“ บุญ ” แท้จริง คืออะไร ?????


บุญ

ธรรมะสบายดี ตอนนี้ ขอนึกถึง คำว่า บุญ ” นับตั้งแต่เกิดมา เราก็จะได้ยินคำพูด ที่เกิดขึ้นมาในโลก ว่า บุญ ” หรือ เราพูดขึ้นมาเอง ว่า “ บุญ ” และเราก็จะได้ยิน ได้พูด หรือ ได้พบเห็น คำว่า “ บุญ ” คู่กับคำอีกหลายต่อหลายคำมากมาย อาทิ ทำบุญ บุญกุศล ผลบุญ งานบุญ ได้บุญ บอกบุญ แสวบุญ ใจบุญ กองบุญ บำเพ็ญบุญ ทำบุญทำทาน ตามบุญตามกรรม สิ้นบุญ เดชะบุญ บุญวาสนา หมดบุญ บุญธรรมกรรมแต่ง บุญพาวาสนาส่ง บุญญาธิการ บุญบารมี ส่วนบุญส่วนกุศล บุญคุณ บุญเก่า บุญช่วย บาปบุญ บุญหนักศักดิ์ใหญ่ บุญญานุภาพ คู่บุญบารมี เจ้าบุญนายคุณ เนื้อนาบุญ นักบุญ และ อื่นๆ อีกมากมาย ใครนึกออก ขอให้ส่งเข้ามาในช่องความคิดเห็นด้านล่าง เผื่อจะได้คำว่า บุญ ” กันอีก.. = )

ผู้เขียนจึงเกิดความสงสัย ว่า แล้วคำว่า บุญ ” แท้จริง คืออะไร ?????

ผู้เขียนไปเปิด พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ พิมพ์ครั้งที่ ๒ ระบุ คำว่า บุญ ” ไว้ว่า เป็นคำนาม แปลว่า ความสุข ความดี คุณงามความดี ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น และก็ไปพบในเว็บthaigoodview ระบุว่า บุญ” โดยทั่วไปหมายถึง การกระทำความดี

ผู้เขียน ก็ไปค้นต่ออีกหน่อย แล้วก็พบว่า


คำว่า บุญ” มาจากภาษาบาลี คือ “ ปุญญะ ” แปลว่า เครื่องชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์
จึงทำให้ผู้เขียนเข้าใจได้ว่า คำว่า เครื่อง” ก็ อาจจะหมายถึงอะไรก็ได้ที่สามารถเข้าไปถึงข้างในจิตใจ ที่ทำให้จิตใจสะอาดบริสุทธิ์ แล้วเครื่องชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ อาจถูกเข้าใจแบบง่ายๆ ได้ เช่น การไปเที่ยว สูดอากาศบริสุทธิ์ เป็น เครื่อง” แล้วผลที่ได้ คือ ร่างกายสดชื่น จิตใจแจ่มใส แล้วสิ่งนี้ก็อาจจัดได้ว่า บุญ ”

แต่ในความหมายของคำว่า บุญ” จะไม่เป็นเพียงทำให้ร่างกายสดชื่นนะซิ แต่ “ บุญ ” ในความหมายตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้บวก ความดี คุณงามความดี เข้าไปด้วย

ในทางพุทธะ ซึ่ง พุทธะ หมายถึง ผู้รู้ ร่างกายสดชื่น จิตใจแจ่มใส เป็นเหตุ และ ผล ที่เกี่ยวเนื่องกับคำว่าบุญ ที่มิอาจปฏิเสธได้ และหากจิตใจที่แจ่มใส มีความต่อเนื่องต่อไป ก็อาจจะก้าวไปสู่ แห่งคำว่า บุญ ” ได้ เพราะ จิตใจที่แจ่มใส จะนำไปสู่การสร้างสิ่งที่ดีงาม ต่อไป


ที่นี่....เรามารู้จักกับคำว่า “ บุญ ” จาก พระนักปฏิบัติ กัน


“ บุญ ”  แท้จริง คืออะไร  ?????


