เพราะ ส้นสูง ทำให้เธออารมณ์แปรปรวน

เพราะ ส้นสูง ทำให้เธออารมณ์แปรปรวน



 

เป็นเรื่องที่แปลกใจไม่น้อย เมื่อรู้ว่า "รองเท้าส้นสูง" ที่ผู้หญิงใส่อยู่ทุกวันนี้

นอกจากจะช่วยเสริมความมั่นใจ แถมใส่กับชุดอะไรก็ดูสวยนั้น จะมีผลกระทบต่อ "อารมณ์" ของผู้หญิง

ยิ่งใส่ส้นสูงมากเท่าไร ยิ่งทำให้อารมณ์ผู้หญิง "แปรปรวน" มากยิ่งขึ้น เป็นการยืนยันจาก นายวัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยา และที่ปรึกษาโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

นายวัลลภบอกว่า ฝ่าเท้าเป็นอวัยวะที่สำคัญ ที่มีเส้นใยประสาทต่างๆ รวมอยู่ ทั้ง สมอง ตับ ไต ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ซึ่งเท้าเป็นศูนย์รวมปลายประสาทเหล่านี้ เวลาผู้หญิงสวมรองเท้าส้นสูง ปลายเท้าไม่สามารถสัมผัสพื้นได้หมด เหมือนไม่ได้บริหารอวัยวะได้ครบถ้วน จึงส่งผลให้สุขภาพไม่ดี นำไปสู่อารมณ์แปรปรวน ซึ่งส่วนใหญ่เวลาเดินจะมีเพียงส้นเท้า หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าสัมผัสกับพื้นเท่านั้น จึงทำให้เส้นใยประสาทที่อยู่ฝ่าเท้านั้นทำงานไม่เต็มที่ และยังทำให้อารมณ์เสีย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และขี้หงุดหงิด

"อย่างนิ้วหัวแม่โป้งกับนิ้วชี้ นิ้วกลางของฝ่าเท้า หากส่วนนี้สัมผัสพื้นบ่อยๆ โดยฝ่าเท้าอื่นๆ ไม่ได้เดินลงพื้นเต็มๆ จะส่งผลถึงเรื่องตา หู จมูก จะทำให้ผู้หญิงรับรู้ไวขึ้น เช่น เมื่อเสียงดัง จะตกใจ และกลายเป็นคนขี้ตกใจ อ่อนไหวง่าย อารมณ์ไม่หนักแน่น ซึ่งต่างจากผู้ชายที่เดินเต็มฝ่าเท้า พวกเขาจึงแข็งแกร่ง ไม่อ่อนไหวง่ายเหมือนผู้หญิง"

เพราะรองเท้าส้นสูงเป็นเครื่องแต่งกายส่วนหนึ่งที่ผู้หญิงขาดไม่ได้ แต่ถ้าใส่ทุกวัน โดยที่ไม่เปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นเตี้ยเลย อาจส่งผลเสียได้ในระยะยาว

จิตแพทย์วัลลภบอกว่า เท้าเป็นเส้นรวมประสาท พอผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูงมาก หน้าเท้า ส้นเท้า ปลายเท้าจึงเดินไม่เสมอกัน ศาสตร์ของภูมิปัญญาไทย บอกไว้ว่า หัวแม่โป้งคือสมอง ตา หู จมูก หากเดินเน้นเพียงส้นเท้า หรือปลายเท้าอย่างเดียว จะทำให้สมองไวเกินไป อ่อนไหวง่าย เรียกว่า over sensitive หากเดินเน้นเอาส้นเท้าลงเท่านั้นจะทำให้ปวดท้อง ส่วนตรงฝ่าเท้า คือปอด หัวใจ กระเพาะ ตับอยู่ ลำไส้ ส่วนอารมณ์ ความรู้สึกอยู่ใกล้ๆ กับส้นเท้า เพราะทุกวันที่ใส่ส้นสูงทำให้ไม่ได้เดินเต็มเท้า การทำงานในระบบร่างกายจึงไม่สมบูรณ์ และนอกจากจะส่งผลเรื่องอารมณ์แล้ว ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถทำให้เป็นพังผืดได้ ช่วงน่องขา จะเสีย ทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับโครงสร้างของกระดูก ที่สำคัญอาจเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน ทั้งสะดุดล้ม ขาพลิก

ส่วนความสูงของรองเท้าที่มีผลกับผู้หญิงนั้น คือ ต้องสูง 3 นิ้วขึ้นไป และสวมใส่เป็นระยะเวลานาน บ่อย และถี่ จึงจะส่งผลกับอารมณ์ สุขภาพ

นายวัลลภบอกด้วยว่า อยากใส่รองเท้าส้นสูงสามารถใส่ได้ เวลาอยากไปงาน หรืออยากแต่งตัวสวยๆ แต่เวลาทำงานให้ใส่รองเท้าส้นเตี้ยประมาณ 1 นิ้ว หรือใส่สลับกับรองเท้าส้นสูงบ้าง และเวลาเดินไม่ควรเอาส้นเท้าลง หรือปลายเท้าลงอย่างเดียว ควรเดินลงพร้อมกัน ให้เต็มฝ่าเท้าดีที่สุด

"นอกจากนี้ ให้ออกกำลังกายด้วยการเดินถอยหลังโดยเอามือดันข้างหลังทั้งสองข้างแล้วเดิน และการนวดฝ่าเท้าจะช่วยกระตุ้นปลายประสาท แต่ไม่มีใครสามารถนวดฝ่าเท้าได้ตลอดชีวิต รวมทั้งถ้ามีโอกาสให้นำเท้าแช่น้ำอุ่นบ้างเพื่อคลายเส้น แต่การรักษาโรคทุกอย่าง ที่ดีที่สุด คือป้องกันอย่าให้โรคมันเกิด?

