การมีศีลจัดว่าเป็นกำไรชีวิต


ศีล หมายถึง ข้อบัญญัติที่กำหนดเป็นแนวทางการปฏิบัติของกาย และวาจา ทางพระพุทธศาสนา

ศีลมีอยู่ 5 ประเภท คือ
1. ภิกขุศีล มี 227 ข้อ
2. ภิกขุณีศีล มี 311 ข้อ
3. สามเณรศีล มี 10 ข้อ
4. คฤหัสถ์ศีล มี 5 ข้อ
5. อัฏฐศีล มี 8 ข้อ

สำหรับศีลของผู้ครองเรือนนั้น โดยเฉพาะเบญจศีล เป็นการรักษาเจตนาที่จะควบคุมกาย และวาจาให้เป็นปกติ คือ ไม่ทำบาป ด้วยการละเว้น 5 ประการ คือ

1. ปาณาติบาต คือ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ และการเบียดเบียนสัตว์ ทุกประเภท
2. อทินนาทาน คือ ละเว้นจากการลักขโมย ปล้นจี้ ฉกชิง วิ่งราว เป็นต้น
3. กาเมสุมิจฉาจาร คือ ละเว้นจากการประพฤติผิดในกามด้วยการล่วงละเมิด ลูก เมีย ผัวคนอื่น
4. มุสาวาท คือ ละเว้นจากการพูดปด หรือโกหกหลอกลวง พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ พูดเหลวไหล พูดส่อเสียด พูดคำลามก เป็นต้น
5. สุราเมระยะ คือละเว้นการเสพของมึนเมา เพราะจะเป็นที่มาของการผิดศีลในข้ออื่น ๆ

และเบญจศีลทั้ง 5 ข้อนี้จะเกิดขึ้นมาได้ก็เพราะบุคคลผู้นั้นมีเบญจธรรมประจำตัวเท่านั้น คือ.
1. เมตตา คือบุคคลใดที่มีเมตตาย่อมไม่ฆ่า หรือเบียดเบียนสัตว์ด้วยรู้ดีว่าทุกชีวิตย่อมมีความรักตัว และกลัวตายเช่นเดียวกับเรา ทำให้ไม่ผิดศีลในข้อปาณาติบาต
2. สัมมาอาชีพ คือประกอบอาชีพที่สุจริต มีรายได้ รู้จักใช้จ่าย และที่สำคัญรู้จักคำว่าพอดีและมีหิริโอตตัปปะคือ ความละอาย และเกรงกลัวต่อผลของบาป จึงทำให้ไม่ผิดศีลข้ออทินนาทาน
3. ความสำรวมอินทรีย์ คือระมัดระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ทำให้ความใคร่ในกามคุณ คือการติดใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ลดน้อยลง เมื่อความสำรวมเกิดขึ้น การล่วงเกินผู้อื่นก็ไม่มี
4. สัจจะ การพูดความจริง เป็นสิ่งที่ทำให้ไม่เกิดการมุสาวาท
5. สติ การรู้สึกตัว ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายกุศล ทำให้ชีวิตไม่ประมาท เพราะรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว ทำให้ไม่เกลือกกลั้วกับสิ่งที่จะทำให้ชีวิตตกต่ำ

เบญจศีลและเบญจธรรมนี้เอง เป็นธรรมที่นำให้เกิดเป็นมนุษย์ ดังนั้นความเป็นมนุษย์จึงวัดกันด้วยความมีศีล นั่นคือ


ผู้ใดมีศีลครบ 5 ข้อ จัดว่าเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ 100 %
ผู้ใดมีศีลเพียง 4 ข้อ จัดว่าเป็นมนุษย์เพียง 80 %
ผู้ใดมีศีลเพียง 3 ข้อ จัดว่าเป็นมนุษย์เพียง 60 %
ผู้ใดมีศีลเพียง 2 ข้อ จัดว่าเป็นมนุษย์เพียง 40 %
ผู้ใดมีศีลเพียง 1 ข้อ จัดว่าเป็นมนุษย์เพียง 20 %

ผู้ใดที่ไม่มีศีลก็ไม่จัดว่า เป็นมนุษย์ การรักษาศีลคือ การควบคุมกายวาจา ไม่ให้ผิดปกติ คือไม่ให้ทำบาป ฉะนั้นขณะใดเป็นผู้อยู่ในศีลควบคุมความปกติไว้ได้ ขณะนั้นบุญก็เกิดขึ้น บาปก็เกิดไม่ได้ เช่น ขณะที่เรานั่งฟังธรรมะ ขณะนั้นเราเป็นผู้มีศีลครบ เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ แต่เพราะความไม่เข้าใจ บางครั้งจึงทำให้ชีวิตขาดทุน เช่นการอาราธนาศีล และรับศีลจากพระ บางคนไม่กล้ารับศีลบางข้อ เช่น ผู้ชายที่มักดื่มเหล้าจะไม่กล้ารับศีลข้อ 5 ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้นเขาไม่ได้ดื่ม แสดงว่าขณะนั้นเขาไม่ได้ทำผิดศีลในข้อนั้น ชีวิตของเขาจึงขาดทุน เพราะขณะนั้นแทนที่จะเกิดบุญ กลับเกิดบาปแทน ก็เพราะความคิดที่ว่าเราไม่สามารถทำได้ในข้อนี้เท่ากับขณะนั้นระลึกว่าเราบาป

