ไขข้อข้องใจเรื่องปวดเต้านม


ซึ่งบางคนก็คิดว่าไกลว่าตนเองเป็นมะเร็งเต้านม เพราะเมื่อคลำแล้วรู้สึกเต้านมแข็งและเจ็บ แหมสารพัดปัญหาขนาดนี้ เอาเป็นว่าเรามาเจาะลึกเรื่องอาการปวกเต้านมกันเลยดีกว่า

ปวดบริเวณเต้านม

เป็นอาการที่พบได้บ่อยจนอาจจะเป็นเรื่องปกติในผู้หญิงส่วนมาก จะต่างกันก็ตรงที่ความรุนแรงของอาการปวดเท่านั้น เชื่อว่า 2 ใน 3 ของผู้หญิงย ทั่วไปมักจะเคยมีอาการปวดอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต และก็มักจะสร้างความกังวลใจกับคุณผู้หญิงว่ามันจะเป็น อาการของโรคมะเร็งเต้านมหรือเปล่า แต่สำหรับในขั้นตอนทางการรพทย์แล้วนั้นเราสามารถตรวจเพื่อแยกว่าเป็นการเจ็บที่บริเวณกล้ามเนื้อ หรือผนังหน้าอก ทั้งนี้อาการปวดบริเวณเต้านมสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทดังนี้

1. อาการปวดที่มีสาเหตุสัมพันธ์กับรอบเดือน โดยเฉพาะในช่วงหลังไข่ตก (ช่วงกลางรอบเดือน) โดยจะมีอาการปวดทั้ง 2 ข้าง เจ็บแบบตึงๆ จากอาการเจ็บๆ เพียงเล็กน้อยถึงปวดคล้ายถูกของแหลมแทง

2. อาการปวดที่ไม่สัมพันธ์กับรอบเดือน ซึ่งอาการเจ็บเต้านมมักจะสามารถระบุตำแหน่งที่เจ็บได้ โดยมักจะเป็บบริเวณใต้หัวนม ข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้างก็ได้ อาการเจ็บมักจะรู้สึกแสบๆ คันๆ หรือตึงๆ

เจ็บเต้านมกับรอบเดือน

อาการเจ็บในลักษณะนี้เกิดจากขณะที่มีการตกไข่ ฮฮร์โมนเพศหญิงจะมีการเปลี่ยนแปลงทำให้กรดไขมันตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า กาโมลีนิก (Gamolenic Acid) ลดต่ำลง จึงทำให้คุณผู้หญิงรู้สึกปวดที่บริเวณเต้านม โดยจะเจ็บแบบตึงๆ ทั้ง 2 ข้าง ซึ่งหากคุณผู้หญิงท่านใดเกิดความกังวล หรือสงสัยที่มันเป็นอาการของโรคมะเร็งเต้านมหรือไม่ ก็สามารถมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการดังกล่าว ซึ่งรายละเอียดในการตรวจของแพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติอาการปวดดังกล่าวว่าคุณปวดตรงบริเวณใด ปวดสัมพันธ์กับรอบเดือนหรือไม่ และจะตรวจร่างกายดูว่ามีก้อนที่เต้านมหรือมีน้ำออกจากหัวนมหรือไม่

-ถ้าตรวจพบว่ามีก้อนที่เต้านม แพทย์ก็จะส่งตรวจอัลตร้าซาวด์ดูว่าก้อนนั้นเป็นถุงน้ำหรือก้อนเนื้อ

- ถ้าตรวจพบว่ามีน้ำออกจากหัวนม ก็จะต้องดูสีน้ำที่ออกมาว่าเป็นเลือดหรือเป็นสีน้ำนมธรรมดา และแพทย์จะส่งตัวอย่างน้ำที่ออกมานั้นไปตรวจเพื่อหาเซลล์มะเร็งเต้านม และจะให้ผู้รับบริการตรวจแมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์

