เริ่มต้นได้ไม่มีวันสาย


มีเจ้าเมืองท่านหนึ่งเป็นคนสนใจศึกษาวิชาความรู้อยู่เป็นนิจ แต่พอย่างเข้าสู่วัยที่มากขึ้น กลับรู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมา จึงกล่าวกับองครักษ์คู่ใจอย่างปลงๆ ว่า

"ข้านี้มันแก่แล้ว ปีนี้อายุก็ร่วมเจ็ดสิบ แต่ใจของข้าก็ยังต้องการที่จะศึกษาเช่นวัยก่อนที่ผ่านมา แต่บางครั้งก็รู้สึกว่ามันสายเกินไป"

"ถ้าสายไปทำไมท่านไม่จุดเทียนเล่า"

"ข้าพูดตามความเป็นจริงนะ แต่ทำไมเจ้ากล่าวตีสำนวนเช่นนี้"

ฝ่ายองครักษ์พอเห็นเจ้านายแสดงอาการเช่นนั้น จึงกล่าวชี้แจงว่า

"นายท่าน ข้านั้นเป็นบริวารของท่าน ส่วนท่านเป็นนายของข้า ไฉนเลยข้าจะบังอาจพูดตีสำนวนกับท่าน คำที่ข้ากล่าวนั้นมีความนัยแฝงไว้ว่า หากผู้ใดรักที่จะเรียนรู้ในวัยเยาว์ อนาคตของเขาย่อมโชติช่วงชัชวาล ประหนึ่งดวงตะวันที่ส่องแสงในยามเช้า หากผู้ใดใฝ่ศึกษาเมื่อวัยเข้ากลางคน เขาก็เปรียบประดุจดวงตะวันยามเที่ยงที่สาดแสงต่อไปได้อีกครึ่งวัน แต่หากผู้ใดใฝ่ศึกษาเมื่อวัยชรา เขาก็ยังเปรียบประดุจเปลวเทียนที่ส่องแสง แม้ว่าแสงนั้นอาจไม่สว่างนัก แต่ก็ยังดีกว่าการเดินทางที่ไร้แสงสว่างส่องนำ แล้วต้องคลำทางอย่างสะเปะสะปะ"

พอเจ้าเมืองฟังถ้อยคำดังกล่าว ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา มีกำลังใจในการศึกษาและทำหน้าที่ปกครองบ้านเมืองด้วยความมุ่งมั่น แม้อาจจะน้อยนิดแต่ก็มีคุณค่าเพียงพอกับกาลเวลาที่เหลืออยู่


ข้อคิด

คนเรามักคิดว่าบางสิ่งบางอย่างที่อยากทำมักสายเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการทำความดี หรือการกลับไปแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตที่ผ่านมา เพราะเกิดความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง และอายุของตัวเองไม่อำนวย แต่สำหรับปราชญ์ท่านกลับมองว่า การเริ่มต้นทำสิ่งดีหรือการแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดนั้นไม่มีวันสาย เพราะแม้จะเริ่มต้นด้วยความเหนื่อยยากเพราะความเคยชินกับสิ่งเดิมที่เคยเป็นมา แต่อย่างน้อยสิ่งที่ได้รับจากการรู้จักเริ่มต้น ย่อมทำให้ความดีที่ได้ก่อตัวมาเติบโตขึ้นมากกว่าเดิมได้ แม้นความผิดที่เคยสร้างไว้ ย่อมมีโอกาสกลับมาเป็นบทเรียนสอนให้รู้ว่า ความดีและสิ่งที่ไร้ค่ามีความแตกต่างกันอย่างไรได้ ทุกอย่างจึงไม่มีวันสายหากรู้จักเริ่มต้นอย่างคนที่ใช้ปัญญา

เริ่มต้นได้ไม่มีวันสาย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์