เฟซบุ๊ก สมาคมเมียน้อยแห่งประเทศไทยกดไลค์ เกือบหมื่น...สะท้อนอะไร!!!...

เฟซบุ๊ก สมาคมเมียน้อยแห่งประเทศไทยกดไลค์ เกือบหมื่น...สะท้อนอะไร!!!...



ไม่ขอหลบซ่อนอีกต่อไป!!! ถึงคราวเหล่า "เมียน้อย" ประกาศศักดาผ่านระบบโซเชียลเน็ตเวิร์กยอดฮิตอย่าง "เฟซบุ๊ก" ด้วยการสร้างหน้าเพจชุมชน "สมาคมเมียน้อยแห่งประเทศไทย" แบบเป็นเรื่องเป็นราวตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2554 และใช้ภาพดาราสาว "ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต" ในบทเรยาจากละครเรื่องดอกส้มสีทอง เป็นภาพหน้าปกและภาพประจำตัว ก่อนจะถูกแฟนคลับชมพู่ขอให้ถอนภาพออกอย่างละมุนละม่อม
    
ที่น่าตกใจยิ่งกว่า เพราะมีคนมากดไลค์ "ถูกใจ" เพจนี้ถึง 7,115 คน และอีก 3,099 คนกำลังพูดถึงสิ่งนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 26 กันยายน 2555) จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และตั้งเป็นกระทู้สนทนากันอย่างเมามันกว่า 200 คอมเมนต์ ในสังคมออนไลน์สุดฮอตอย่างพันทิป www.pantip.com ว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่??? บ้างก็บอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย??? ความละอายต่อบาปและคุณธรรมประจำใจหายไปไหน???
    
"ไม่ขำชัวร์ๆ...เล่นตามด่าตามลบในเพจของตัวเอง ถ้ามีคนไปว่าว่าเป็นเมียน้อยไม่ดี....นางแรงมากอะ...ลองดูกระทู้อ้างอิงดิ มีเป็นช็อตๆ เรื่องความแรงของเค้า เรื่องจริงนะ นางจริงจังมากด้วย" คือเสียงจาก คุณพระจันทร์รอนแรม ในพันทิป สะท้อนถึงเฟซบุ๊กสมาคมเมียน้อยแห่งประเทศไทย
    
ในขณะที่แอดมินหรือผู้ดูแลหน้าเพจชุมชนสมาคมเมียน้อยแห่งประเทศไทย (มีประมาณ 3 คน โดยใช้ชื่อในการโพสต์ข้อความต่างๆ ผ่าน "-ลูกอม-" "-mAyBe-" และ "oOแพนด้าOo") ระบุไว้ว่า หน้าเพจนี้จัดทำขึ้นเพื่อกลุ่มผู้หญิงที่เข้าใจหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน
    
ที่สำคัญทางเพจยืนยันว่า สมาคมเมียน้อยแห่งประเทศไทย ไม่ได้สนับสนุนการแย่งสามีชาวบ้านแต่อย่างใดนะคะ!! แต่เพื่อเป็นการให้กำลังใจ พูดคุย และแลกเปลี่ยนทัศนคติต่างๆ ของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเมียคนหนึ่ง แต่มาทีหลัง และไม่รู้ว่าผู้ชายมีเจ้าของอยู่แล้วเท่านั้นค่ะ
    
ทว่า เมื่อได้ไปสัมผัสในหน้าเพจ กลับพบถ้อยคำหยาบคาย การโต้เถียง ปรับทุกข์ สนับสนุนว่าการเป็นเมียน้อยไม่ใช่เรื่องผิด ฯลฯ ทั้งนี้สมาชิกบางคนโพสต์ภาพฝ่ายชายที่ถูกอ้างว่าเป็นคนรักที่ไปแย่งชิงมา โดยฝ่ายชายที่ว่าประกอบอาชีพ "เรือจ้าง" แต่ก็มีอยู่บ้างที่ยอมรับการเป็นอนุอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวและไม่ต้องการระรานบ้านใหญ่
    
และเมื่อค้นหาเพจชุมชนลักษณะดังกล่าวในเฟซบุ๊กเพิ่ม ก็พบกับ "สมาคมเมียน้อยที่แสนดี" ที่เปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน 2555 แต่มีคนกดถูกใจหน้าเพจสูงถึง 625 คน และอีก 308 คนกำลังพูดถึงสิ่งนี้ ส่วน "สมาคมเมียหลวง" กลับมีคนมา กดถูกใจแค่ 983 คน และมีเพียง 154 คนที่กำลังพูดถึงสิ่งนี้ ทั้งๆ ที่เปิดตัวในช่วงเวลาเดียวกับ "สมาคมเมียน้อยแห่งประเทศไทย"
    
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ในฐานะนายกสมาคมครอบครัวอบอุ่นและเป็นสุข แสดงทัศนะว่า ถามว่ากลุ่มอนุภรรยามีสิทธิ์จะเปิดหน้าเพจชุมชน และตั้งตนเป็นสมาคมเมียน้อยแห่งประเทศไทยได้หรือไม่ ก็ต้องบอกเขามีสิทธิ์ตามหลักกฎหมาย ไปห้ามไม่ให้เขาทำคงจะไม่ได้ แต่กลุ่มเมียน้อยก็ต้องกลับไปดูด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะการประกาศตัวเช่นนี้ก็เหมือนกับการไปรุกรานทำร้ายเมียหลวง หรือแม้แต่การเอารูปสามีคนอื่นมาโพสต์โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่อง จุดนี้อาจโดยฟ้องกลับได้
    
