♣ เมฆหมอก .... แห่งฝรั่งเศส ♣

“พระนางมารี อังตัวเน็ต” เมฆหมอกแห่งฝรั่งเศส หรือ ผู้รักความสมถะสามัญชน และถูกใส่ความ ทุกท่านอาจจะเคยศึกษาเรื่องของท่านมาบ้างแล้ว  เป็นเรื่องที่ลับๆกันในสำนักฝรั่งเศสในสมัพระเจ้า Louis ที่16


นี่คือพระสาทิสลักษณ์ของพระองค์ นี่คือพระสาทิสลักษณ์ของพระองค์


ท่านเกิดวันที่ 2 พ.ย. ค.ศ.1755 เจ้าหญิงมารี อังตัวเน็ตต์ที่พระราชวังเชินบรุนน์ ที่เวียนนา


(ในวันที่มารี อังตัวเน็ตเกิดก็มีแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรง ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก)  
ท่านเป็นพระธิดาที่มีพระสิริโฉมงดงามที่สุดในหมู่พระราชธิดาอีกหลายองค์
ประสูติแด่พระเจ้าฟรานซิส1 กับพระจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา
พระนางมาเรีย เท สอนเจ้าหญิงมารี  อัง ตลอดว่าแม้เกิดมามียศใหญ่ ใช่ว่าจะสบาย จะต้องไปสมรสกับกษัตริย์ต่างชาติเพื่อแผ่นดิน


เราควรต้องมีความรับผิดชอบและความเสียสละ  
พระจักรพรรดินี มาเรียเทเรซา พระมารดาของพระนางมาเรีย อังตัวเน็ตต์ ทรงเป็นวีรกษัตริย์ที่ทรงเข้มแข็ง มีพระอำนาจแผ่ไปทั่วยุโรปในสมัยนั้น
ตรงข้ามกับ พระเจ้าฟรานซิส1 เพราะท่านเป็นกษัตริย์ที่พระทัยเย็น
อย่างไรก็ตามทั้งสองพระองค์ก็เป็นที่รักของชาวออสเตรียเสมอมา


นี่คือพระรูปของราชินีเทเรซานี่คือพระรูปของราชินีเทเรซา


ในวันหนึ่งเจ้าหญิงมาเรีย พระราชบิดาได้กำหนดชีวิตเจ้าหญิง โดยการถวายตัวแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16แห่งฝรั่งเศสอันหรูหรา
ขณะนั้นพระองค์(เจ้าหญิงมาเรีย) มีพระชนมายุ 15ชันษานั้น เสด็จในฐานะพระคู่หมั้นในขบวนที่ยิ่งใหญ่ ไปยังริมฝั่งแม่น้ำชายแดนออสเตรีย
ณ ที่นั้น เจ้าหญิง มาเรีย ทรงทำพิธีเปลี่ยนฉลองพระองค์จากออสเตรียเป็นฝรั่งเศส และเปลี่ยนพระนามจาก”มาเรีย แอนโธเนีย ซึ่งเป็นภาษาออสเตรีย เป็น “เจ้าหญิงรัชทายาท มารี อังตัวเน็ตต์”
ทางฝรั่งเศส จัดขบวนต้อนรับเจ้าสาวโดยมี”คาร์ ดินัล หลุยส์ โรอัง”เป็นหัวหน้าคณะ ขณะกล่าวต้อนรับโรอัง ได้ใช้ภาษาเยอรมัน (ภาษทางการของออสเตรีย)
เจ้าหญิงทรงตรัสตอบว่า”ใช้ภาษาฝรั่งเศสกับข้าก็ได้ เพราะข้าพูดภาษาฝรั่งเศสได้ดีเท่าพวกท่านเหละ”
นั้นเป็นเสน่ห์แรกที่ทำให้ประชาชนฝรั่งเศสประทับใจในตัวพระนาง
But I don’t think so.คิดว่าถ้าในสายตาของชาวออสเตรียล่ะ เขาน่าจะบอกนินทากันว่า”วัวลืมเท้า”ลองไปพิจารณาดูละกัน
เข้าเรื่องกันดีกว่าคือเนื่องในเสน่ห์ครั้งนั้นได้จุดประกายลึกซึ้งในใจของคาดินัล หนึ่งในชู้พระองค์(เจ้าหญิงมีชู้มากมายมาก)
พระเจ้าหลุยส์15รับพระสุณิสา(สะใภ้)ทรงพอพระทัยมาก เพราะเจ้าหญิงน่ารักน่าเอ็ดดู ช่างพูดช่างจา
เจ้าหญิงได้พบกับเจ้าชายรัชทายาทเป็นครั้งแรก และได้มีการจัดงานที่พระราชวังแวซายส์
เจ้าหญิงได้ทอดพระเนตรความหรูหรา และวิลิสมาหราเกินเหตุของฝรั่งเศส ผิดกับสำนักออสเตรียที่เต็มไปด้วยระเบียบอันเรียบร้อย อ่อนช้อยของราชสำนักออสเตรีย
ทว่างานนั้นทำให้เจ้าหญิงทรงเพลิดเพลินไปกับงานนั้นอย่างง่ายดาย และยังทรงตื่นตาตื่นใจอีกด้วย
เจ้าหญิงมีพระนลาต(หน้าผาก)กว้างสูง อันแสดงถึงลักษณะของคนที่เฉลียวฉลาด ในตอนแรกทรงเกรงว่าจะทำผมฝรั่งเศสมิงาม
ที่ไหนได้เหล่าบรรดาชาววังต่างพากันไปถอนไรผมเปิดให้สูงเยี่ยงพระนางกันมากหลาย