ท่านพุทธทาสภิกขุ กล่าว่า บุญ ”
มีความหมายว่า ทำให้ฟู หรือ พองขึ้น บวมขึ้น นูนขึ้น
บุญ เป็นสิ่งที่ทำให้ฟูใจ พอใจ ชอบใจ

จากคำกล่าวนี้ของท่าน เห็นทีคงต้องรู้สึกด้วยตัวเอง = )





นอกจากนี้ ผู้เขียนขอพูดถึงบุญ ” จาก หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ พระเถระผู้ใหญ่ อายุ 91 ปีแล้วในปี พ.ศ. 2557 นี้ พระผู้ที่พุทธศาสนิกชนเคารพเลื่อมใสศรัทธามาก จนบางคนกล่าวขานท่านว่า เป็นนักบุญแห่งที่ราบสูง หลวงพ่อคูณ ให้ยึดมั่นและให้เชื่อว่า บาปมีจริง บุญมีจริง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ให้ปฏิบัติตามศีล ๕ อันเป็น รากเหง้าของศีล เท่านี้ก็นับว่าเป็นมนุษย์สุดประเสริฐแล้ว

หลวงพ่อให้ข้อคิดเกี่ยวกับการทำ“ บุญ ” ว่า การทำบุญ อย่าไปกลัวบุญ อย่าไปอายบุญ ต้องไปแข่งกับเขา ทำเหมือนกับการสร้างพระประธานเอาไว้ในโบสถ์ สร้างได้แค่องค์เดียว ต้องแย่งกันจอง เหมือนกฐินที่จะนำไปทอดวัดที่มีชื่อเสียง ถ้าไม่จองกันไว้ก่อน มีเงินล้นฟ้าเท่าไรก็ทอดไม่ได้ ฉันใด..ก็ฉันนั้น..

วันนี้ หลวงพ่อคูณ ได้ฝากผลงานจากดำริของท่าน ซึ่งท่านต้องการให้เงินทำบุญที่ชาวบ้านนำมาถวายไปใช้ให้เกิดประโยชน์ สิ่งที่หลวงพ่อดำริไว้ ปัจจุบันนี้ เสร็จสิ้นแล้ว คือ วิหารเทพวิทยาคม ” วิหารแห่งนี้ มีความวิจิตร สวยงาม ตระการตาอย่างมาก ตกแต่งด้วยเซรามิก ทุนสร้าง 300 ล้านบาท วิหารเทพวิทยาคม เป็นแหล่งความรู้ทางพุทธศานา ผลจากความคิดของหลวงพ่อคูณ ที่สร้างสถาปัตยกรรมอันสวยงาม อลังการเช่นนี้ จะเป็นแรงดึงดูดให้ผู้คนเดินทางไปเยี่ยมชม และเมื่อไปถึงก็จะต้องเข้าไปชมข้างในวิหาร ซึ่งหลวงพ่อได้นำเสนอเรื่องราวของพุทธศานาไว้ ถือเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งก็ว่าได้



วิหารเทพวิทยาคม วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา
เปิดให้เข้าชม ทุกวัน เวลา 08:30 - 17:00 น.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ 044-249-999





เมื่อวันที่ 31 มี.ค 57 ผู้เขียนได้ฟังสถานีวิทยุสังฆทานธรรม
FM 89.25 ช่วงค่ำ ซึ่งทางวัดจะนิมนต์พระจากที่ต่างๆ
ทั่วประเทศ ร่วมสวดอภิธรรมเนื่องในการ
มรณภาพของ
หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดสังฆทานธรรม

พร้อมนิมนต์ประธานสวดอภิธรรมเทศน์ ซึ่งในวันดังกล่าวนี้
พระที่มาเทศน์ คือ ศาสตราจารย์ ดร. พระพรหมบัณฑิต
(ประยูร ธมฺมจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ดร.พระมหาประยูร ได้เล่านิทานเรื่องหนึ่ง น่าสนใจดี ผู้เขียนขอนำมาเล่าต่อให้กับท่านผู้อ่านไว้ ณ ที่นี้ เรื่องมีอยู่ว่า

มีเศรษฐีคนหนึ่งรวยมาก เศรษฐีคนนี้ มีภรรยาตั้ง 4 คน ภรรยาคนที่ 4 สาวสวย เศรษฐีรักมากที่สุด มีเงินก็ให้ มีเครื่องประดับก็ให้ มีของอะไรต่างๆ ปรนเปรอ ให้ ภรรยาคนที่ 3 สาว เป็นคนฉลาดในการเข้าสังคม เศรษฐีควงไปนั่น ไปนี้ ภรรยาคนที่ 2 เศรษฐีไว้วางใจมากที่สุด เรียกว่าเพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ ทำธุรกิจก็เป็นที่ปรึกษา ส่วน ภรรยาคนที่ 1 ก็คือ ภรรยาหลวง ไม่สนใจ ปล่อยให้ผอมแห้ง