ของสวยๆ งามๆ สามารถส่งผลร้ายได้เช่นกัน ทางที่ดี สวยแล้วอย่าลืมดูแลตัวเองด้วย

ที่มา : หน้า 25 มติชนรายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 28 เม.ย. 2554




เป็นเรื่องที่แปลกใจไม่น้อย เมื่อรู้ว่า "รองเท้าส้นสูง" ที่ผู้หญิงใส่อยู่ทุกวันนี้ นอกจากจะช่วยเสริมความมั่นใจ แถมใส่กับชุดอะไรก็ดูสวยนั้น จะมีผลกระทบต่อ "อารมณ์" ของผู้หญิง

ยิ่งใส่ส้นสูงมากเท่าไร ยิ่งทำให้อารมณ์ผู้หญิง "แปรปรวน" มากยิ่งขึ้น เป็นการยืนยันจาก นายวัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยา และที่ปรึกษาโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

นายวัลลภบอกว่า ฝ่าเท้าเป็นอวัยวะที่สำคัญ ที่มีเส้นใยประสาทต่างๆ รวมอยู่ ทั้ง สมอง ตับ ไต ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ซึ่งเท้าเป็นศูนย์รวมปลายประสาทเหล่านี้ เวลาผู้หญิงสวมรองเท้าส้นสูง ปลายเท้าไม่สามารถสัมผัสพื้นได้หมด เหมือนไม่ได้บริหารอวัยวะได้ครบถ้วน จึงส่งผลให้สุขภาพไม่ดี นำไปสู่อารมณ์แปรปรวน ซึ่งส่วนใหญ่เวลาเดินจะมีเพียงส้นเท้า หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าสัมผัสกับพื้นเท่านั้น จึงทำให้เส้นใยประสาทที่อยู่ฝ่าเท้านั้นทำงานไม่เต็มที่ และยังทำให้อารมณ์เสีย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และขี้หงุดหงิด

"อย่างนิ้วหัวแม่โป้งกับนิ้วชี้ นิ้วกลางของฝ่าเท้า หากส่วนนี้สัมผัสพื้นบ่อยๆ โดยฝ่าเท้าอื่นๆ ไม่ได้เดินลงพื้นเต็มๆ จะส่งผลถึงเรื่องตา หู จมูก จะทำให้ผู้หญิงรับรู้ไวขึ้น เช่น เมื่อเสียงดัง จะตกใจ และกลายเป็นคนขี้ตกใจ อ่อนไหวง่าย อารมณ์ไม่หนักแน่น ซึ่งต่างจากผู้ชายที่เดินเต็มฝ่าเท้า พวกเขาจึงแข็งแกร่ง ไม่อ่อนไหวง่ายเหมือนผู้หญิง"

เพราะรองเท้าส้นสูงเป็นเครื่องแต่งกายส่วนหนึ่งที่ผู้หญิงขาดไม่ได้ แต่ถ้าใส่ทุกวัน โดยที่ไม่เปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นเตี้ยเลย อาจส่งผลเสียได้ในระยะยาว

จิตแพทย์วัลลภบอกว่า เท้าเป็นเส้นรวมประสาท พอผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูงมาก หน้าเท้า ส้นเท้า ปลายเท้าจึงเดินไม่เสมอกัน ศาสตร์ของภูมิปัญญาไทย บอกไว้ว่า หัวแม่โป้งคือสมอง ตา หู จมูก หากเดินเน้นเพียงส้นเท้า หรือปลายเท้าอย่างเดียว จะทำให้สมองไวเกินไป อ่อนไหวง่าย เรียกว่า over sensitive หากเดินเน้นเอาส้นเท้าลงเท่านั้นจะทำให้ปวดท้อง ส่วนตรงฝ่าเท้า คือปอด หัวใจ กระเพาะ ตับอยู่ ลำไส้ ส่วนอารมณ์ ความรู้สึกอยู่ใกล้ๆ กับส้นเท้า เพราะทุกวันที่ใส่ส้นสูงทำให้ไม่ได้เดินเต็มเท้า การทำงานในระบบร่างกายจึงไม่สมบูรณ์ และนอกจากจะส่งผลเรื่องอารมณ์แล้ว ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถทำให้เป็นพังผืดได้ ช่วงน่องขา จะเสีย ทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับโครงสร้างของกระดูก ที่สำคัญอาจเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน ทั้งสะดุดล้ม ขาพลิก