เจ้าหญิงมารี อังตัวเน็ตต์ เจ้าหญิงมารี อังตัวเน็ตต์


เริ่มแรกที่พระนางมารีมาอยู่ที่ฝรั่งเศส ใครๆก็รักเจ้าหญิงมารีในฐานะรัชทายาท และชวนเจ้าหญิงไปเป็นพรรคพวกตน อาทิพระขนิษฐา3พระองค์ของพระเจ้าหลุยส์ที่15 แถมพระขนิษฐา3พระองค์ยังยุเจ้าหญิงให้เกลียดมาดามดูบารี พระสนมของพระเจ้าหลุยส์ที่15 ที่พระขนิษฐา3พระองค์ไม่ชอบ อันที่จริงมาดามดูบารีมีนิสัยเรียบร้อย มีความสวยงามทั้งหน้าตา และกริยามรรยาท อีกทั้งมาดามดูบารีก็ชอบและเอ็นดูเจ้าหญิงมารีรัชทายาทอยู่ไม่น้อย ทว่าผลสุดท้ายก็มีเรื่องบาดหมางกันจนได้ เจ้าหญิงมารีรัชทายาททรงมีพระอาการดูหมิ่น เหยียดหยาม กับมาดามดูบารี ท่ามกลางประชาน และพระเนตรของพระเจ้าหลุยส์ที่15 ทำให้พระองค์ขุ่นพระทัยอยู่นาน เรื่องนี้ถูกโจทย์กันไปทั่วราชสำนักฝรั่งเศส ข่าวถูกส่งถึงพระกรรณพระนางมารี เทเรซา ทำให้พระองค์ทรงมีความกริ้วต่อเจ้าหญิงมารีรัชทายาทมาก ถึงกับส่งสาส์นมาตำหนิให้เจ้าหญิงมารีรัชทยาททำดีกบมาดามดูบารี ซึ่งทำให้ชาววังหลายคนไม่พอใจ โดยเฉพาะเหล่า"สมเด็จป้าขาเมาท์แถมชอบยุยงทั้ง3พระองค์" น่ารำคาญที่ราชสำนักฝรั่งเศสพวกชาววังขาเมาท์ในหัวสมองมีแต่เรื่องข่าวโลกีย์ ลามกจกปรต ของหลังม่านวังหลวงไม่พ้นแต่ละวัน เป็นี่รูทั่วกันในราชสำนักฝรั่งเศสว่าเจ้าชายรัชทายาทนั้นทรงเป็นชายหนุ่มที่เฉื่อยชา เชื่องช้า เสวยจุ ชอบบรรทม และไม่มีเซ็กซ์กับเจ้าหญิงมารี


