ปลดปล่อยความคิดเห็นผิด(ปมแห่งความผูกมัด)

ปลดปล่อยความคิดเห็นผิด(ปมแห่งความผูกมัด)




ปมข้อที่หกคือ ความคิดเห็นที่ผิด เป็นการมองที่ผิด เรามีความคิดเห็นอยู่ 5 ประเภทที่จะบอกได้ว่าเป็นความคิดเห็นที่ผิด

ความคิดเห็นที่ผิดอย่างแรกคือ กายนี้เป็นตัวฉัน ฉันคือกายนี้ ถ้าเธอเข้าใจหรือเชื่อว่าเมื่อเธอตายไปแล้วเธอจะไม่อยู่ตรงนั้นอีก และเธอเชื่อว่าก่อนที่จะเป็นกายนี้เธอไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น นั่นคือความคิดเห็นที่ผิด

ความคิดเห็นที่ผิดอย่างที่สองคือ ความเชื่อในความคิดเห็นที่เป็นสองขั้ว การเชื่อว่าฝ่ายขวานั้นตรงกันข้ามกับฝ่ายซ้าย เชื่อว่ามีการเกิด-มีการตาย เชื่อว่ามีข้างนอก-มีข้างใน เชื่อว่ามีการเป็นอยู่-มีการไม่เป็นอยู่ เชื่อว่ามีความเหมือนกัน-มีความต่างกัน ความคิดเห็นที่มองทุกสิ่งออกเป็นสองขั้วที่เป็นคู่ตรงข้ามกัน การมองแบบนี้จะนำความทุกข์มาให้เราทั้งสิ้น พระพุทธองค์ทรงพยายามทำให้เรามีความสามารถ ที่จะข้ามพ้นความคิดเห็นที่เป็นคู่ตรงข้ามกันแบบนี้ เพื่อให้เราเข้าสู่ความเป็นอิสระ ความเป็นอิสระที่ข้ามพ้นความคิดเห็นสองขั้วนั่นคือการมองทางสายกลาง นั่นจะทำให้เราไม่ติดยึดแบบนี้ นี่เป็นคำสอนที่กว้างและลึกมาก

ความเห็นที่ผิดข้อที่สามคือ การยึดติดอยู่กับความคิดเห็นใดความคิดเห็นหนึ่ง เมื่อมีความคิดเห็นเช่นนี้ นั่นคือจุดจบในความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณของเธอ เมื่ออะไรก็ตามที่เธอได้เรียนรู้ ได้ยิน เธอควรจะมีความระมัดระวัง และไม่ควรจะตัดสินไปว่ามันคือความจริงอันสูงสุด เธอควรปล่อยวางเพื่อจะได้ก้าวเข้าไปสู่ความจริงที่สูงขึ้น เมื่อเธอมีปัญญาเห็นชอบในเรื่องหนึ่ง และเธอคิดว่าปัญญาเห็นชอบนั้นเป็นความจริงอันสูงสุดแล้ว เธอย่อมไม่สามารถที่จะรับความจริงที่สูงกว่านั้น และเธอก็ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง เธอต้องมีความพร้อมที่จะปลดปล่อยความเข้าใจของเธอ ปล่อยวางปัญญาที่ได้รับและความคิดเห็นที่เธอมีอยู่ เหมือนกับเธอเดินขึ้นบันได เมื่อเราเดินขึ้นบันไดไปถึงขั้นที่สี่ เราคิดว่านั่นคือขั้นสูงสุดแล้ว เธอก็จะไม่สามารถเดินขึ้นบันได้ที่สูงขึ้นไปได้อีก เธอต้องปล่อยวางขั้นที่สี่เพื่อที่จะข้ามไปยังขั้นที่ห้า เมื่อเธอเดินขึ้นไปบนขั้นที่ห้าเธอก็ควรที่จะพร้อมปลดปล่อยขั้นที่ห้าเพื่อที่จะเดินขึ้นไปบนขั้นที่หก เพราะฉะนั้น หากความรู้หนึ่งเป็นอุปสรรคต่อความรู้อื่น เธอควรปลดปล่อยความรู้นั้นเพื่อเข้าไปสู่ความรู้หรือความเข้าใจที่สูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง นี่คือความหมายของการไม่ติดยึดกับความคิดเห็น ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์มาก เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติหรือควรปฏิบัติ

ความคิดเห็นที่ผิดข้อที่สี่คือ ความเชื่อที่ว่า สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นโดยไม่มีเงื่อนไขปัจจัย นั่นคือความคิดเห็นที่บิดเบือน กฎที่แท้จริงคือ เมื่อเธอได้มีความคิดเห็นอันใด เธอก็จะได้ผลผลิตจากความคิดเห็นนั้น เมื่อเธอบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความโกรธ เธอก็จะได้รับผลนั้น เมื่อเธอบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งการคิดแบบนี้ เธอก็จะได้รับผลของการคิดเช่นนั้น เมื่อเธอสังเกตสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างลึกซึ้ง เธอก็จะเห็นว่า สิ่งนั้นเกิดขึ้นเพราะเงื่อนไขเหตุปัจจัยหลายอย่างมารวมกันที่ทำให้เกิดผลเช่นนั้น แต่ถ้าเธอไม่คิดว่ามันมีเหตุปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เกิดผลนั้นขึ้นมา เธอคิดว่ามันมีเหตุอย่างเดียวที่ทำให้เกิดสิ่งนั้นขึ้นมา นั่นคือความคิดเห็นที่บิดเบือน

หากเธอไม่เชื่อว่าความทุกข์นั้นเกิดขึ้นจากวิถีการใช้ชีวิตของเรา นั่นคือความคิดเห็นที่บิดเบือน นั่นก็คือการกระทำที่ผิด ความคิดเห็นที่ผิด เธอคิดว่าความทุกข์มันเกิดขึ้นมาของมันเอง โดยไม่คิดว่ามันมีเหตุมาจากการดำเนินชีวิต นี่คือความคิดเห็นบิดเบือนจากความเป็นจริง

ความเห็นผิดข้อที่ห้าคือ ความเชื่อทางไสยศาสตร์ หากเธอเชื่อว่าการมีพิธีกรรมแบบนี้จะทำให้เธอได้รับการปลดปล่อยออกมาจากนรกหรือบาป นั่นคือสิ่งที่เธอยึดติดกับความเชื่อในพิธีกรรม เมื่อเธอเชื่อว่าเธอทานเนื้อสัตว์อะไรก็ได้ยกเว้นเนื้อวัว เมื่อเธอไม่ทานเนื้อวัวแล้วจะทำให้เธอเป็นนักบุญ หรือเธอทานเนื้ออะไรก็ได้ยกเว้นเนื้อหมู นี่เป็นเช่นเดียวกันกับความคิดต้องห้ามที่เรามีต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ความคิดในแง่ไสยศาสตร์เหล่านี้ไม่ช่วยให้เธอเป็นอิสระ สิ่งที่จะนำมาซึ่งการปลดปล่อยคือความเข้าใจจนเกิดปัญญา ใช่ว่าการสังเกตถึงความคิดต้องห้ามแบบนี้จะทำให้เธอเป็นอิสระ นั่นไม่เพียงพอ เธอต้องมองอย่างลึกซึ้งและเข้าใจอย่างแท้จริง เธอถึงจะปลดปล่อยได้

นี่คือความคิดเห็นผิด 5 ประการที่เธอจะต้องปลดปล่อยจากจิตปรุงแต่งของเธอ




ที่มาหมู่บ้านพลัม
ธรรมบรรยายโดย ท่านติช นัท ฮันห์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์