เหวี่ยง หน้าคอมฯ ภัยเงียบวัยทำงาน

เหวี่ยง หน้าคอมฯ ภัยเงียบวัยทำงาน


พบเห็นกันได้ไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับการใช้เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเหล่าคุณพ่อคุณแม่วัยทำงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ทั้งในออฟฟิศและที่บ้าน หลายคนเคยประสบกับปัญหาที่เข้ามารบกวนการทำงาน นั่นคือ "เจ้าไวรัส มารผจญในเครื่องคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตเต่าล้านปี" และหากสองอย่างนี้มาพร้อมๆ กัน ขณะที่ต้องส่งงานให้เจ้านายอย่างเร่งด่วน คนทำงานคงจะหัวหมุนเป็นแน่ ที่สำคัญความเครียดถามหาขึ้นมาทันที

กับวัยทำงานที่ยากจะหลีกหนีปัญหากวนใจนี้ได้ "นพ. ศิริไชย หงษ์สงวนศรี" กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่สมัยนี้มีเครื่องอำนวยความสะดวกสบายมากขึ้น สามารถช่วยให้เราทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิคขึ้นมาก็อาจทำให้เกิดความเครียดได้ และอาการหงุดหงิดในแต่ละวันนั้นอาจพอกพูนจนกลายเป็นความเครียดสะสมที่ส่งผลร้ายต่อชีวิตของตนเองและคนใกล้เคียง

"ปกติมนุษย์มีความเครียดเท่าๆ กัน แต่การจัดการกับความเครียดของแต่ละคนทำได้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ ด้าน ความเครียดเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ เพราะหากใครไม่มีความเครียดคนๆ นั้น จะไม่มีความกระตือรือร้นในการทำงาน แต่การทำงานที่มีความเครียดเข้ามาปะปนมันจะมาบั่นทอนประสิทธิภาพของงาน เนื่องจากเราไม่ได้ใช้ความสามารถของเราอย่างเต็มที่ ยกตัวอย่างเช่น เด็กที่มีความเครียดจะอ่านหนังสือก็จะอ่านไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจในเนื้อหา ในวัยผู้ใหญ่ก็ไม่แตกต่างกัน" นพ. ศิริไชยอธิบาย


เหวี่ยง หน้าคอมฯ ภัยเงียบวัยทำงาน


"ฉะนั้น เราจะต้องเตรียมความพร้อมรับมืออยู่เสมอ เพราะการใช้อินเทอร์เน็ตมีจำนวนคนใช้บริการที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก อาจจะเกิดปัญหาได้ทุกเวลา โดยมีการป้องกันไว้ก่อน เช่น การทำงานจะต้องมีการเผื่อเวลา อย่าให้มันกระชั้นชิด หากเป็นงานที่พอจะมีเวลาทำต่อไปได้ เราก็ควรหางานอื่นมาทำทดแทนก่อน อ่านหนังสือหรือค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ ฆ่าเวลาไปก่อน ซึ่งเป็นวิธีจัดการกับความเครียดที่ง่ายและดีที่สุด"

ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช ศาสตร์รายนี้ แนะนำว่า ควรมีการจัดการที่ตัวปัญหา หรือที่เรียกว่า Coping mechanism บางปัญหาไม่ได้เกิด ขึ้นจากที่ตัวเราเอง แต่เป็นปัญหาที่คนอื่นสร้างขึ้นมา แต่สำหรับปัญหาที่พูดถึงกันนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากการขัดข้องทางเทคนิคของเทคโนโลยี แต่เราเก็บเอามาเครียดกับตัวเอง มันก็คงไม่สามารถช่วยให้คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม

การที่เราเครียดกับตัวเองจะส่งผลเสียทั้งทางร่างกายและจิตใจ เวลาที่เครียดกล้ามเนื้อทั่วร่างกายจะตึงและเกิดอาการเกร็ง ปวดขมับ ปวดหัว ปวดตา ปวดไล่ และปวดตามตัว นอกจากนั้นยังส่งผลให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลงและทำให้ป่วยได้ง่ายอีกด้วย


เหวี่ยง หน้าคอมฯ ภัยเงียบวัยทำงาน


"เมื่อเกิดอาการเครียดร่างกายจะหลั่งสาร Cortisol หรือ เรียกง่ายๆ ว่า สารความเครียด ที่จะเข้าไปทำลายเซลล์สมองที่ควบคุมด้านอารมณ์ จนทำให้มีความเครียดที่รุนแรง หากปล่อยให้อารมณ์เหวี่ยงจากการใช้คอมฯ สร้างความเครียดสะสมก็จะส่งผลให้เกิดโรคทางจิตเวชได้ เช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า ที่เกิดจากการทำงานของสมองที่มีความชำนาญในการเครียด อย่างที่ทราบกันดีว่า การที่เราจะเก่งหรือชำนาญการสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะต้องมาจากการฝึกฝนของสมองและ ทำอยู่สม่ำเสมอ เช่นเดียวกับอาการเครียดที่เราเคยชินทุกๆ วันในขณะที่นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่เราไม่เคยสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของตัวเองเลย"

นอกจากนั้น ยังมีอีกโรคที่สามารถมาพร้อมกับความเครียดได้คือ ภาวะกรดในร่างกาย ที่ส่งผลให้เกิดโรคกรดไหลย้อน โดยเฉพาะคนที่ต้องกลับมาทำงานหลังจากพักรับประทานอาหารกลางวันทันที ก็จะทำให้อาหารไม่ย่อย เพราะถ้าเกิดกรดในกระเพาะอาหาร กรดไหลขึ้นไปถึงหูรูดของกระเพาะอาหาร ทำให้มีอาการปวดแสบกลางอก เรอ ท้องอืด และอาเจียนได้ ทั้งนี้หากมีอาการรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์

"ความเครียดเป็นสาเหตุที่สามารถนำไปสู่การเกิดโรคอื่นๆ ที่ร้ายแรงตามมา ดังนั้นการออกกำลังกาย หรือการทำกิจกรรมที่มีการผ่อนคลายเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยเฉพาะวัยทำงานที่มีเวลาน้อย อาจจะมีการบีบกล้ามเนื้อ ยืดเส้น พักสายตา ทุกครั้งที่รู้สึกว่ากำลังเครียดหรือหงุดหงิด ทั้งนี้วัยทำงานที่เป็นพ่อแม่แล้วต้องคอยระวังเรื่องการพกความเครียดกลับไป ให้ลูกที่บ้านด้วย ซึ่งตรงนี้เราควรจัดการกับความเครียดให้หมดสิ้นตั้งแต่ตอนอยู่ที่ทำงาน พอถึงเวลากลับบ้านจะต้องตระหนักอยู่เสมอว่าไม่ใช่เวลาของการทำงาน ให้สมองได้พักผ่อน ใช้เวลาเล่นกับลูกบ้าง และอย่าปล่อยให้ความเครียดมาคุกคามความสุขของคนในบ้านได้" นพ.ศิริไชยทิ้งท้าย




ที่มา วิชาการดอทคอม

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์