พระเจ้าหลุยส์ที่15พระเจ้าหลุยส์ที่15


♣ เมฆหมอก .... แห่งฝรั่งเศส ♣

ภาพวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ รูปพระสาทิสลักษณ์ของพระนางมารี กับดอกกุหลาบ ทรงพระองค์แบบสามัญชน


ทรงมีพระทัยอยากเป็นสามัญชน ทรงโปรดภาพนี้มากที่สุด ปัจจุบันภาพต้นฉบับอยู่ในพระราชวังแวร์ซาย


ในขณะเดียวกันเจ้าหญิงรัชทายาทก็ทรงเกลี้ยกล่อมให้พระสวามีผ่าตัดรักษาสมรรถภาพทางเพศได้สำเร็จ การร่วมอภิรมย์(ไปคิดดูเองว่ามันควรหมายถึงอะไร)ครั้งแรกของทั้งสองนั้น มีพวกชาววังปากยืนปากยาวคาบข่าวไปบอกเสด็จป้าจอมยุยง3พระองค์ เล่าให้เหล่าป้า3องค์ฟังก็เหมือนเล่าให้ชาวบ้านรู้ เพราะอีกไม่นานชาวบ้านก็พากันโจทย์กันเป็นที่ฮือฮากันมาก จนทำให้เจ้าชายรัชทายาทไม่ยอมร่วมเตียงกับเจ้าหญิงไปนานเลย อันว่าชาวฝรั่งเศสในตอนแรกพวกเขารักเจ้าหญิงมารีไม่ว่าทรงทำสิ่งใดก็ดูน่ารักไปหมด แต่ทว่าบัดนี้ภาพของเจ้าหญิงมารีในสายตาของชาวฝรั่งเศสเปลี่ยนไปพวกเขาเริ่มหมันใส้ ติฉันนินทากันปต่างๆนาๆ เจ้าหญิงมารีทรงเริ่มเยาะเย้ยกริยาทรามของคนฝรั่งเศสด้วยเช่นกัน


 


30 เมษายน ค.ศ.1774 พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เสด็จสวรรคต องค์รัชทายาทพระองค์ชาย พระสวามีของเจ้าหญิงรัชทายาท ได้ขึ้นครองบัลลังก์ฝรั่งเศส เป็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และเจ้าหญิงก็ถูกเลื่อนพระยศขึ้นเป็นพระราชินีมารี อังตัวเน็ตต์ ผู้เลอโฉม และหรูหรา 
  มาดามดูบารีหมดวาสนา หม่นหมองและหายตัวไปจากราชสำนักอย่างลึกลับ เพราะก่อนที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 จะทรงเสด็จสวรรคตมินาน มาดามดูบารีได้อ้อนวอนขอเครื่องเพชรราคาที่ "แพงที่สุดในโลก" แต่ผมคิดว่ามาดามดูบารีเป็คนที่โลป และทำความดีเพื่อให้พระเจ้าหลุยส์ทรงโปรด แล้ว จึงหาผลประโยชน์จากพระองค์ท่าน
  ด้วยความหลงใหล พระเจ้าหลุยส์ที่15 ทรงสั่งช่างฝีมือที่ดีที่สุดไปสรรหาเพชรเม็ดโตๆ น้ำงามที่สุดยุโรป มาทำสร้อยคอ ช่างเพชรชื่อ โบห์เมอร์ นำเพชรที่ดีที่สุดมาถึง600เม็ด เรียงร้อยอย่างสุดฝีมือ เมื่อเสร็จเรียบร้อยจะถวายพระเจ้าหลุยส์ที่15 ก็ทรงสวรรคตด้วยโรคฝีดาษพอดี
  โบห์เมอร์พยายามที่จะขายสร้อยเพชรเส้นนี้ให้แก่กษัตริย์ และพระราชินีพระองค์ใหม่ เพราะเขาทุ่มเงินทำสร้อยเส้นนี้ไปจนหมดตัว ต้องเป็นหนี้สินมากมาย แต่พระนางมารี อังตัวเน็ตต์ แถมยังทรงแสดงความรังเกียจว่า"รสนิยมต่ำ" คุณสามารถเห็นได้ว่าพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระนาง พระนางมารีไม่เคยฉลองเครื่องเพชรเลย ท่านจะฉลองไข่มุกแต่เพียงอย่างเดียว