ส่วนความสูงของรองเท้าที่มีผลกับผู้หญิงนั้น คือ ต้องสูง 3 นิ้วขึ้นไป และสวมใส่เป็นระยะเวลานาน บ่อย และถี่ จึงจะส่งผลกับอารมณ์ สุขภาพ

นายวัลลภบอกด้วยว่า อยากใส่รองเท้าส้นสูงสามารถใส่ได้ เวลาอยากไปงาน หรืออยากแต่งตัวสวยๆ แต่เวลาทำงานให้ใส่รองเท้าส้นเตี้ยประมาณ 1 นิ้ว หรือใส่สลับกับรองเท้าส้นสูงบ้าง และเวลาเดินไม่ควรเอาส้นเท้าลง หรือปลายเท้าลงอย่างเดียว ควรเดินลงพร้อมกัน ให้เต็มฝ่าเท้าดีที่สุด

"นอกจากนี้ ให้ออกกำลังกายด้วยการเดินถอยหลังโดยเอามือดันข้างหลังทั้งสองข้างแล้วเดิน และการนวดฝ่าเท้าจะช่วยกระตุ้นปลายประสาท แต่ไม่มีใครสามารถนวดฝ่าเท้าได้ตลอดชีวิต รวมทั้งถ้ามีโอกาสให้นำเท้าแช่น้ำอุ่นบ้างเพื่อคลายเส้น แต่การรักษาโรคทุกอย่าง ที่ดีที่สุด คือป้องกันอย่าให้โรคมันเกิด?

ของสวยๆ งามๆ สามารถส่งผลร้ายได้เช่นกัน ทางที่ดี สวยแล้วอย่าลืมดูแลตัวเองด้วย

ที่มา : หน้า 25 มติชนรายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 28 เม.ย. 2554




เป็นเรื่องที่แปลกใจไม่น้อย เมื่อรู้ว่า "รองเท้าส้นสูง" ที่ผู้หญิงใส่อยู่ทุกวันนี้ นอกจากจะช่วยเสริมความมั่นใจ แถมใส่กับชุดอะไรก็ดูสวยนั้น จะมีผลกระทบต่อ "อารมณ์" ของผู้หญิง

ยิ่งใส่ส้นสูงมากเท่าไร ยิ่งทำให้อารมณ์ผู้หญิง "แปรปรวน" มากยิ่งขึ้น เป็นการยืนยันจาก นายวัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยา และที่ปรึกษาโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

นายวัลลภบอกว่า ฝ่าเท้าเป็นอวัยวะที่สำคัญ ที่มีเส้นใยประสาทต่างๆ รวมอยู่ ทั้ง สมอง ตับ ไต ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ซึ่งเท้าเป็นศูนย์รวมปลายประสาทเหล่านี้ เวลาผู้หญิงสวมรองเท้าส้นสูง ปลายเท้าไม่สามารถสัมผัสพื้นได้หมด เหมือนไม่ได้บริหารอวัยวะได้ครบถ้วน จึงส่งผลให้สุขภาพไม่ดี นำไปสู่อารมณ์แปรปรวน ซึ่งส่วนใหญ่เวลาเดินจะมีเพียงส้นเท้า หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าสัมผัสกับพื้นเท่านั้น จึงทำให้เส้นใยประสาทที่อยู่ฝ่าเท้านั้นทำงานไม่เต็มที่ และยังทำให้อารมณ์เสีย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และขี้หงุดหงิด

"อย่างนิ้วหัวแม่โป้งกับนิ้วชี้ นิ้วกลางของฝ่าเท้า หากส่วนนี้สัมผัสพื้นบ่อยๆ โดยฝ่าเท้าอื่นๆ ไม่ได้เดินลงพื้นเต็มๆ จะส่งผลถึงเรื่องตา หู จมูก จะทำให้ผู้หญิงรับรู้ไวขึ้น เช่น เมื่อเสียงดัง จะตกใจ และกลายเป็นคนขี้ตกใจ อ่อนไหวง่าย อารมณ์ไม่หนักแน่น ซึ่งต่างจากผู้ชายที่เดินเต็มฝ่าเท้า พวกเขาจึงแข็งแกร่ง ไม่อ่อนไหวง่ายเหมือนผู้หญิง"

เพราะรองเท้าส้นสูงเป็นเครื่องแต่งกายส่วนหนึ่งที่ผู้หญิงขาดไม่ได้ แต่ถ้าใส่ทุกวัน โดยที่ไม่เปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นเตี้ยเลย อาจส่งผลเสียได้ในระยะยาว

จิตแพทย์วัลลภบอกว่า เท้าเป็นเส้นรวมประสาท พอผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูงมาก หน้าเท้า ส้นเท้า ปลายเท้าจึงเดินไม่เสมอกัน ศาสตร์ของภูมิปัญญาไทย บอกไว้ว่า หัวแม่โป้งคือสมอง ตา หู จมูก หากเดินเน้นเพียงส้นเท้า หรือปลายเท้าอย่างเดียว จะทำให้สมองไวเกินไป อ่อนไหวง่าย เรียกว่า over sensitive หากเดินเน้นเอาส้นเท้าลงเท่านั้นจะทำให้ปวดท้อง ส่วนตรงฝ่าเท้า คือปอด หัวใจ กระเพาะ ตับอยู่ ลำไส้ ส่วนอารมณ์ ความรู้สึกอยู่ใกล้ๆ กับส้นเท้า เพราะทุกวันที่ใส่ส้นสูงทำให้ไม่ได้เดินเต็มเท้า การทำงานในระบบร่างกายจึงไม่สมบูรณ์ และนอกจากจะส่งผลเรื่องอารมณ์แล้ว ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถทำให้เป็นพังผืดได้ ช่วงน่องขา จะเสีย ทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับโครงสร้างของกระดูก ที่สำคัญอาจเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน ทั้งสะดุดล้ม ขาพลิก

