เมื่อฉันรุ้ตัวว่า กําลังจะตาย

เมื่อฉันรุ้ตัวว่า กําลังจะตาย



ปีนี้ฉันอายุ 25 ปี ใคร ๆ ก็บอกว่า ฉันยังเด็กอยู่ ยังต้องมีอนาคต มีชีวิตที่สดใส
เป็นช่วงเวลาของการเริ่มต้นสร้างฐานะให้กับตัวเอง


เพื่อน ๆ ของฉันในวัย 25 ปี  บางคนกำลังเรียนต่อปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยชื่อดัง บางคนกำลังมีความสุขกับการมีคนรักและกำลังเตรียมตัวจะแต่งงาน บางคนกำลังเรียนต่อปริญญาโทในต่างประเทศ เพื่อจะได้มีอนาคตหน้าที่การงานที่ดี ๆ บางคนกำลังก้าวหน้าในอาชีพการงานของตัวเอง และอื่น ๆ อีกมากมาย

ส่วนชีวิตฉันนะหรอ ไม่ต้องพูดถึงฉันหรอก ฉันไม่ได้จัดอยู่ในประเภทใด ๆ เลยของคนกลุ่มนั้น เพราะฉันเป็นคนที่เรียนหนังสือไม่จบ เป็นคนป่วย หรือเรียกให้ถูก ๆ ก็คนที่ได้แต่รอความตายไปวัน ๆ พอฉันพูดกับใคร ๆ ว่า ฉันมีความรู้สึกว่าฉันคงอยู่ได้อีกไม่นานหรอกนะ ก็มีแต่คนบอกว่าฉันพูดอะไรบ้า ๆ แต่ฉันกลับคิดในทางตรงกันข้าม ฉันกลับคิดว่า ความตายนั้นเป็นเรื่องที่ปกติแสนจะปกติในชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าใครหน้าไหน ก็ไม่มีวันหนีความตายพ้นไปได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักร้องมีชื่อเสียง เป็นพระราชา เป็นเจ้าของธุรกิจพันล้าน หรือเป็นเพียงขอทานยาจกที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ ในท้ายที่สุดคุณก็ต้องตายจากโลกนี้กันไปทั้งนั้น

เมื่อฉันพูดกับพี่ ๆ น้อง ๆ หรือเพื่อนที่พอจะสนิทสนทกันอยู่บ้างว่า ฉันคงอยุ่ได้อีกไม่นานหรอกนะ ก็มีแต่คนว่าฉัน ว่าทำไมฉันถึงพูดจาอะไรแบบนี้ พูดจาไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย
ใคร ๆ ก็ต้องตายกันทั้งนั้น จะรีบคิดว่าตัวเองจะตายไปทำไม


ฉันไม่รู้จะอธิบายไปเพื่ออะไรให้คนพวกนั้นเข้าใจในเมื่อสิ่งที่ฉันพูดมันคือความจริงทั้งนั้น
น้ำหนักที่ลดลงมาจากปกติถึง 10 กิโลกรัม ร่างกายที่ซูบผอมจนเห็นแต่ซี่โครงแม้กระทั่งเส้นเลือดก็เริ่มจะเห็น ๆ แล้ว หายใจเข้า หายใจออกก็แสนจะลำบาก บางครั้งหายใจไม่ได้ หน้าไม่มีสีเลือดก็เคยมาแล้ว

เวลาจะนอนก็นอนแบบคนปกติไม่ได้ ต้องงอตัวนอน บางทีก็ต้องเอาหมอนมาฟุบแทน แต่ละวันแต่ละคืนกว่าจะหาท่านอนใ้ห้ตัวเองได้ ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆจะเดินไปไหนมาไหนแต่ละทีก็หอบเหนื่อย ยังกับไปวิ่งรอบสนามกีฬามาสักสิบรอบ และอาการมากมายอีกสารพัดที่ฉันขี้เกียจจะจำแล้วละ ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นอะไรบ้าง แล้วนี่ฉันพูดเรื่องไม่ดีตรงไหนกันหนอ ในเมื่อมันก็เห็นกัน ๆ อยู่ ว่านี่คือสภาพของคนที่ใกล้จะโบกมือลาโลกนี้แล้ว ฮ่า ๆๆ

ฉันก็เข้าใจดีอยู่หรอก ว่าคนพวกนั้นคงทำใจไม่ได้เรื่องของฉัน มันก็จริงอยู่หรอก เมื่อพูดถึงความตาย หลาย ๆ คนมักจะทำใจไม่ได้ เมื่อรู้ว่าตัวเองจะต้องสูญเสียพลัดพรากจากคนที่รักไป แต่ไม่ใช่กับตัวฉัน  ในวันนี้ ฉันยินดีที่จะยอมรับความตายแต่โดยดี มากเสียกว่าที่จะต้องมีชีวิตอยู่แบบทรมาน ๆ เช่นนี้ ฉันไม่กลัวความตาย และไม่คิดด้วยว่าความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวแต่อย่างใด

เมื่อไม่นานมานี้ แม่ก็เพิ่งจะพูดกับฉันด้วยว่า เวลาสวดมนต์ หนูก็ขอให้หนูตายก่อนพ่อกับแม่นะ  เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟัง ใคร ๆ ก็ต้องว่าแม่ฉันบ้าไปแล้วแน่ ๆ

ตั้งแต่เด็กจนโตฉันคิดอยู่เสมอ คนเราเกิดมาเพื่ออะไร ในเมื่อมองไปทางไหน ฉันไม่เคยเห็นใครมีความสุขจริง ๆ เลยสักคนไม่ว่าจะรวย จน เรียนเก่ง เรียนไม่เก่ง สวย หล่อ ขี้เหร่ สูง ต่ำ ดำ ขาวมนุษย์มีทุกข์อยู่เสมอ เพราะไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี  นั่นคือความคิดของฉันเมื่อฉันเรียนชั้นมัธยม

ฉันจำได้ว่า ฉันเคยถามพ่อว่า คนเราเกิดมาเพื่ออะไรแล้วพ่อฉันก็ตอบว่า คนเราเกิดมาเพื่อทำความดีไงลูก  นั่นคือสิ่งเดียว ที่ทำให้ใจฉันยังคงเ้ป็นสุขที่ตัวเองยังมีลมหายใจอยู่จนถึงวันนี้ ในตลอดระยะเวลาห้าปีกว่า ๆ ที่ฉันต้องเผชิญกับความทุกข์หนักหนาแสนสาหัสเป็นความทุกข์ที่ใคร ๆ ได้รับรู้ก็คงไม่อยากจะเชื่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันเป็นเรื่องจริง


ขอบคุณ : postjung

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์