♣ เมฆหมอก .... แห่งฝรั่งเศส ♣

พระรูปนี้ท่านทรงแต่งกายสามัญคนจนมาก จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงเทิดทูนดอกกุหลาบมากกว่าเครื่องเพชร


เพราะรูปนี้พระองค์มิได้ใส่ฉลองพระศอเลยแม้แต่เส้นเดียวทรงฉลองเพียงพระมาลาเท่านั้น แต่ก็มิได้เป็นพระมาลาที่หรูหราซักเท่าใด


"สร้อยเพชรอันสูงราคานั้น เหมาะสำหรับคนที่ไร้รสนิยมเท่านั้น!" พระองค์ทรงด่าโบห์เมอร์อย่างสาดเสียเทเสีย


อาจจะเป็นเพราะพระนางทรงตระหนักถึงความฟุ่มเฟือเกินควร และอีกประการหนึ่งทรงครอบครองเพชรเม็ดเม็ดงามที่มีชื่อว่า"Thefrenchblue"ที่เรารู้จักในนาม"Hobdiamond"(Hopแปลว่านำความน่ากลัว)นั้นอยู่ก็ได้


เพชรเม็ดนี้ถูกนำมาจากหน้าผากเทวรูปในอินเดีย พระเจ้าหลุยส์ที่14 ทรงซื้อพระราชทานแก่พระสนมลับ "มาดามเดอมอง" และตกทอดมาถึงพระนางมารี อังตัวเน็ตต์


แต่เพชรที่นำความตายมาสู่พระนางไม่ใช่เพชร Hobแม้มีบางกลุ่มเชื่อว่าพระนางตายเพราะอาถรรพ์ของเพชรนี้ก็ตาม


 


เราหันกลับมาดูสร้อยเพชรที่เกือบจะเป็นของมาดามดูบารีกันดีกว่า หลังจากมาดามหายตัวไป ก็มีคนต้องการมันมากมาย รวมทั้ง"มาดาม จีน เดอร์ ลามอตต์"
นอกจากอยากได้เพชรแล้ว มาดามจีน  ผู้ไกล้ชิดกับคนในราชสำนัก ยังรู้จุดอ่อนของโรอัง(คนที่รักพระนางมารี แต่พระนางมารีไม่รัก จนเนรเทศไล่ออกไปจากราชสำนัก)ถึงโรอังจะถูกพระราชินีเกียจ แต่โรอังก็รักและหวังจะเด็ดดอกฟ้าอยู่
มาดามจีน ได้ไปหลอกโรอังว่าอันทีจริงพระนางมารีทรงต้องพระทัยสร้อยเส้นนั้นมาก แต่มิกล้าซื้อเพราะมันแพงมาก
มาดามเจ้าเล่ห์หลอกโรอังจนเชื่อสนิท เพราะมาดามได้ว่าจ้างให้ท่านเคาท์คาลิสไตร มาปลอมลายพระหัตถ์ราชินี ให้ว่าพระราชินีมารีทรงจดหมายถึงโรอัง แถมยังหาหญิงสาวที่คล้ายราชินีมารีมาพบในสวนยามวิกาลทุกคืน
หลายปีที่โรอังทวงถามสัญญาที่นางตัวปลอมมันมาบอกไว้ แถมโรอังยังทวงกับราชินีพระองค์จริง ผลก็คือถูกด่า ว่า ประณาสาดเสียเทเสีย