บุญกิริยาวัตถุในข้อทานมัย อันเป็นการทำความดีด้วยการสงเคราะห์คนอื่นด้วยวัตถุนั้น เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว

ส่วนสีลมัย ซึ่งเป็นกิริยาวัตถุที่ต้องควบคุมความประพฤติทางกาย และวาจานั้น จะต้องมีตลอดเวลาโดยอาศัยพื้นฐานของเบญจธรรม ดังตัวอย่างเช่น การทำทุจริตทางกายที่เกิดขึ้นได้เป็นเพราะผู้นั้นขาดเมตตา และมีกิเลส เช่นแม่ค้าที่ฆ่าปลา ฆ่าไก่ ก็เพราะต้องการเงิน ย่อมทำให้เกิดบาป (ทุจริต) ที่เกิดจากการฆ่าสัตว์ หรือการประทุษร้ายคนอื่นเพื่อต้องการทรัพย์ ย่อมทำให้เกิดบาป ที่เกิดจากการลักทรัพย์ เป็นต้น ฉะนั้นเมตตาเมื่อมีอยู่ตราบใด การที่เราจะนำกาย วาจา ไปทำความชั่วให้ผู้อื่นเดือดร้อนย่อมไม่มี พระพุทธองค์แสดงว่า ศีล คือการเว้นปาณาติบาต, เว้นอทินนาทาน, เว้นกาเมสุมิจฉาจาร, เว้นมุสาวาท, และเว้นจากการเสพของมึนเมา ทุกประเภท เมื่อทำได้อย่างนี้ ถือว่าเป็น "มหาทาน" คือเป็นทานอันเลิศ เพราะเป็นทานที่หาค่าประมาณมิได้

สำหรับอัฏฐศีล คือศีล 8 นั้น คฤหัสถ์ที่มีเจตนารักษาศีลในข้อนี้ มักจะไม่อยู่ประจำหรือนอนค้างที่วัด บางครั้งจึงเรียกศีล 8 นี้ว่า "อุโบสถศีล" ซึ่งการรักษาศีลในข้อนี้ ไม่เพียงควบคุมความปกติทางกาย วาจาเท่านั้น แต่เป็นการควบคุมทางใจด้วย โดยเฉพาะความยึดมั่นจากความยึดติดที่คิดว่าเป็นบ้านเรา ด้วยการไปค้างที่วัด และแม้ตัวเราซึ่งเคยดูแล ตกแต่งร่างกายให้ดูสวยงามด้วยเครื่องประดับ และของหอม ก็ต้องละออก ศีลชนิดนี้จึงมีข้อที่งดเว้น ละ มากขึ้น อานิสงส์ก็ย่อมมากขึ้นด้วย


อานิสงส์ของการรักษาศีล
1. ทำให้มีความสุขกาย สุขใจ
2. ทำให้เกิดทรัพย์สมบัติมากขึ้นได้
3. ทำให้สามารถใช้สอยทรัพย์นั้นได้เต็มอิ่ม โดยไม่ต้องหวาดระแวงภัย
4. ทำให้ไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะมีใครมาทวงทรัพย์คืน
5. ทำให้เกียรติคุณฟุ้งขจรขจายไป ทำให้ผู้อื่นเกิดความเคารพเชื่อถือ
6. ทำให้ชีวิตนั้นแกล้วกล้าองอาจท่ามกลางชุมนุมชน
7. ทำให้ไม่เป็นคนหลงลืมสติ
8. ตายแล้วย่อมไปเกิดในสุคติภูมิ

ดังกล่าวแล้วว่า ศีลเป็นมหาทาน คือทานอันเลิศ เพราะความมีน้ำใจ ไม่มีเวรภัยกับสัตว์ทั้งหลาย ผลที่เกิดขึ้นในชาติต่อ ๆ ไปจึงมีแต่ความสุขกาย สบายใจ เพราะทานจึงเกิดโภคทรัพย์ เป็นทรัพย์ที่ได้มาด้วยความสุจริต จึงไม่ต้องระแวงที่จะใช้ หรือจะมีใครมาทวง ผู้ที่มีศีลย่อมมีความเชื่อมั่น และที่สำคัญศีลนั้นจะนำไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์……


การมีศีลจัดว่าเป็นกำไรชีวิต

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์