ส่วนความสูงของรองเท้าที่มีผลกับผู้หญิงนั้น คือ ต้องสูง 3 นิ้วขึ้นไป และสวมใส่เป็นระยะเวลานาน บ่อย และถี่ จึงจะส่งผลกับอารมณ์ สุขภาพ

นายวัลลภบอกด้วยว่า อยากใส่รองเท้าส้นสูงสามารถใส่ได้ เวลาอยากไปงาน หรืออยากแต่งตัวสวยๆ แต่เวลาทำงานให้ใส่รองเท้าส้นเตี้ยประมาณ 1 นิ้ว หรือใส่สลับกับรองเท้าส้นสูงบ้าง และเวลาเดินไม่ควรเอาส้นเท้าลง หรือปลายเท้าลงอย่างเดียว ควรเดินลงพร้อมกัน ให้เต็มฝ่าเท้าดีที่สุด

"นอกจากนี้ ให้ออกกำลังกายด้วยการเดินถอยหลังโดยเอามือดันข้างหลังทั้งสองข้างแล้วเดิน และการนวดฝ่าเท้าจะช่วยกระตุ้นปลายประสาท แต่ไม่มีใครสามารถนวดฝ่าเท้าได้ตลอดชีวิต รวมทั้งถ้ามีโอกาสให้นำเท้าแช่น้ำอุ่นบ้างเพื่อคลายเส้น แต่การรักษาโรคทุกอย่าง ที่ดีที่สุด คือป้องกันอย่าให้โรคมันเกิด?

ของสวยๆ งามๆ สามารถส่งผลร้ายได้เช่นกัน ทางที่ดี สวยแล้วอย่าลืมดูแลตัวเองด้วย

ที่มา : หน้า 25 มติชนรายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 28 เม.ย. 2554




เป็นเรื่องที่แปลกใจไม่น้อย เมื่อรู้ว่า "รองเท้าส้นสูง" ที่ผู้หญิงใส่อยู่ทุกวันนี้ นอกจากจะช่วยเสริมความมั่นใจ แถมใส่กับชุดอะไรก็ดูสวยนั้น จะมีผลกระทบต่อ "อารมณ์" ของผู้หญิง

ยิ่งใส่ส้นสูงมากเท่าไร ยิ่งทำให้อารมณ์ผู้หญิง "แปรปรวน" มากยิ่งขึ้น เป็นการยืนยันจาก นายวัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยา และที่ปรึกษาโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

นายวัลลภบอกว่า ฝ่าเท้าเป็นอวัยวะที่สำคัญ ที่มีเส้นใยประสาทต่างๆ รวมอยู่ ทั้ง สมอง ตับ ไต ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ซึ่งเท้าเป็นศูนย์รวมปลายประสาทเหล่านี้ เวลาผู้หญิงสวมรองเท้าส้นสูง ปลายเท้าไม่สามารถสัมผัสพื้นได้หมด เหมือนไม่ได้บริหารอวัยวะได้ครบถ้วน จึงส่งผลให้สุขภาพไม่ดี นำไปสู่อารมณ์แปรปรวน ซึ่งส่วนใหญ่เวลาเดินจะมีเพียงส้นเท้า หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าสัมผัสกับพื้นเท่านั้น จึงทำให้เส้นใยประสาทที่อยู่ฝ่าเท้านั้นทำงานไม่เต็มที่ และยังทำให้อารมณ์เสีย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และขี้หงุดหงิด

"อย่างนิ้วหัวแม่โป้งกับนิ้วชี้ นิ้วกลางของฝ่าเท้า หากส่วนนี้สัมผัสพื้นบ่อยๆ โดยฝ่าเท้าอื่นๆ ไม่ได้เดินลงพื้นเต็มๆ จะส่งผลถึงเรื่องตา หู จมูก จะทำให้ผู้หญิงรับรู้ไวขึ้น เช่น เมื่อเสียงดัง จะตกใจ และกลายเป็นคนขี้ตกใจ อ่อนไหวง่าย อารมณ์ไม่หนักแน่น ซึ่งต่างจากผู้ชายที่เดินเต็มฝ่าเท้า พวกเขาจึงแข็งแกร่ง ไม่อ่อนไหวง่ายเหมือนผู้หญิง"

เพราะรองเท้าส้นสูงเป็นเครื่องแต่งกายส่วนหนึ่งที่ผู้หญิงขาดไม่ได้ แต่ถ้าใส่ทุกวัน โดยที่ไม่เปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นเตี้ยเลย อาจส่งผลเสียได้ในระยะยาว

