ความหวัง กับ ความคาดหวัง

ความหวัง กับ ความคาดหวัง




ความหวังทำให้หัวใจอบอุ่น.....แต่ความคาดหวังกลับทำให้ชีวิตร้อนรนดังนั้นการที่เราจะคาดหวังให้ใครคนนั้นเป็นอย่างนั้น...ให้คนนี้เป็นอย่างนี้จึงเป็นเรื่องที่ลำบาก ต่อการมีชีวิตกับความคาดหวัง

บ่อยครั้งที่คนเรารู้สึกผิดกับหลายๆอย่างที่ได้ทำลงไป บ่อยครั้งที่เราอยากแก้ตัวใหม่ อยากที่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต นั่นก็เพราะตัวของเราเองยังไม่ดีอย่างที่เราคิดนั่นเอง แล้วเราจะไปหวังให้คนอื่นๆเป็นได้ดังใจของเราได้อย่างไร

การที่เราคบใครสักคนต้องใช้เวลามหาศาล....เวลาเช่นนั้นจึงมาแบ่งชีวิตของเราจากโลกที่เราเคยมีโอกาส ทำสิ่งต่างๆตามอำเภอใจออกไป..เฉกเช่นการวาดรูปภาพด้วยสีน้ำมัน ต้องอาศัยพู่กันหลายขนาด อาจต้องใช้สีหลายประเภท ต้องมีการลบ การแก้ไข วาดใหม่อยู่หลายครั้งหลายครา

แม้กระนั้นภาพที่ปรากฎออกมา อาจไม่เป็นเหมือนที่เราฝันไว้ก็ได้ แต่การวาดรูปดังกล่าว...อย่างน้อยก็ควรจะต้องมีอะไรสักอย่าง ที่ไปในทิศทางเดียวกันบ้าง เช่นโทนสี ถึงจะไม่ใช่โทนเดียวกัน แต่ก็ไม่ควรขัดแย้งกันจนดูผิดไปจากความตั้งใจ

ดังนั้นถ้าจะเปรียบกับการคบหาสมาคมกันแล้ว แม้ไม่จำเป็นจะต้องเหมือนกันทุกอย่าง แต่ก็ไม่ควรที่จะต่างกันไปทุกเรื่อง


หากแม้คนที่เราคบบางคนไม่ได้เป็นและไม่ใช่อย่างที่เราคิด ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก...เพราะบางทีก็ต้องปล่อยให้ชีวิตมันได้เรียนรู้บ้าง

ขึ้นชื่อว่าคน มีทั้งดีบ้าง...เลวบ้าง ......ใช่บ้าง..ไม่ใช่บ้าง จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่เราจะต้องเกิดความปวดร้าวเลย...เพราะจิตใจนั้นมีกลไกที่สลับซับซ้อนมีความรู้สึกที่ยากหยั่งถึง จนแม้แต่ตนเองก็ไม่สามารถบอกอะไรได้ว่า...ตนเองเป็นอะไรไป ด้วยทุกคนรู้ว่า.... "สิ่งที่เข้าใจยากที่สุด คือสิ่งที่ไม่มีวันเข้าใจ"....

จิตใจคนเรานั้นอยู่เหนือการควบคุม ...เมื่อสุดความสามารถแล้วก็จงปล่อยมันไป อย่าเก็บกลุ้มจนเป็นปัญหา....เพราะปัญหานั้นจะจับเราโยนเหวี่ยงเข้าไปขังในห้องมืดทึบอย่างแรง แต่ทว่าพลาดไปก็ไม่จำเป็นต้องตกใจมากมาย จนเสมือนรีบร้อนหาทางออกมา

หยุดนิ่งๆ นั่งปรับใจ...ปรับอารมณ์..เสมือนปรับสายตาให้เคยชินสักพัก การที่เราปลีกตนเองออกมาเงียบๆไม่มีคนรบกวน ทำให้เรามีเวลาทบทวนอะไรต่างๆมากขึ้น โดยให้กำลังใจตนเองด้วยความจริงว่า..