คาร์ดินัล โรอังคาร์ดินัล โรอัง


โรอังเชื่อหัวปักหัวปำว่านางตัวปลอมที่มาดามจีนจ้างมาหลอกเขา แม้พระราชินีจะไม่ยอมรับโรอัง แต่เขาก็ยังเชื่อว่าราชินีมีใจต่อเขา โรอังจึงซื้อสร้อยเส้นนั้นด้วยเงินกว่าพันล้านบาท และมอบให้มาดามจีน นางมาดามจีนเมื่อได้รับเพชรแล้วก็นำไปให้สามีไปแบ่งขายทันที
ความจริงถูกเปิดเผยเสียจนหมด แต่ยังไงประชาชนชาวฝรั่งเศสไม่เชื่อความนั้น เขาเห็น มาดามเดอร์ ลามอตต์ เป็นคนดี และเสียใจเมื่อนางถูกเหล็กตัวยูเผาบนนองของนางเหมือนในการ์ตูน
ในสายตาชาวฝรั่งเศส เขามองพระนางมารีตรงกันข้ามกับมาดามจีน เขาบอกว่าพระนางเป็นผู้หญิงแพศยา ใส่ร้ายป้ายสีให้มาดามจีน และซื้อครื่องเพชรราคาพงหูฉี่ ได้อย่างขนหน้าแข่งไม่ร่วง ขณะที่เศรษฐกิจของบ้านเมืองกำลังอยู่ในสภาวะตกต่ำ อดอยาก ประชาชนในสมัยนี้ส่วนมากจะเป็นขอทานเพราะไม่มีอันจะกิน ผิดกับพวกขุนนางไฮโซที่สุรุ่ยสุร่ย ฟุ่มเฟือย  ทั้งการแต่งกาย อาหารการกิน


 


ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่16 ได้มีการขอร้องให้พระเจ้าหลุยส์ที่16 ช่วยประชาชน แต่รัฐบาลฝรั่งเศสกลับออกกฎหมายขึ้นภาษี 
เหตุการณ์บ้านเมืองในสมัยนี้ปั่นป่วน อุตลุต กันมาก ข้าฟันกันเป็นรายวัน วันละห้าสิบกว่าคน 
14 กรกฏาคม เกิดปฏิวัติฝรั่งเศสพระเจ้าหลุยส์ที่16 และพระนางมารี อังตัวเน็ตต์ หนีออกจากพระราชวังแวร์ซายกันปั่นป่วน ชาววังวิ้งหนีกันชุนละมุน พระเจ้าหลุยส์ 16 และพระนางมารีมีพระดำริอยากจะให้ใช้การปกครองแบบเก่า แต่พวกรัฐบาลต้องการการปกครองแบบใหม่คือแบบมีประธาณาธิบดี ด้วยเหตุนี้พระเจ้าหลุยส์ที่16 และพระนางมารีจึงหนีออกจากพระราชวัง 
พอท่านหนีออกจากพระราชวัง พวกทหารเห็นพระเจ้าหลุยส์ กับมารี และเหล่าพระบรมวงศ์กำลังจะข้ามไปพรมแดนประเทศอื่น จึงถูกจับ แต่ท่านหนีการจับกุมออกมาได้ และจึงคิดจะข้ามพรมแดนอีก แต่ก็ถูกจับอีกทีหนึ่ง
ท่านถูกจับไปขังคุก ประชาชนฝ่ายปฏิวัติจับขุนนางเก่าๆแก่ๆรวมทั้งขุนนางใหม่ๆในการปกครองแบบเก่า รวมถึงจับพวกชาววังมาตัดหัวเสียบประจานไว้ที่หน้าคุก พระราชินีมารี ก็ทอดพระเนตรอยู่ทุกวัน 
ทุกครั้งที่ท่านทอดพระเนตรศีรษะเหล่านี้พระนางมารีถึงกับประชวรพระวาโยทุกครั้งไป
โดยเฉพาะศีรษะของเจ้าหญิงแลมบลังก์ นางกำนัลผู้ซื่อสัตย์ มีความงดงาม และเรียบร้อยที่สุด ศีรษะของแลมบลังก์ตอนที่ท่านทอดพระเนตรมันเป็นศีรษะที่เน่าเหม็น มีหนอนไชอยู่ทั่ว ผมที่เคยหวีเรียบร้อยกลายเป็นผมยุ่งเหยืองน่าขนพองสยองเกล้ามาก พระราชินีทอดพระเนตรแล้วถึงกับทรงประชวรพระวาโยกันเป็นการใหญ่ 
แต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจพระนางปล่อยให้พระนางประชวรอยู่อย่างนั้น พระนางต้องช่วยพระองค์เอง สุดท้ายก็หายได้