จิตแพทย์วัลลภบอกว่า เท้าเป็นเส้นรวมประสาท พอผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูงมาก หน้าเท้า ส้นเท้า ปลายเท้าจึงเดินไม่เสมอกัน ศาสตร์ของภูมิปัญญาไทย บอกไว้ว่า หัวแม่โป้งคือสมอง ตา หู จมูก หากเดินเน้นเพียงส้นเท้า หรือปลายเท้าอย่างเดียว จะทำให้สมองไวเกินไป อ่อนไหวง่าย เรียกว่า over sensitive หากเดินเน้นเอาส้นเท้าลงเท่านั้นจะทำให้ปวดท้อง ส่วนตรงฝ่าเท้า คือปอด หัวใจ กระเพาะ ตับอยู่ ลำไส้ ส่วนอารมณ์ ความรู้สึกอยู่ใกล้ๆ กับส้นเท้า เพราะทุกวันที่ใส่ส้นสูงทำให้ไม่ได้เดินเต็มเท้า การทำงานในระบบร่างกายจึงไม่สมบูรณ์ และนอกจากจะส่งผลเรื่องอารมณ์แล้ว ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถทำให้เป็นพังผืดได้ ช่วงน่องขา จะเสีย ทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับโครงสร้างของกระดูก ที่สำคัญอาจเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน ทั้งสะดุดล้ม ขาพลิก

ส่วนความสูงของรองเท้าที่มีผลกับผู้หญิงนั้น คือ ต้องสูง 3 นิ้วขึ้นไป และสวมใส่เป็นระยะเวลานาน บ่อย และถี่ จึงจะส่งผลกับอารมณ์ สุขภาพ

นายวัลลภบอกด้วยว่า อยากใส่รองเท้าส้นสูงสามารถใส่ได้ เวลาอยากไปงาน หรืออยากแต่งตัวสวยๆ แต่เวลาทำงานให้ใส่รองเท้าส้นเตี้ยประมาณ 1 นิ้ว หรือใส่สลับกับรองเท้าส้นสูงบ้าง และเวลาเดินไม่ควรเอาส้นเท้าลง หรือปลายเท้าลงอย่างเดียว ควรเดินลงพร้อมกัน ให้เต็มฝ่าเท้าดีที่สุด

"นอกจากนี้ ให้ออกกำลังกายด้วยการเดินถอยหลังโดยเอามือดันข้างหลังทั้งสองข้างแล้วเดิน และการนวดฝ่าเท้าจะช่วยกระตุ้นปลายประสาท แต่ไม่มีใครสามารถนวดฝ่าเท้าได้ตลอดชีวิต รวมทั้งถ้ามีโอกาสให้นำเท้าแช่น้ำอุ่นบ้างเพื่อคลายเส้น แต่การรักษาโรคทุกอย่าง ที่ดีที่สุด คือป้องกันอย่าให้โรคมันเกิด?

ของสวยๆ งามๆ สามารถส่งผลร้ายได้เช่นกัน ทางที่ดี สวยแล้วอย่าลืมดูแลตัวเองด้วย

ที่มา : หน้า 25 มติชนรายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 28 เม.ย. 2554




เป็นเรื่องที่แปลกใจไม่น้อย เมื่อรู้ว่า "รองเท้าส้นสูง" ที่ผู้หญิงใส่อยู่ทุกวันนี้ นอกจากจะช่วยเสริมความมั่นใจ แถมใส่กับชุดอะไรก็ดูสวยนั้น จะมีผลกระทบต่อ "อารมณ์" ของผู้หญิง

ยิ่งใส่ส้นสูงมากเท่าไร ยิ่งทำให้อารมณ์ผู้หญิง "แปรปรวน" มากยิ่งขึ้น เป็นการยืนยันจาก นายวัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยา และที่ปรึกษาโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

นายวัลลภบอกว่า ฝ่าเท้าเป็นอวัยวะที่สำคัญ ที่มีเส้นใยประสาทต่างๆ รวมอยู่ ทั้ง สมอง ตับ ไต ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ซึ่งเท้าเป็นศูนย์รวมปลายประสาทเหล่านี้ เวลาผู้หญิงสวมรองเท้าส้นสูง ปลายเท้าไม่สามารถสัมผัสพื้นได้หมด เหมือนไม่ได้บริหารอวัยวะได้ครบถ้วน จึงส่งผลให้สุขภาพไม่ดี นำไปสู่อารมณ์แปรปรวน ซึ่งส่วนใหญ่เวลาเดินจะมีเพียงส้นเท้า หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าสัมผัสกับพื้นเท่านั้น จึงทำให้เส้นใยประสาทที่อยู่ฝ่าเท้านั้นทำงานไม่เต็มที่ และยังทำให้อารมณ์เสีย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และขี้หงุดหงิด

"อย่างนิ้วหัวแม่โป้งกับนิ้วชี้ นิ้วกลางของฝ่าเท้า หากส่วนนี้สัมผัสพื้นบ่อยๆ โดยฝ่าเท้าอื่นๆ ไม่ได้เดินลงพื้นเต็มๆ จะส่งผลถึงเรื่องตา หู จมูก จะทำให้ผู้หญิงรับรู้ไวขึ้น เช่น เมื่อเสียงดัง จะตกใจ และกลายเป็นคนขี้ตกใจ อ่อนไหวง่าย อารมณ์ไม่หนักแน่น ซึ่งต่างจากผู้ชายที่เดินเต็มฝ่าเท้า พวกเขาจึงแข็งแกร่ง ไม่อ่อนไหวง่ายเหมือนผู้หญิง"

