● ทำไมแต่ละคนเวลาอกหัก ถึงเจ็บไม่เท่ากัน ●

เครดิต .. Jackเครดิต .. Jack


ทำไมน๊อ ทำไม… แต่ละคนที่อกหัก ถึงมีการตอบสนองต่อสถานการณ์ดังกล่าวต่างๆกันไป บ้างก็เฉยๆไม่ยี่หระ บ้างก็เจ็บจนคิดทำร้ายตัวเอง เราลองมาดูเหตุปัจจัยที่ซ่อนอยู่ รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆร่วมด้วย ว่าเจ็บมาก เจ็บน้อย เกิดจากอะไร บอกใบ้ให้นิดนึงก่อนว่า ไม่เกี่ยวกับระยะเวลาที่คบหากันเลย เพราะจะคบกันมาแค่ไม่กี่เดือน หรือคบกันมาเป็นสิบปี จนจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ก็ยังเทียบไม่ได้กับองค์ประกอบเหล่านี้…..

1. เหตุผลที่แยกทาง
อันนี้เป็นส่วนสำคัญจริงๆ ที่จะกำหนดว่าเราจะเจ็บมากหรือน้อย เพราะการเลิกรากันมีอยู่หลายรูปแบบ บางคนเลิกรากันด้วยความจำเป็นทางสังคม เช่นฐานะไปด้วยกันไม่ได้ ครอบครัวแต่ละฝ่ายกีดกัน ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดจากปัจจัยภายนอกเช่นนี้ ความเจ็บปวดเสียใจยังน้อย และทำใจได้ง่ายกว่าอีกแบบหนึ่ง นั่นคือประเภทที่เลิกรากันโดยที่คุณไม่ได้ทำอะไรผิด เช่นแฟนคุณไปเจอคนใหม่ที่สวยกว่า หล่อกว่า หรือรวยกว่า อันนี้นอกจากจะต้องเสียคนรักไปแล้ว ยังทำให้คุณเกิดความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า ถูกทอดทิ้งอย่างโหดร้าย กลายเป็นคนไร้ตัวตนไปเลย จนเกิดความคับข้องใจและเคียดแค้น วิกลจริตไปเลยก็มี

2. ภูมิหลังครอบครัว

สำหรับคนที่เติบโตมาท่ามกลางครอบครัวที่แตกแยก ขาดที่พึ่งทางใจ ก็น่าเห็นใจหน่อย ตรงที่เวลามีแฟนแล้ว ก็จะคาดหวังให้แฟนเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เพราะฉะนั้น เมื่อถึงคราวที่ต้องถูกตีจากพลัดพรากกันไป จึงเกิดความเศร้าโศกเสียใจ ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครที่ไหน ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว เปรียบเหมือนลอยเคว้งคว้างอยู่คนเดียวในมหาสมุทรกว้างใหญ่ แต่สำหรับบางคนที่มีพื้นฐานครอบครัวอบอุ่นแล้วล่ะก็ แค่ได้ปรับทุกข์ระบายออกกับพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง ก็จะลืมความเสียใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว ไม่เก็บมาคิดให้รกสมองเลย

3. เป้าหมายในชีวิต

คนที่เอาอนาคตของตัวเองไปผูกติดกับคนรักนั้น เมื่อถึงคราวต้องแยกทางกันขึ้นมา มันไม่ใช่แค่ว่าเสียคนรักไปน่ะสิ มันยังรวมถึงอนาคตที่วาดฝันเอาไว้ร่วมกัน ยังต้องพังทลายลงไปด้วย เช่นอาจจะคิดไว้ว่าจะปลูกบ้านแบบนั้นแบบนี้ร่วมกัน มีลูกด้วยกันเท่านั้นเท่านี้ เรียกว่าพอภาพเหล่านั้นมันพังลง ชีวิตก็เลยเหมือนสูญสิ้นลงไปด้วย ไม่อยากจะอยู่ต่อไปเลยจริงๆ ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีคนที่เอาเรื่องอื่นเป็นเป้าหมายหลักในชีวิต เช่นเรื่องความก้าวหน้า ความสำเร็จในหน้าที่การงาน ดังนั้น คนเหล่านี้เมื่อต้องเลิกรากับคนรัก ก็ไม่ค่อยจะเสียใจมากหรือนานเท่าไร เพราะจิตใจมัวจดจ่ออยู่กับเรื่องงานเท่านั้น ขอแค่มีงานมีเงิน เสียแฟนไปเท่าไรก็หาใหม่ได้เสมอ

4. เวลาว่าง

คนที่อกหักในช่วงเวลาที่กำลังตกงานหรือมีเวลาว่างมากๆด้วยนั้น ผลลัพธ์จะยิ่งเลวร้ายไปใหญ่ เพราะจะเกิดอาการฟุ้งซ่านอยู่ตลอดเวลา คิดอยากย้อนเวลากลับไปบ้าง คิดอยากแก้แค้นคนที่ทิ้งไปบ้าง คิดอยากฆ่าตัวตายบ้าง ทั้งๆที่จริงๆแล้วความคิดเหล่านั้นเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่งจะไม่เกิดขึ้นเลย หากว่ามีงานหรือกิจกรรมอะไรตรงหน้าที่ต้องทำ ดังนั้น อย่าปล่อยให้ตัวเองว่างเป็นอันขาด พยายามหากิจกรรมที่เป็นประโยชน์ทำ หรือจะไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงก็ดี เพราะการอยู่กับผู้อื่น จะป้องกันความคิดในทางลบได้มากทีเดียว

ทั้งหมดนั่น คือปัจจัยหลักๆ ในการกำหนดภูมิคุ้มกันของแต่ละคนนะ ว่าเวลาความรักไม่สมหวัง อกหักรักคุดขึ้นมาแล้ว คุณจะร้องไห้ฟูมฟาย หมดอาลัยตายอยากไปเป็นปีๆ หรือจะทำใจและกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ในเวลาเพียงข้ามคืน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าคิดก็คือ การพลัดพรากและสูญเสียสิ่งอันเป็นที่รัก เป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่ที่สุดในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ถึงไม่จากเป็น ก็ต้องจากตาย (ตายจากกันไป) เมื่อเห็นถึงสัจธรรมข้อนี้ได้ ก็เท่ากับ เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันเอาไว้ล่วงหน้า


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์