เทรนด์ไหนจะอิน ในแวดวงสุขภาพ 2554

เทรนด์ไหนจะอิน ในแวดวงสุขภาพ 2554



ผู้บริโภคจะหันกลับมาพึ่งตัวเองในการดูแลสุขภาพ การออกกำลังกายแบบง่าย ๆ จะหวนมาฮิตติดลมบนอีกครั้ง

นี่คือ 2 ใน 7 กระแสสุขภาพที่เดอะราไดอัล กรุ๊ปคาดการณ์ว่าจะอินในปี 2554

พีอาร์เว็บดอทคอมรายงานว่า เลสลี โนเลน ประธานเดอะราไดอัล กรุ๊ปกล่าวว่า "การดูแลตัวเอง กระแสสุขภาพแบบ DIY จะกระตุ้นให้ผู้คนกลับมากุมบังเหียนสุขภาพตัวเอง แม้ว่าจะมีข้อมูลท่วมท้นและซับซ้อนมากขึ้นทุกที" โดย 7 เทรนด์ดังกล่าว ได้แก่

1.ข้อบังคับด้านสุขภาพ
คำแนะนำของหน่วยงานสาธารณสุขสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และอิทธิพลของกลุ่มรณรงค์ และเมื่อปัญหาสุขภาพอย่างโรคอ้วนหรือเบาหวานยังคงไม่ลดความรุนแรงลง คำแนะนำก็จะวิวัฒนาการเป็นข้อบังคับและกฎหมายต่อไป อาทิ ภาษีอาหารขยะ การจำกัดปริมาณโซเดียม

2.สร้างมิติทางการแพทย์ให้กับทุกสิ่ง
 ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย โภชนาการ การดูหนังฟังเพลง การเดินทาง เมื่อกิจกรรมแทบทุกอย่างรอบตัวเราถูกปิดฉลากว่า "ดีต่อสุขภาพ" หรือ "เป็นผลเสียต่อร่างกาย" แรงกดดันก็จะมาห้อมล้อมผู้บริโภค และเปลี่ยนสิ่งที่ทำเพื่อความพึงพอใจให้กลายเป็นภาระ เช่น มีคำเตือนว่าระวังเด็กสูญเสียน้ำมากเกินไปในระหว่างไปปิกนิก (ซึ่งสามารถใช้คำธรรมดาอย่างกระหายน้ำแทนได้)

3.ข้อมูลท่วมท้น
 ผู้บริโภคต้องเผชิญกับการไหลบ่าของข้อมูล และที่แย่ยิ่งไปกว่านั้น คือ ข่าวสารบางอย่างขัดแย้งกันและต่างมีหลักฐานสนับสนุนที่น่าเชื่อถือ ตัวอย่างเช่น ผู้เชี่ยวชาญหลายสำนักเห็นไม่ตรงกันว่าการลดคอเลสเตอรอลจะมีผลดีจริงหรือไม่ และระดับที่ดีต่อสุขภาพนั้นควรอยู่ที่เท่าใด

4.สงสัยไว้ก่อน
 ในโลกที่บุคลากรทางการแพทย์รับเงินจากบริษัทยักษ์ใหญ่เพื่อทำงานวิจัย หรือใคร ๆ ก็อ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพได้ไม่ยาก ผู้คนจึงมักตั้งแง่กับใครหรืออะไรที่เกี่ยวกับสุขภาพไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบใบประกอบโรคศิลปะ สอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้บริการคนก่อน ๆ หรือขุดลงลึกว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่

5.กลับสู่ความเรียบง่าย
 ปฏิกิริยาที่ผู้บริโภคจะมีต่อความซับซ้อนและความไม่แน่นอน คือ หันไปหาสิ่งเรียบง่าย อาทิ ออกกำลังกายที่บ้าน ทำอาหารกินเอง ปลูกผักสวนครัว ใช้วัตถุดิบที่ปราศจากการปรุงแต่ง หลีกเลี่ยงยาหรือการผ่าตัด

6.ดูแลตัวเอง
อัตราการป่วยด้วยโรคเรื้อรังที่ทวีความรุนแรงขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่แพงหูฉี่ อุปสรรคในการเข้าถึงระบบดูแลสุขภาพและผลลัพธ์อันไม่คุ้มค่ากับเวลาและเงินทองที่สูญเสียไป กระตุ้นให้ผู้บริโภคเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอแห่งสุขภาพและความเป็นอยู่ของตัวเองแทนที่จะไปฝากความหวังไว้กับคนอื่น

7.โปรแกรมเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ 2.0 โปรแกรม 1.0
 อย่างกินน้อยลงเคลื่อนไหวมากขึ้นมันล้าไปแล้ว ผู้บริโภคไม่ต้องการคำแนะนำแบบ "เหมาะกับทุกคนใช้ได้ทุกวัย" แต่มองหาชนิดที่ตอบสนองต่อปัญหาของแต่ละคนโดยเฉพาะ ซึ่งเรียกว่าโปรแกรมระดับ 2.0

เหล่านี้คือเทรนด์ที่จะมาในปี 2554

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์