เพราะรองเท้าส้นสูงเป็นเครื่องแต่งกายส่วนหนึ่งที่ผู้หญิงขาดไม่ได้ แต่ถ้าใส่ทุกวัน โดยที่ไม่เปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นเตี้ยเลย อาจส่งผลเสียได้ในระยะยาว

จิตแพทย์วัลลภบอกว่า เท้าเป็นเส้นรวมประสาท พอผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูงมาก หน้าเท้า ส้นเท้า ปลายเท้าจึงเดินไม่เสมอกัน ศาสตร์ของภูมิปัญญาไทย บอกไว้ว่า หัวแม่โป้งคือสมอง ตา หู จมูก หากเดินเน้นเพียงส้นเท้า หรือปลายเท้าอย่างเดียว จะทำให้สมองไวเกินไป อ่อนไหวง่าย เรียกว่า over sensitive หากเดินเน้นเอาส้นเท้าลงเท่านั้นจะทำให้ปวดท้อง ส่วนตรงฝ่าเท้า คือปอด หัวใจ กระเพาะ ตับอยู่ ลำไส้ ส่วนอารมณ์ ความรู้สึกอยู่ใกล้ๆ กับส้นเท้า เพราะทุกวันที่ใส่ส้นสูงทำให้ไม่ได้เดินเต็มเท้า การทำงานในระบบร่างกายจึงไม่สมบูรณ์ และนอกจากจะส่งผลเรื่องอารมณ์แล้ว ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถทำให้เป็นพังผืดได้ ช่วงน่องขา จะเสีย ทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับโครงสร้างของกระดูก ที่สำคัญอาจเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน ทั้งสะดุดล้ม ขาพลิก

ส่วนความสูงของรองเท้าที่มีผลกับผู้หญิงนั้น คือ ต้องสูง 3 นิ้วขึ้นไป และสวมใส่เป็นระยะเวลานาน บ่อย และถี่ จึงจะส่งผลกับอารมณ์ สุขภาพ

นายวัลลภบอกด้วยว่า อยากใส่รองเท้าส้นสูงสามารถใส่ได้ เวลาอยากไปงาน หรืออยากแต่งตัวสวยๆ แต่เวลาทำงานให้ใส่รองเท้าส้นเตี้ยประมาณ 1 นิ้ว หรือใส่สลับกับรองเท้าส้นสูงบ้าง และเวลาเดินไม่ควรเอาส้นเท้าลง หรือปลายเท้าลงอย่างเดียว ควรเดินลงพร้อมกัน ให้เต็มฝ่าเท้าดีที่สุด

"นอกจากนี้ ให้ออกกำลังกายด้วยการเดินถอยหลังโดยเอามือดันข้างหลังทั้งสองข้างแล้วเดิน และการนวดฝ่าเท้าจะช่วยกระตุ้นปลายประสาท แต่ไม่มีใครสามารถนวดฝ่าเท้าได้ตลอดชีวิต รวมทั้งถ้ามีโอกาสให้นำเท้าแช่น้ำอุ่นบ้างเพื่อคลายเส้น แต่การรักษาโรคทุกอย่าง ที่ดีที่สุด คือป้องกันอย่าให้โรคมันเกิด?

ของสวยๆ งามๆ สามารถส่งผลร้ายได้เช่นกัน ทางที่ดี สวยแล้วอย่าลืมดูแลตัวเองด้วย

ที่มา : หน้า 25 มติชนรายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 28 เม.ย. 2554




เป็นเรื่องที่แปลกใจไม่น้อย เมื่อรู้ว่า "รองเท้าส้นสูง" ที่ผู้หญิงใส่อยู่ทุกวันนี้ นอกจากจะช่วยเสริมความมั่นใจ แถมใส่กับชุดอะไรก็ดูสวยนั้น จะมีผลกระทบต่อ "อารมณ์" ของผู้หญิง

ยิ่งใส่ส้นสูงมากเท่าไร ยิ่งทำให้อารมณ์ผู้หญิง "แปรปรวน" มากยิ่งขึ้น เป็นการยืนยันจาก นายวัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยา และที่ปรึกษาโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

นายวัลลภบอกว่า ฝ่าเท้าเป็นอวัยวะที่สำคัญ ที่มีเส้นใยประสาทต่างๆ รวมอยู่ ทั้ง สมอง ตับ ไต ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ซึ่งเท้าเป็นศูนย์รวมปลายประสาทเหล่านี้ เวลาผู้หญิงสวมรองเท้าส้นสูง ปลายเท้าไม่สามารถสัมผัสพื้นได้หมด เหมือนไม่ได้บริหารอวัยวะได้ครบถ้วน จึงส่งผลให้สุขภาพไม่ดี นำไปสู่อารมณ์แปรปรวน ซึ่งส่วนใหญ่เวลาเดินจะมีเพียงส้นเท้า หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าสัมผัสกับพื้นเท่านั้น จึงทำให้เส้นใยประสาทที่อยู่ฝ่าเท้านั้นทำงานไม่เต็มที่ และยังทำให้อารมณ์เสีย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และขี้หงุดหงิด

