เมื่อผู้ใหญ่ติดเกม


เมื่อผู้ใหญ่ติดเกม

ปัจจุบันใช่ว่าจะมีแต่เด็กเท่านั้นที่ติดเกม ผู้ใหญ่หลายคนก็ติดเกมเช่นกัน โดยเฉพาะเกมจากโทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ต ที่หลายคนนั่งเล่น นอนเล่นจนดึกดื่นชนิดเอาเป็นเอาตายง

ในปัจจุบันพบว่าผู้ใหญ่เล่นเกมมากขึ้น มองไปทางไหนก็มีแต่คนเล่นเกม ส่วนจำนวนคนติดยังไม่มีการสำรวจว่ามีมากแค่ไหน ตัวเลขที่เคยสำรวจเมื่อ 2 ปีก่อน พบว่าประชากรติดเกมมีตั้งแต่ 9-15% แต่ปัจจุบันการเข้าถึงเกมง่ายกว่า 2 ปีที่แล้ว ดังนั้นคิดว่าคงมีคนติดเกมมากขึ้น โดยเฉพาะเกมให้โหลดฟรี ผ่านมือถือ หรือแท็บเล็ต เกมจึงอยู่ติด ตัวตลอดเวลา ด้วยความที่เกมอยู่ติดตัวตลอดเวลาจึงส่งเสริมให้เล่นเกมได้ง่าย อยากจะเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ ว่างก็เล่น พอเล่นไปเรื่อยๆ เกมจะมีอะไรมาหลอกล่อ ให้ต่อยอดการเล่น มันเหมือนซื้อของ แล้ว ลด แลก แจก แถม ถ้าซื้อครบเท่านี้จะได้อันนี้ เกมถูกออกแบบมามีลักษณะคล้ายกัน พอเล่นได้ก็อยากได้มากขึ้น เรื่อย ๆง

          จะสังเกตว่าเกมในปัจจุบันไม่ได้เล่นคนเดียว แต่ต้องไปยุ่งกับคนอื่น สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของกันได้ ทำให้เกิดสังคม ได้ความสนุก เติมเต็มชีวิตและตอบสนองความต้องการของคน เพราะชีวิตจริงกว่าจะได้โน่นได้นี่ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องทำงานหาเงินซื้อเอง เกมจึงเข้ามาทดแทนตรงนั้น ต้องเล่น ต้องเก็บ เหมือนกับอารมณ์ทำงาน แต่เป็นการลงทุนลงแรงที่ไม่ได้เหนื่อยเหมือนทำงาน ดังนั้นหลายคนอาจหลงเข้าไปและติดได้ง่าย

เกมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดี คือ เกมอาจทำให้หลายคนมีความสุข เพราะมันตอบสนองความต้องการ เมื่อก่อนไม่รู้ว่าจะทำอะไร ถ้าสามารถแบ่งเวลาได้ ว่าเวลานี้ต้องทำงาน เวลากิน เวลานอน หรือเวลาพักผ่อน รู้จักว่าควรจะเล่นเกมเมื่อไหร่ ก็จะได้ประโยชน์จากเกม ได้สังคม แต่จะมีอีกกลุ่มที่หลงอยู่กับเกมมากจนเกินไป อัตราส่วนของการแบ่งเวลาผิดไป อยู่กับเกมมากจนเกินไป ก็อาจมีปัญหา เพราะใช้เวลาส่วนใหญ่ หรือทุกเวลาที่มีโอกาสเล่นเกม

          สำหรับคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองกับการอยู่ในสังคมคิดว่าตัวเองไม่เป็นที่ยอมรับ หรืออยู่ในสังคมแล้วทำอะไรติดขัดไปหมด พอมาเล่นเกม ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถ้าแบ่งเวลาไม่ถูก จะมีปัญหาเรื่องงาน ชีวิตส่วนตัว และทุกเรื่อง เพราะเอาเวลาไปลงตรงนั้นหมด ทำให้ช่วงเวลาอื่นเสียไป

          คนที่เล่นเกมจนติดจะมีปัญหาด้านร่างกาย อาทิ สุขภาพสายตา แต่ความ จริงแล้วยังมีการเปลี่ยนแปลงทางสมอง ด้วย เพราะว่าเวลาทำอะไรย้ำบ่อย ๆ จะติด อย่างการออกกำลังกายทุกวัน ถ้าวันไหน ไม่ได้ออกกำลังกายจะรู้สึกหงุดหงิด การ เล่นเกมถึงขั้นติดก็เหมือนกัน สารเคมี ในสมองเปลี่ยนแปลง วันไหนไม่ได้ เล่น จะรู้สึกหงุดหงิด วุ่นวาย กระวนกระวาย ต้องขวนขวายหาเวลาเล่นให้ได้ แอบไปเล่น กรณีที่เล่นเกมที่รุนแรง ก็จะเคยชินกับความรุนแรง และอาจปล่อยความรุนแรงออกมาได้ง่ายขึ้นหรือเกมที่สามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง แต่พอชีวิตจริงทำโน่นทำนี่ติดขัด ไปหมด อาจจะทำให้หงุดหงิดได้ นอกจากนี้การเล่นเกมจนติดอาจ ส่งผลต่องาน รวมทั้งสัมพันธภาพกับคนในครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน

          เล่นเกมต้องมีสติ ต้องรู้ว่ากำลังทำอะไร มีหน้าที่อะไร ถ้าไม่มีสติจะหลงไปและติด คนที่ติดจะดูตัวเองไม่ออก ในกรณีเด็กพ่อแม่ต้องตั้งกฎเกณฑ์ก่อนที่ลูกจะดาวน์โหลดเกมมาเล่น ส่วนในวัยผู้ใหญ่ไม่มีใครควบคุม ดังนั้นคนที่เล่นเกมต้องมีความรับผิดชอบ รู้ว่าวันหนึ่งควรเล่นเกมมากน้อยแค่ไหน ตรงนี้ใช้ได้กับทุกเพศทุกวัย ยกตัวอย่างวันเสาร์-อาทิตย์อาจจะ เล่นเยอะหน่อย ถ้าวันธรรมดาไม่ควรเล่นหรือเล่นน้อยหน่อย อย่างคนทำงานต้องทำงานเสร็จก่อนค่อยเล่น ต้องรู้ว่าควรเข้านอนกี่โมง ตื่นกี่โมง แต่ถ้าเล่นเกมแล้วไม่หยุดอีกนิดน่า ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็คงต้องติดเกมในที่สุด

 

          ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ โดย พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์