เรียนจบ แพทย์ มข. แต่มาเป็นแม่ค้าตลาดนัด..จนคนดูถูกขนาดนี้!!

โดนวิจารณ์หนักมาก!! สำหรับ หมอลี่ หรือ แพทย์หญิง ชลธิรา ชินะกาญจน์ จบการศึกษาจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มาอย่างดีแต่กล้าทำในสิ่งที่หลายคนไม่กล้าทำ นั่นคือการไปเป็นแม่ค้านั่งขายของตามตลาดสด 

เปิดเผยเรื่องราวของคุณหมอคนเก่ง จากเฟสบุคของเธอเอง ที่ใช่ชื่อว่า Choltira Chinakarn ที่ค่อนข้างดราม่าเพราะด้วยหน้าที่การงาน จบสูงเรียนหมออย่างดี แต่วันดีคืนดีเพื่อนหมอและนางพยาบาลพากันตามตัวไม่เจอที่โรงพยาบาลหลังเลิกเวร สุดท้ายกลับไปพบ หมอลี่ นั่งหน้าแป้นกวักมือเรียกลูกค้าขายของปนกับแม่ค้าชาวบ้านที่ตลาดสดในจังหวัดระนองอย่างมีความสุข สร้างความฮือฮาในบรรดาหมู่คนอาชีพเดียวกัน รวมถึงชาวบ้านชาวช่องอย่างเราๆว่า หมอลี่คนนี้คิดอะไรอยู่ ขัดกับภาพคุณหมอในโรงพยาบาลอย่างชัดเจน เรื่องราวของหมอลี่ ได้ถูกเปิดเผยลงในนิตยสารหลายเล่ม กับชีวิตที่เลือกทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด

“ลี่ เรียนจบแพทย์ มข. (มหาวิทยาลัยขอนแก่น) หลังจากเรียนจบ 6 ปี ก็ไปใช้ทุนต่อที่ รพ.ระนอง 2 ปี ก็เป็นหมอใช้ทุนตามปกติค่ะ อยู่เวร ทำงานทุกๆวัน วันหยุดน้อย รู้สึกไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง ลี่เคยเป็นลมตอนอยู่เวรเพราะอดนอนติดๆกัน  อีกครั้งหนึ่งก็เป็นลมตอนผ่าไส้ติ่ง แต่เดิมสมัยเรียน ลี่ชอบสรรหาของมาขาย ไร้ท์แผ่นซีดีก็เคย ขายกิ้ฟช้อป ขายเสื้อผ้า ซึ่งที่บ้านก็ห้าม บอกไม่ให้ขายนะเพราะจะทำให้เสียภาพลักษณ์แต่เราก็แอบทำมาเรื่อยๆ จนมาใช้ทุนที่ รพ. ระนอง ลี่ก็เอาคอนแทคเลนส์ สร้อย กิ้ฟช้อปมาขายตลาดสดปนกับแม่ค้าคนอื่นๆนั่นแหละ แบบว่าเวลาพี่ๆพยาบาล หมอเวร เจ้าหน้าทีโรงพยาบาล หรือใครรู้จักมาเห็นเค้าก็หัวเราะ แบบไม่รู้มันตลกหรือว่าเขาชื่นชมลี่ ก็ไม่รู้ แต่ถามว่าลี่ อายมั้ย ก็ไม่อายนะ อาชีพสุจริต ออกแนวสนุกและชอบมากกว่า ขายได้มีความสุขมาก”

“ในสังคมไทย มีหลายครอบครัวที่พ่อแม่ใฝ่ฝันอยากให้ลูกรับราชการ และหนึ่งในนั้นคืออาชีพหมอ ครอบครัว ลี่ ก็เช่นกัน ตั้งแต่เล็ก คุณพ่อคุณแม่จะปลูกฝังมาตลอดว่าโตขึ้นต้องเป็นหมอนะ เมื่อถึงวัยมัธยม ลี่จึงเลือกสายวิทย์ และพอจะเอนทรานซ์ ลี่ก็ไม่รู้จะเลือกคณะอะไรนอกจากสายหมอ เภสัช พยาบาล คือมาทางสายแนวสุขภาพหมดเลย ระยะเวลา 6 ปีของการเรียนหมอลี่มีความสุข ลี่ภูมิใจที่เรียนจบตามที่ครอบครัวหวัง ลี่ชอบช่วยเหลือคนนะ แต่พอมาทำงาน ต้องอยู่เวรแบบติดๆกัน สุขภาพลี่ก็ไม่ไหว ลี่ไม่สามารอยู่เวรแบบไม่ได้นอนเลย แล้วยังต้องตื่นมาทำงานตอนเช้าได้ นั่นก็เป็นจุดที่รู้สึกว่า นี่ใช่สิ่งที่เราต้องการและมีความสุขจริงๆเหรอ พอถามตัวเองหลายๆรอบ ลี่ ก็ได้คำตอบว่ามันไม่ใช่ละ และเราเองก็ดันเริ่มชอบกับการเป็นขายของเป็นแม่ค้ามากกว่า”