"อย่างนิ้วหัวแม่โป้งกับนิ้วชี้ นิ้วกลางของฝ่าเท้า หากส่วนนี้สัมผัสพื้นบ่อยๆ โดยฝ่าเท้าอื่นๆ ไม่ได้เดินลงพื้นเต็มๆ จะส่งผลถึงเรื่องตา หู จมูก จะทำให้ผู้หญิงรับรู้ไวขึ้น เช่น เมื่อเสียงดัง จะตกใจ และกลายเป็นคนขี้ตกใจ อ่อนไหวง่าย อารมณ์ไม่หนักแน่น ซึ่งต่างจากผู้ชายที่เดินเต็มฝ่าเท้า พวกเขาจึงแข็งแกร่ง ไม่อ่อนไหวง่ายเหมือนผู้หญิง"

เพราะรองเท้าส้นสูงเป็นเครื่องแต่งกายส่วนหนึ่งที่ผู้หญิงขาดไม่ได้ แต่ถ้าใส่ทุกวัน โดยที่ไม่เปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นเตี้ยเลย อาจส่งผลเสียได้ในระยะยาว

จิตแพทย์วัลลภบอกว่า เท้าเป็นเส้นรวมประสาท พอผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูงมาก หน้าเท้า ส้นเท้า ปลายเท้าจึงเดินไม่เสมอกัน ศาสตร์ของภูมิปัญญาไทย บอกไว้ว่า หัวแม่โป้งคือสมอง ตา หู จมูก หากเดินเน้นเพียงส้นเท้า หรือปลายเท้าอย่างเดียว จะทำให้สมองไวเกินไป อ่อนไหวง่าย เรียกว่า over sensitive หากเดินเน้นเอาส้นเท้าลงเท่านั้นจะทำให้ปวดท้อง ส่วนตรงฝ่าเท้า คือปอด หัวใจ กระเพาะ ตับอยู่ ลำไส้ ส่วนอารมณ์ ความรู้สึกอยู่ใกล้ๆ กับส้นเท้า เพราะทุกวันที่ใส่ส้นสูงทำให้ไม่ได้เดินเต็มเท้า การทำงานในระบบร่างกายจึงไม่สมบูรณ์ และนอกจากจะส่งผลเรื่องอารมณ์แล้ว ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถทำให้เป็นพังผืดได้ ช่วงน่องขา จะเสีย ทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับโครงสร้างของกระดูก ที่สำคัญอาจเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน ทั้งสะดุดล้ม ขาพลิก

ส่วนความสูงของรองเท้าที่มีผลกับผู้หญิงนั้น คือ ต้องสูง 3 นิ้วขึ้นไป และสวมใส่เป็นระยะเวลานาน บ่อย และถี่ จึงจะส่งผลกับอารมณ์ สุขภาพ

นายวัลลภบอกด้วยว่า อยากใส่รองเท้าส้นสูงสามารถใส่ได้ เวลาอยากไปงาน หรืออยากแต่งตัวสวยๆ แต่เวลาทำงานให้ใส่รองเท้าส้นเตี้ยประมาณ 1 นิ้ว หรือใส่สลับกับรองเท้าส้นสูงบ้าง และเวลาเดินไม่ควรเอาส้นเท้าลง หรือปลายเท้าลงอย่างเดียว ควรเดินลงพร้อมกัน ให้เต็มฝ่าเท้าดีที่สุด

"นอกจากนี้ ให้ออกกำลังกายด้วยการเดินถอยหลังโดยเอามือดันข้างหลังทั้งสองข้างแล้วเดิน และการนวดฝ่าเท้าจะช่วยกระตุ้นปลายประสาท แต่ไม่มีใครสามารถนวดฝ่าเท้าได้ตลอดชีวิต รวมทั้งถ้ามีโอกาสให้นำเท้าแช่น้ำอุ่นบ้างเพื่อคลายเส้น แต่การรักษาโรคทุกอย่าง ที่ดีที่สุด คือป้องกันอย่าให้โรคมันเกิด?

ของสวยๆ งามๆ สามารถส่งผลร้ายได้เช่นกัน ทางที่ดี สวยแล้วอย่าลืมดูแลตัวเองด้วย

ที่มา : หน้า 25 มติชนรายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 28 เม.ย. 2554

เป็นเรื่องที่แปลกใจไม่น้อย เมื่อรู้ว่า "รองเท้าส้นสูง" ที่ผู้หญิงใส่อยู่ทุกวันนี้ นอกจากจะช่วยเสริมความมั่นใจ แถมใส่กับชุดอะไรก็ดูสวยนั้น จะมีผลกระทบต่อ "อารมณ์" ของผู้หญิง

ยิ่งใส่ส้นสูงมากเท่าไร ยิ่งทำให้อารมณ์ผู้หญิง "แปรปรวน" มากยิ่งขึ้น เป็นการยืนยันจาก นายวัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยา และที่ปรึกษาโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