"เหตุหลักที่ทำให้สังคมเสื่อมทรามในเรื่องศีลธรรมการครองเรือนก็คือ ชายไทยยังมีค่านิยมเมียมาก คิดว่าถ้ามีสาวๆ ในครอบครองหลายคนเป็นเรื่องเท่เรื่องดี แต่เขาไม่รู้เลยว่ากำลังทำให้ผู้หญิงทุกข์ใจขนาดไหน ซึ่งชนวนดังกล่าวยังลามไปเป็นปัญหาสังคมรุนแรงที่แก้ไม่ตกอีกมากมาย"
    
จะโทษค่านิยมมีเมียเยอะของฝ่ายชายอย่างเดียวก็ใช่ที่ แต่หากเป็นเพราะโอกาสในการสปาร์กกันของผู้ชายและผู้หญิงที่ไม่ใช่สามีภรรยามีช่องทางมากกว่าในอดีตมากนัก ระเบียบรัตน์ แจงให้ฟังว่า ช่องทางในการทำให้คนผิดศีลข้อ 3 นั้นมีมาก และผู้คนก็มักแสวงหาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน ไปราชการ ไปประชุมอบรม สัมมนา หรือแม้แต่ในออฟฟิศผ่านรูปแบบการติดต่อทำธุรกิจ
    
"ก็แล้วแต่ด้วยว่าจะจูนกันติดหรือไม่ แต่ฝ่ายชายเนี่ยเขาพร้อมจูนอยู่แล้ว"
    
ส่วนคนที่อยากเป็นเมียน้อยก็มีหลายเหตุผล รักจริงก็มี รักสนุกก็มี บางคนก็ถูกบังคับขืนใจแล้วเลยตามเลยก็ยังมี แต่โดยมากแล้วจะมีเหตุมาจากความทะเยอทะยานอยากมีบ้าน รถ ชีวิตที่หรูหรา จนยอมพลีกายเป็นเมียน้อยเพราะไม่อยากปากกัดตีนถีบ จากนั้นก็พัฒนาเป็นการ "แย่งชิง" เพื่อให้มาเป็นของตนคนเดียว เพื่อการันตีถึงความอยู่สุขสบาย และหากมีเรื่องความรักเข้ามาเกี่ยว เมียน้อยก็เป็นคนที่อยากครอบครองคนรักคนเดียวเหมือนผู้หญิงทั่วไป
    
"อยากเตือนสติกลุ่มมือที่สามว่า การมาประกาศตัวตั้งตนเป็นชุมชนในโลกไซเบอร์เช่นนี้เป็นสิ่งไม่สมควร เพราะไปรุกรานความเป็นครอบครัวที่สุขสงบ เป็นพฤติกรรมที่เหิมเกริมเกินไป และผลที่ได้ก็มีอยู่สองทางคือผู้ชายได้โอกาสหย่ากับเมียหลวง หรือไม่ก็สะบัดเมียน้อยทิ้งเนื่องจากทำให้ขายหน้า ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็มีแต่ผู้หญิงที่เสียใจ ที่น่าตระหนกยิ่งกว่าก็คือ อาจเกิดพฤติกรรมกลุ่มเลียนแบบอยากเป็นเมียน้อยได้" นายกสมาคมครอบครัวอบอุ่นฯ สรุป
    
ด้าน ประสพ  เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับ สมาคมเมียน้อยแห่งประเทศไทย ในเฟซบุ๊ก แต่อะไรที่ผิดต่อศีลธรรมหรือขนบธรรมเนียมอันดีของสังคม ทางสำนักเฝ้าระวังฯ ไม่สนับสนุนอยู่แล้ว และหากประชาชนเห็นว่าสิ่งใดไม่ควรก็สามารถแจ้งเข้ามาทางสำนักฯ หรือทางกระทรวงได้ ซึ่งเราจะจัดเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ หากพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมาย
    
ประสพ กล่าวต่อว่า กรณีเปิดเพจชุมชนแบบไม่เหมาะไม่ควรในเฟซบุ๊ก ทางสำนักก็จะแจ้งไปยังกระทรวงไอซีทีให้เขาตรวจสอบดำเนินการว่าจะบล็อก หรือต้องขออำนาจศาลในการสั่งปิด เพราะทางสำนักฯ ไม่มีอำนาจ แต่อาจต้องใช้เวลา เพราะบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กอยู่ต่างประเทศ
    
"เราชอบพูดว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการทำอะไรได้ทุกอย่าง แต่ต้องระวังไม่ให้การใช้สิทธิ์นั้นไปกระทบต่อคนอื่น และการทำอะไรที่ผิดต่อกฎหมาย ผิดต่อกฎของสังคมต้องระวัง และจริงๆ แล้วเฟซบุ๊กนี้ถ้าใช้ในเชิงสร้างสรรค์จะมีประโยชน์มาก ฉะนั้น อยากให้ผู้เสพสื่อออนไลน์พิจารณาไตร่ตรองให้ดีว่าอะไรควรไม่ควรสนับสนุน  และอยากให้ทุกคนหันมาช่วยทำสังคมให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่" ผอ.สำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวทิ้งท้าย
    
แจกแจงข้อมูลมาเสียยืดยาวเช่นนี้ คาดว่าคำตอบคงอยู่ในใจของทุกคนแล้วว่า เฟซบุ๊ก "สมาคมเมียน้อยแห่งประเทศไทย" นั้นสะท้อนอะไรในสังคม!!!


ขอบคุณ : ไทยโพส์ต

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์