หมอลี่ เล่าทั้งน้ำตา ว่าญาติพี่น้องพากันคิดว่าเธอเป็นบ้า กับการเลือกเส้นทางที่ใครเขาไม่ทำกัน เพราะอย่างที่บอก เรียนหมอจบสูงมีความสมารถ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ได้ช่วยเหลือผู้คน แต่สุดท้ายกลับเลือกเดินอีกเส้นทางซึ่งมันคนละเรื่องเลย “ลี่ เองก็ไม่รู้หรอกว่า ตอนนั้นเราตัดสินใจแล้ว มันจะออกหัวหรือออกก้อย แต่แบบช่วงใช้ทุนปี 2 ลี่เริ่มรู้สึกว่าไม่มีความสุข เวลาที่เราทำงาน จะเครียดมากแต่เวลาที่เรารับออเดอร์ของ กลับมีความสุข จึงลองตั้งใจสักครั้ง ตั้งใจกับสิ่งใหม่ที่เรายังไม่เคยลอง ก็เลยเริ่มต้นหาข้อมูลจริงจัง แล้วก็สร้างแบรนด์สร้างธุรกิจของตัวเองจากวันที่ตัดสินใจอยากเป็นแม่ค้าจริงจังทุกฝ่ายคัดค้าน พ่อ (แม่เสียตั้งแต่อยู่ ปี1) ป้า อา ลุง ญาติทุกคน สบประมาทและบอกว่าเราเพี้ยน เราบ้าไปแล้ว บางคนพยายามพูดให้เราไปเรียนต่อโน่นนี่เถอะเพื่อจะดึงเราไม่ให้ไปเป็นแม่ค้า แต่สุดท้ายเราก็คิดว่าเอาเถอะเกิดมาทั้งที ก็ต้องทำได้สิ แล้ววันนี้ คนที่เคยดูถูกหรือคิดว่าเราทำไม่ได้ กลับกลายเป็นคำชื่นชม ความสำเร็จของลี่คือ สำเร็จตั้งแต่วันที่ปะป๊ายอมรับ ว่าเราทำได้”

“ถึงแม้ว่าตอนนี้จะทำอาชีพแม่ค้า แต่การทำงานก็ยังได้ใช้ความรู้หมอมาพัฒนาต่อยอด นำมาศึกษาค้นคว้าผลิตภัณฑ์ใหม่ๆและยังรู้สึกภูมิใจที่สุดในวันนี้ที่ได้ใช้ทั้งอาชีพหมอและแม่ค้าไปพร้อมกัน อยากจะฝากทุกคนว่าบางครั้งเส้นทางชีวิตเราไม่ควรให้บรรทัดฐานของคนอื่นมาตัดสินว่าเราจะต้องเดินไปอย่างนั้นอย่างนี้ ชีวิตลี่ ลี่เลือกเอง ลี่กล้าจะแหกกรอบความคิดบางอย่างซึ่งเราไม่รู้หรอกว่ามันจะนำพาชีวิตเราไปถึงจุดไหน แต่อย่างน้อยเลยนะ ถ้าสิ่งที่เราเลือกเดินไปหรือเลือกที่จะทำมันทำให้เราสบายใจและมีความสุขที่จะทำมัน พอเรามีความสุขเราก็จะทำงานนั้นอย่างตั้งใจและทุ่มเท ด้วยความขยัน ลี่ว่าแค่นี้เราก็สำเร็จเกินครึ่งแล้วที่เหลือก็แค่ลงมือทำ ”