นายวัลลภบอกว่า ฝ่าเท้าเป็นอวัยวะที่สำคัญ ที่มีเส้นใยประสาทต่างๆ รวมอยู่ ทั้ง สมอง ตับ ไต ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ซึ่งเท้าเป็นศูนย์รวมปลายประสาทเหล่านี้ เวลาผู้หญิงสวมรองเท้าส้นสูง ปลายเท้าไม่สามารถสัมผัสพื้นได้หมด เหมือนไม่ได้บริหารอวัยวะได้ครบถ้วน จึงส่งผลให้สุขภาพไม่ดี นำไปสู่อารมณ์แปรปรวน ซึ่งส่วนใหญ่เวลาเดินจะมีเพียงส้นเท้า หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าสัมผัสกับพื้นเท่านั้น จึงทำให้เส้นใยประสาทที่อยู่ฝ่าเท้านั้นทำงานไม่เต็มที่ และยังทำให้อารมณ์เสีย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และขี้หงุดหงิด

"อย่างนิ้วหัวแม่โป้งกับนิ้วชี้ นิ้วกลางของฝ่าเท้า หากส่วนนี้สัมผัสพื้นบ่อยๆ โดยฝ่าเท้าอื่นๆ ไม่ได้เดินลงพื้นเต็มๆ จะส่งผลถึงเรื่องตา หู จมูก จะทำให้ผู้หญิงรับรู้ไวขึ้น เช่น เมื่อเสียงดัง จะตกใจ และกลายเป็นคนขี้ตกใจ อ่อนไหวง่าย อารมณ์ไม่หนักแน่น ซึ่งต่างจากผู้ชายที่เดินเต็มฝ่าเท้า พวกเขาจึงแข็งแกร่ง ไม่อ่อนไหวง่ายเหมือนผู้หญิง"

เพราะรองเท้าส้นสูงเป็นเครื่องแต่งกายส่วนหนึ่งที่ผู้หญิงขาดไม่ได้ แต่ถ้าใส่ทุกวัน โดยที่ไม่เปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นเตี้ยเลย อาจส่งผลเสียได้ในระยะยาว

จิตแพทย์วัลลภบอกว่า เท้าเป็นเส้นรวมประสาท พอผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูงมาก หน้าเท้า ส้นเท้า ปลายเท้าจึงเดินไม่เสมอกัน ศาสตร์ของภูมิปัญญาไทย บอกไว้ว่า หัวแม่โป้งคือสมอง ตา หู จมูก หากเดินเน้นเพียงส้นเท้า หรือปลายเท้าอย่างเดียว จะทำให้สมองไวเกินไป อ่อนไหวง่าย เรียกว่า over sensitive หากเดินเน้นเอาส้นเท้าลงเท่านั้นจะทำให้ปวดท้อง ส่วนตรงฝ่าเท้า คือปอด หัวใจ กระเพาะ ตับอยู่ ลำไส้ ส่วนอารมณ์ ความรู้สึกอยู่ใกล้ๆ กับส้นเท้า เพราะทุกวันที่ใส่ส้นสูงทำให้ไม่ได้เดินเต็มเท้า การทำงานในระบบร่างกายจึงไม่สมบูรณ์ และนอกจากจะส่งผลเรื่องอารมณ์แล้ว ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถทำให้เป็นพังผืดได้ ช่วงน่องขา จะเสีย ทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับโครงสร้างของกระดูก ที่สำคัญอาจเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน ทั้งสะดุดล้ม ขาพลิก

ส่วนความสูงของรองเท้าที่มีผลกับผู้หญิงนั้น คือ ต้องสูง 3 นิ้วขึ้นไป และสวมใส่เป็นระยะเวลานาน บ่อย และถี่ จึงจะส่งผลกับอารมณ์ สุขภาพ

นายวัลลภบอกด้วยว่า อยากใส่รองเท้าส้นสูงสามารถใส่ได้ เวลาอยากไปงาน หรืออยากแต่งตัวสวยๆ แต่เวลาทำงานให้ใส่รองเท้าส้นเตี้ยประมาณ 1 นิ้ว หรือใส่สลับกับรองเท้าส้นสูงบ้าง และเวลาเดินไม่ควรเอาส้นเท้าลง หรือปลายเท้าลงอย่างเดียว ควรเดินลงพร้อมกัน ให้เต็มฝ่าเท้าดีที่สุด

"นอกจากนี้ ให้ออกกำลังกายด้วยการเดินถอยหลังโดยเอามือดันข้างหลังทั้งสองข้างแล้วเดิน และการนวดฝ่าเท้าจะช่วยกระตุ้นปลายประสาท แต่ไม่มีใครสามารถนวดฝ่าเท้าได้ตลอดชีวิต รวมทั้งถ้ามีโอกาสให้นำเท้าแช่น้ำอุ่นบ้างเพื่อคลายเส้น แต่การรักษาโรคทุกอย่าง ที่ดีที่สุด คือป้องกันอย่าให้โรคมันเกิด?

ของสวยๆ งามๆ สามารถส่งผลร้ายได้เช่นกัน ทางที่ดี สวยแล้วอย่าลืมดูแลตัวเองด้วย

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์