ผู้ปราถนาพุทธภูมิ

ผู้ปราถนาพุทธภูมิ




ในสมัยหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่นั้น...

ศิษย์จะได้ยินคำว่าพระโพธิสัตว์ หรือคำว่าพุทธภูมิไม่บ่อยนัก หลวงปู่ดู่มักจะกล่าวถึงก็เฉพาะกับหลวงปู่ทวด


คำว่าพระโพธิสัตว์ หรือพุทธภูมินั้นเป็นคำที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าใคร ๆ จะมาพยากรณ์กันเอง คำว่าพระโพธิสัตว์มักจะหมายถึงพระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว จึงมีความแน่นอน ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พูดแล้วเป็นหนึ่ง ไม่เป็นสอง ต้องเป็นจริงตามนั้น ดังนั้น หากใครบอกว่าลาพุทธภูมิ นั่นย่อมหมายความว่ายังไม่เคยได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง จึงอาจไม่แตกต่างจากสัตวโลกทั้งหลายที่พากันปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้าในวันที่พระพุทธองค์เสด็จกลับจากดาวดีงส์ พร้อมกับบันดาลให้สัตว์โลกทุกภพภูมิได้มองเห็นกันหมด ทำให้มนุษย์ รวมทั้งสัตว์ภพภูมิอื่น ๆ พากันตั้งความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้ากันมากมาย

ตามธรรมดาแล้ว บุคคลผู้ที่มีคุณสมบัติพร้อมต่อการได้รับพยากรณ์นั้นต้องเป็นผู้ที่ทรงอภิญญา ๕ และพร้อมจะบรรลุอรหัตผลในวันที่ได้รับพยากรณ์นั้นเอง แต่มีฉันทะที่จะบำเพ็ญเพียรเพื่อขนสัตว์โลกไปพระนิพพาน จึงไม่เบนเข็มไปในทางบรรลุนิพพานในชาตินั้น

คำว่าพระโพธิสัตว์หรือพุทธภูมิที่พากันใช้เกล่อไปนั้น เป็นความล่อแหลมอยู่ไม่น้อย เพราะอาจเป็นช่องให้กิเลสความหลงมาครอบงำได้ง่าย
ข้อเสียที่เห็นชัดเจนก็คือทำให้ไม่อุสาหะพากเพียรปฏิบัติขัดเกลากิเลสในภพชาติปัจจุบัน ด้วยคิดหวังจะสร้างนั่นสร้างนี่ไปเรื่อย ๆ เพื่อปูทางไปสู่ความเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ทั้งที่ได้ลาภอันประเสริฐที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสพบธรรมคำสอน พบครูบาอาจารย์ดี ๆ ก็มิได้ปฏิบัติให้เต็มที่ หากพ้นจากชาตินี้ไปแล้ว จะมีอะไรเป็นหลักประกัน อย่าว่าแต่จะมาพบพระธรรมคำสอนอีกเลย แม้เพียงการได้เกิดเป็นมนุษย์อีกก็ยังยาก

มีเรื่องทำนองนี้ คือ มีศิษย์ของหลวงปู่นำเรื่องราวของ หลวงตามหาบัว มาเล่าถวายให้ท่านฟัง เรื่องมีอยู่ว่า หลวงตาสังเกตเห็นศิษย์คนหนึ่งไม่ค่อยขยันภาวนา เมื่อหลวงตาถามว่าทำไม เขาก็ตอบท่านว่า เดี๋ยวก่อน เพราะเขาปรารถนาว่าจะไปบรรลุธรรมในยุคพระศรีอาริย์ หลวงตาเลยพูดสอนเสียงดังว่า

"ชาตินี้ยังไม่เอาไหน ชาติหน้าก็จะยิ่งไม่เอาไหน แล้วคนไม่เอาไหน มีเหรอ จะคู่ควรไปเกิดในยุคพระศรีอาริย์ ถึงไปเกิดก็เป็นคนไม่เอาไหน ไม่มีทางบรรลุธรรมได้หรอก"

หลวงปู่ดู่ฟังแล้วก็หัวเราะชอบใจ กล่าวรับรองว่าเป็นจริงอย่างนั้น

ที่เล่ามานี้ ก็เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ ให้ไม่ประมาท และไม่ต้องเสียเวลาวิตกวิจารณ์ไปกับเรื่องที่ว่าเราจะเป็นสาวกภูมิหรือพุทธภูมิ เพราะความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก มันใกล้ตัวเข้ามาเกินกว่าจะเสียเวลาคิดเรื่องเหล่านี้แล้ว หลวงปู่ท่านให้ทุกคนตั้งเป้าอย่างเดียวกันคือ หนึ่งในสี่ หรือที่ท่านใช้คำว่าหัวสะพาน อันเป็นภาวะที่เที่ยงแท้ว่าจะไม่ลงนรกอีก




ที่มา
http://board.palungjit.com/

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์