- ถ้าพบตรวจพบว่ามีแผลหรือตุ่มน้ำใสที่ผิวหนังของเต้านมอาจจะเป็นงูสวัสดิ์ได้

- ถ้าตรวจไม่พบความผิดปกติ แพทย์จะแนะนำให้ทำแมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์ถ้าผลไม่มีความผิดปกติก็จะอธิบายเรื่องปวดที่เต้านมให้ผู้รับบริการเข้าใจต่อไป

ดูแลตนเองถ้าปวดเต้านมเมื่อมีรอบเดือน

สำหรับอาการปวดเต้านมที่ไม่พบความผิดปกติที่เต้านม ก็อาจจะยากที่จะระบุต้นเหตุที่แท้จริงของอาการปวด แต่สาเหตุก็มักรวมๆ กันตั้งแต่การใช้งานแขนข้างนั้นมากเกินไป การออกกำลังกายที่ผิดจังหวะ การรับประทานยาฮอร์โมนบางชนิดหรือดื่มน้ำชา กาแฟ ช็อคโกแลต มากเกินไป

โดยหลังจากแพทย์ตรวจและไม่พบความผิดปกติใดๆ คุณก็หมดกังวลไปได้เลยว่าจะเป็นโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้ลองเปลี่ยนยกทรงหรือเลือกชนิดและขนาดที่เหมาะสมกับสรีระ การปรับวิธีการรับประทานอาหาร เช่น ลดปริมาณไขมันจากเนื้อสัตว์ (นม, เนย, ชีส, ไอสครีม) และควรเพิ่มอาการจำพวกผักและผลไม้สดแทน ถ้าหากอาการยังไม่หาย อาจจะต้องรับประทานยา เช่น Evening primrose oil โดยรับประทานยาทุกวันตอนเย็นอย่างน้อย 3 เดือน

ปวดเต้านมที่ไม่เกี่ยวกับรอบเดือน

สำหรับอาการปวดในลักษณะนี้มักจะเกิดจากกระดูกอ่อนซี่โครงอักเสบ หรืออาจจะเกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบ หรือมีถุงน้ำที่เต้านม โดยหากมีถึงน้ำที่เต้านมแพทย์จะดูว่าถุงน้ำมีขนาดใหญ่หรือไม่ ถ้ามีขนาดใหญ่พอที่มือสามารถคลำได้แพทย์ก็จะเจาะเอาน้ำออกไป ส่วนถ้าคลำไม่ได้ก็จะให้รับประทานยาแก้ปวดแทน

อาการปวดกับมะเร็ง

ผู้หญิงหลายท่านอาจจะเกิดความกังวลใจว่า อาการปวดดังกล่าวจะเกิดมะเร็งหรือไม่ ในความเป็นตริงแล้วมะเร็งที่จะทำให้เกิดอาการปวดคือต้องมีก้อนขนาดใหญ่ และลุกลามไปที่ผิวหนังข้างนอก หรือที่ผนังหน้าอกข้างใน เพราะฉะนั้นแล้วสำหรับคุณหมอหากเจอผู้ป่วยมาด้วยอาการปวดเต้านมแพทย์จะนึกถึงมะเร็งน้อยลง โดยเฉพาะในผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 35 ปี แต่ถ้าอายุมากกว่า 35 ปี หากมีอาการปวดเต้านมข้างเดียว และสามารถคลำได้จนเจอก้อนก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมได้ แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นถึงน้ำ หรือที่เรียกว่า ซีสต์ มากกว่า

อาการของเต้านมที่ควรพบแพทย์

1. ก้อนไตแข็ง หรือเนื้อเต้านมหนาตัวขึ้นผิดปกติ

2. อาการบวม แดง ร้อน ของบริเวณเต้านมที่ไม่หายได้เอง

3. เต้านมมีขนาดหรือรูปร่างเปลี่ยนไป

4. รอยบุ๋มของผิวเต้านมหรือหัวนมที่เกิดขึ้นใหม่

5. แผล ผื่น อาการคันบริเวณเต้านม

6. มีน้ำหรือเลือดไหลจากหัวนม

ติดตามบทความ สุขภาพ หรืออ่าน แมกกาซีน

ที่มาข้อมูล : www.e-magazine.info


ไขข้อข้องใจเรื่องปวดเต้านม

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์