 


คณะปฎิวัติจับกุมพระราชโอรสที่ยังเยาว์พระชนมายุไปเป็นเด็กเสริฟล้างจานของมาราต์ หัวหน้าฝ่ายปฎิวัติ พระนางทรงพระกันแสงจนแทบขาดพระทัย ทรงประชวรพระวาโย ทรงดึงรั้งไม่ให้จับพระโอรสของพระนางไปจนสุดปลายพรหัตถ์ 
ประชาชนทารุนและด่าว่าพระนางมารีเป็นนางมารร้ายแห่งศตวรรษ จนพระเกศาไปเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน


 


21 มกราคม 1792 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงถูกนำตัวขึ้นแท่นประหานที่ปลาสเดอร์ลาร์คองคอร์ต บนนั้นมีเครื่องกิโยตินคมกริบ(เครื่องประหารชีวิตของชาวฝรั่งเศส จะมีใบมีดอยู่ด้านบนแล้วให้คนพาดหัวไปที่เว้า แล้วปล่อยใบมีดลงมา คิดแล้วเสียวมากเจียว)  
พวกเขาจับพระหลุยส์ ที่16มัดกับกระดานเสร็จ แล้วกระดกให้นอนคว่ำลง พระศอพาดตรงเว้าพอดี แล้วมีใบมีดยักษ์หล่นลงมาตัดพระศอกระเด็นน่าสยอง พระโลหิดอาบพระพักตร์อย่างน่าเวทนา


 


3 กรกฎาคม หลังจากพระเจ้าหลุยส์ถูกสำเร็จโทษได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่มาตัดพระเกศา พระนางมารีแค่พระศอ นำตัวพระนางขึ้นสู่กิโยตินอันนั้นทีสำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์ที่16  
เขาจับหน้าพระนางหงานขึ้นมองมีดกิโยตินตัดพระศอพระนาง อันเป็นท่าที่น่าเจ็บ ทารุณมากที่สุด
เขาเล่ากันว่าเมื่อตัดพระเศียรแล้วทุกคนมองเห็นว่า พระเศียรนั้นมีการขยับพระเนตร น้ำพระเนตรไหล
แต่ผมคิดว่าถ้ามองตามหลักวิทยาศาสตร์เเล้วเหตุการณ์แบบนี้เป็นไปได้ เพราะตอนที่พระนางถูกตัดพระเศียรนั้นกระทันหันมาก


เมื่อถูกตัดพระเศียรก็ยังคงมีเลือดไหลเวียนที่พระเศียรอยู่ ทำให้กล้ามเนื้อทำงานบริเวณนั้นได้ครู่หนึ่ง


นี่คือพระนางรูปสุดท้ายตอนพระนางจะขึ้นสู่กิโยตินนี่คือพระนางรูปสุดท้ายตอนพระนางจะขึ้นสู่กิโยติน

ส่วนพระวรกาย ไร้วิญญาณของพระนางมารี อังตัวเน็ตต์ ถูกทิ้งไว้กลางดินในป่าช้า อืดเน่าสลายอย่างน่าอนาถ จนต่อมามีชาวบ้านที่มีน้ำใจช่วยเก็บไปฝัง ปัจจุบันทางฝรั่งเศสได้ทำโลงหินอ่อน เก็บส่วนที่เหลืออยู่ของพระนาง"พระราชินีที่สถิตยอยู่ในโลกเพียง38พรรษา"


 


พระนางมารีจะมีความผิดหรือไม่ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้อ่าน แต่ขอบอก
ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง.......


 


 


เครดิต คุณ VUN แห่งเว็บวิชาการ.คอม


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์