอันดับต้น ๆ ของคนเมืองอย่าง โรคเครียด ความดันโลหิตสูงไขมันในเลือด ฯลฯ ได้

นอกจากนี้ยังต้องปรับนิสัยการนอน วันหนึ่งควรนอนหลับให้ได้ 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ชาร์จพลังได้อย่างเต็มที่ ส่วนสถานที่พักผ่อนนอนหลับอย่างบ้าน ก็ควรจัดเสียใหม่ ด้วยการหมั่นทำความสะอาด อะไรที่รกหรือวางไว้ไม่เป็นระเบียบก็จัดให้เข้าที่เข้าทาง และถ้าเราไม่หมั่นดูแลทำความสะอาด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ บ้านน้อยของคุณก็อาจจะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค ที่ส่งผลต่อการเจ็บป่วยของคุณได้ อย่างไรก็ตาม คุณควรจัดตารางโดยการวางแผนการทำงานหรือการทำงานล่วงหน้า เพื่อลดความวุ่นวายของชีวิต ตลอดจนทำให้ชีวิตสงบมากขึ้น


ข้อสุดท้ายข้อที่เก้า อย่าปล่อยให้เรื่องในอดีตมาเป็นตัวถ่วงความสุข เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยมีความคิดที่ว่า ในปีที่ผ่าน ๆ มา ทำไมถึงทำแบบนั้น ทำไมไม่ทำแบบนี้ คุณควรเลิกเสียดายหรือคร่ำครวญกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว เพราะไม่มีใครสามารถแก้ไขอดีตได้ แต่สามารถทำปัจจุบันให้ดีได้! ด้วยการการมองไปข้างหน้า มองเป้าหมายในการดำเนินชีวิตให้ชัด ๆ ดีกว่ามานั่งเสียดายกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว เพราะสิ่งที่คุณตัดสินใจหรือเลือกแล้วย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และจงยิ้มรับกับมัน


เก้าข้อที่กล่าวมานี้ อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ปีใหม่ ๆ เป็นปีที่จะทำให้คุณมีสุขภาวะที่ดีทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม แต่สุขภาวะที่ดีจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากคุณไม่ลงมือทำ! ดังนั้น ลองนำเก้าข้อนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ รับรองได้ว่าคุณจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ยิ้มได้ตลอดทั้งปี!!

lifestyle


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์