ธรรม...กับ...เวลา

ธรรม...กับ...เวลา


เรื่องเวลานี่...ขอพูดอีกทีนะ...ขอร้องให้ช่วยจำ
ให้เข้าใจให้ดีๆเถอะ มันไม่ค่อยมีใครพูดบ่อยนักหรอก
คนโง่มันว่าเวลาไม่มี สิ่งที่เรียกว่า..'เวลา' ไม่มี
ลมๆแล้งๆไม่มีเวลาไม่ต้องพูดถึง พูดอย่างนี้ก็มี
ลูกเด็กๆที่มันยังไม่รู้อะไร มันก็เอ้อ...นาฬิกาเดินเวลามันก็มี
เพราะนาฬิกาเดิน ภารโรงตีระฆัง มาไม่ทันก็ถูกตี
นาฬิกามันเดิน นั่นคือ...เวลา...เวลา...

ทีนี้สำหรับพุทธบริษัท...เป็นเกียรติยศสูงสุดไหม...?
เป็นพุทธบริษัทนี่ต้องรู้เรื่องเวลา...ต้องรู้เรื่อง..'เวลา'
ว่ามันมีอยู่จริง เวลาๆ คือระยะที่มันมีความต้องการ
จิตมีความต้องการแล้วเป็นระยะไปกว่าที่จะได้ตามต้องการ
จะกี่วันกี่เดือนกี่ปี ไม่รู้ล่ะ..ถ้ามีความต้องการ แล้วยังไม่ได้
ตามต้องการ รออยู่ด้วยความกระหายจนกว่าจะได้ตามความ
ต้องการระยะนั้นน่ะ เรียกว่า...'เวลา' นาฬิกาเดินเหมือนกับวิ่ง

วันคืนเดือนปี ดวงเดือน ดวงจันทร์กำหนดวันเดือนปี
นั่นไม่ใช่เวลา...ถ้าไปถือว่านั่นเวลา จะไม่รู้อะไร..
นั่นมันเป็นเครื่องกำหนดเวลาแล้ว...ที่บัญญัติเป็นวินาที เป็นนาที
เป็นชั่วโมง เป็นวัน เป็นเดือน เป็นฤดู เป็นปี...
นั่นเป็นเครื่องกำหนดเวลา ไม่ใช่ตัวเวลา มันทำอะไรไม่ได้...

ตัวเวลาแท้ๆ คือมันต้องการแล้วยังไม่ได้ตามที่ต้องการ
แล้วมันกัดกินหัวใจนั้น มันกัดกินหัวใจคนที่มีความต้องการนั้น
เวลาคือสิ่งที่กัดกินหัวใจของบุคคลผู้มีความต้องการอย่างใด
อย่างหนึ่งอยู่ นั่นน่ะคือ...'เวลา' ระยะจะสั้นจะยาวเท่าไรมีเครื่อง
วัดกำหนดอย่างนั้นก็ตามใจ นั่นมันเครื่องกำหนดเวลา
มันไม่ใช่เวลา....

แต่ถ้าเวลาแล้วต้องตั้งตนด้วยความอยากกิเลสตัณหา
ลองตั้งต้นความอยากแล้วยังไม่ได้...ยังไม่ได้ ยังพยายามดิ้นรน
อะไรอยู่จนกว่ามันจะได้ พอได้มันก็หยุดไปทีหนึ่ง จนกว่ามันจะ
ตั้งต้นใหม่ เวลานั้นนาฬิกาวิ่งเวลาที่เรานอนหลับที่นาฬิกาไม่เดิน
เราหยุดพักเสีย นาฬิกาไม่เดินพอถึงเวลาทำงานนาฬิกาเดิน
เดินมาก เดินช้าเดินเร็วแล้วแต่ความต้องการมากหรือน้อย...

ถ้าเป็นพุทธบริษัท...ขอให้จำพระพุทธภาษิต เรื่องนี้ไว้สักข้อ...
พระพุทธเจ้าตรัสว่า...'เวลาย่อมกินสรรพสัตว์พร้อมทั้งตัวมันเอง'
ถ้าใครเคยบวชเรียนนักธรรมตรีมาแล้ว จะรู้นะ...
เวลากัดกินสรรพสัตว์พร้อมทั้งตัวเอง เวลามันกัดหัวใจของ
สรรพสัตว์ธรรมดาสามัญผู้ยังมีกิเลสอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่
ต้องการๆๆๆ อยู่ เมื่อมีความต้องการก็เกิดสิ่งที่เรียกว่า...
เวลา เวลากัดหัวใจคนนั้นตลอดเวลาเหมือนกัน...

แล้วก็มีพระพุทธภาษิตกล่าวไว้ว่า...'ผู้ใดกำจัดตัณหาเสียได้...
ผู้นั้นกินเวลา'...นี่มันกลับกันอย่างนี้ ผู้ใดไม่มีตัณหา...
คือ ฆ่าตัณหาเสียได้ ผู้นั้นกินเวลา ผู้ใดมีตัณหา มีความอยาก
มีความต้องการ เวลากัดกินผู้นั้น แต่ผู้ใดไม่มีตัณหา หมดตัณหา
เลิกตัณหาเสียได้ ผู้นั้นจะกลายเป็นผู้กินเวลาอย่างตรงกันข้าม
จริงหรือไม่จริง จะสงบกี่มากน้อยสูงสุดกี่มากกี่น้อย...
แท้จริงกี่มากกี่น้อย...ฯ

~หลวงปู่พุทธทาสภิกขุ~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์~



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์