ห้องทุกห้องในโลกนี้ย่อมมีประตู แต่เพราะความมืดมีมากจึงทำให้เราหาประตูนั้นยากสักนิด จงอย่าท้อถอย...แสงสว่างที่ลอดมาจากช่องประตูอาจเลื่อนรางยิ่งนักแต่นั่นก็เป็นสิ่งเดียวที่จะบอกเราได้ว่า...เรายังมีความหวัง ด้วยเพราะแสงสว่างเพียงเล็กน้อยนั้นนั่นเอง..

ความจริงที่เราทุกๆคนไม่อาจโต้แย้งได้นั้น ก็คือ..เราแต่ละคนมีความรักตัวเองเป็นอย่างยิ่ง


มีพุทธภาษิตตรัสไว้ว่า....ทรงตรวจดูไปทั่วทิศทั้งปวงแล้ว
ก็ทรงพบว่าตนเองนี่แหละเป็นที่รักของตน

เพราะฉะนั้นเมื่อรักตนและมีความยึดชีวิตยิ่งอย่างนี้ สิ่งที่ต้องกลัวด้วยกันทั้งนั้นก็คือ...ลัวตาย เพราะความตายนั้น เป็นสิ่งที่มาเด็ดเอาสิ่งที่รักยิ่งไป
คือมาตัดรอนตน...ฆ่าตนนี้เองให้สิ้นไป

หรือหากจะเปรียบชีวิตของคนเราก็เหมือนใบไม้...ก็เป็นใบไม้ที่ไม่รู้วันร่วงหล่นของตนเอง เมื่อถึงเวลาที่ปลิดขั้ว....ก็เพียงปลิดปลิวลงจากกิ่งก้าน ใบไม้สีน้ำตาลที่ร่วงหล่นตามกาลเวลา ก็ได้ทำหน้าที่ของมันมาแล้วอย่างดี หน้าที่ที่ได้เคยมอบร่มเงาให้ผู้คนได้พักพิง เคยให้อากาศยามเช้า และให้ความสดชื่นอวดใบที่สะพรั่งให้ต้นไม้สวยงามและสมบรูณ์ก่อนที่จะปลิดปลิวลงสู่พื้นดิน

หลากหลายเหตุผล ที่ทำให้ใบไม้สีเขียวต้องร่วงหล่น ด้วยเพราะแรงลม และบางใบก็โดนเด็ดเล่น...จะเห็นได้ว่าทุกอย่างอยู่เหนือการคาดคิด... และเกินกว่าจะตั้งตัวทัน เช่นเดียวกับชีวิตของเราทั้งหลายที่ยังมีชีวิตอยู่..ไม่อาจกำหนดวันสุดท้ายของตนเองได้

แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีวันสุดท้ายด้วยกันทั่วถ้วน..จึงไม่ควรลังเล ที่จะรอเวลาที่จะทำประโยชน์ให้กับโลก...เพราะโลกไม่มีเวลาให้ใครมากพอ



๏ ๏ อย่ารอถึงวันพรุ่งนี้..
เพราะพรุ่งนี้ไม่เคยมีมาถึง

วันนี้เท่านั้น..วันนี้..จงเริ่มต้นเป็นร่มเงา
เป็นที่พักพิง เป็นทุกๆอย่างเท่าที่สามารถเป็น
จงเริ่มหยิบยื่นน้ำใจไมตรีให้คนรอบข้าง



คนทีเรารัก คนที่เรารู้จัก..และคนแปลกหน้า เพราะหากถึงเวลาดังเช่นใบไม้ใบนั้น เราจะได้ไม่ต้องถามว่า....มีอะไรอีกไหมที่เรายังไม่ได้ทำ เพราะกาลเวลา..ที่นำพาทุกอย่างมาสู่ชีวิต และก็พร้อมที่จะเอากลับคืนทุกวินาที....จึงควรสะสมคุณค่าแห่งความดีให้มีมากขึ้นในตัวเองเถิด

เพราะขณะที่เราใช้เวลามากขึ้นๆๆ..ชีวิตของเราก็เหลือน้อยลงทุกที ถ้าเราไม่สร้างประโยชน์ทิ้งไว้...สักวันชีวิตเราก็จะหายไปจากโลกโดยไม่เหลืออะไรเลย.



ด้วยความปรารถนาดีเสมอค่ะ
พี่ดอกแก้ว
๒๖ พค. ๒๕๕๓



ลานธรรมจักร

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์