จนกระทั้งวันหนึ่ง หมอบอกว่า เศรษฐีคนนี้ ป่วยเป็นมะเร็ง ระยะสุดท้าย เศรษฐีก็นึกถึง ภรรยา 4 คน เราจะทิ้งเขา จะดูกระไรอยู่ จะตายอย่างเงียบเหงา ว่าแล้วไปชวนให้ตายตามกันไปซักคนจะดีกว่า เพื่อเป็นเพื่อนในปรโลก

เศรษฐี จึงไปหา ภรรยาคนที่รักมากที่สุด บอกว่า “ น้อง..พี่กำลังจะตายแล้ว เธอตายตามไปกับฉันไหม ”

ภรรยาคนที่ 4 บอกว่า “ ไม่มีทาง ” พูดเสร็จก็เดินหนีไป เศรษฐีช๊อคเลย จึงไปหาภรรยาคนที่ 3

ภรรยาคนที่ 3 บอกว่า “ รีบตายเลยนะ ฉันจะได้มีผัวใหม่ ” นี่หนักเขาไปอีก แล้วเศรษฐีก็ไปหาภรรยาคนที่ 2 ที่เป็นเพื่อนคู่คิด

ภรรยาคนที่ 2 บอกว่า “ ถึงจะรักกัน ก็ส่งแค่เชิงตะกอน ไปเผาที่เมรุให้ จะให้ตายตาม ไม่ยอม ” ในขณะที่เศรษฐีหมดหวัง เศรษฐีก็ได้ยินเสียง ภรรยาคนที่ 1 พูดขึ้นมาเบาๆ ว่า “ พี่ตาย น้องก็จะตายตามด้วย ” พอเศรษฐีหันไป เศรษฐีรู้สึกเสียใจ ที่ปล่อยทิ้งภรรยาคนที่ 1 ไม่อยู่ในสายตา แต่ภรรยาคนที่ 1 คนนี้รักเศรษฐีเหลือเกิน จะตามไปอยู่ปรโลกด้วย

ดร.พระมหาประยูร บอกว่า ชีวิตของคนเราก็เหมือนเศรษฐีคนนี้ ภรรยา 4 คน เป็นปริศนาธรรม ทุกคนมี 4 อย่าง ด้วยกัน คือ

ภรรยาคนที่ 4 สาวสวย เศรษฐีรักมากที่สุด มีเงินก็ให้ มีเครื่องประดับก็ให้ มีของอะไรต่างๆ ปรนเปรอ ให้ หมายถึง ร่างกายของคนเรา เราแต่งหน้าแต่งตาทุกวัน มีอาหารดีๆ ก็ ปรนเปรอก่อน พอเราตาย ก็นอนนิ่งไม่ไปกับเรา แต่เรากลับเอาใจใสร่างกายของเรามาก

ภรรยาคนที่ 3 ที่สาวสวย เข้าสังคม เศรษฐีตาย ฉันจะมีผัวใหม่ หมายถึง ทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง พอเราตาย ก็เปลี่ยนเจ้าของใหม่ บ้าน รถ คนอื่นก็เอาไป

ภรรยาคนที่ 2 ที่เป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ หมายถึง ญาติ สนิท มิตรสหาย ตายไปเขาก็ไปส่งที่เชิงตะกอน

ส่วน ภรรยาคนที่ 1 หมายถึง บุญ กุศล เวลาเศรษฐีมีชีวิตอยู่ หาแต่ เงิน ทอง ไม่มีเวลาทำบุญ บุญจึงผอมแห้งแรงน้อย เหมือน ภรรยาคนที่ 1 แล้วพอจะติดตามไป ก็ไปได้ไม่มาก

ดร.พระมหาประยูร ให้เราเอาใจใส่ในภรรยาคนที่ 1 คือ การทำบุญ ทำกุศล แล้ว บุญ กุศล จะเป็นเสบียงติดตามตนไปสู่ปรโลก พระพุทธเจ้าตรัส ว่า ปุญญานิ ปรโลกัสมิง ปติฏฐา โหนติ ปาณินัง ” บุญทั้งหลายเป็นที่พึ่งของสัตว์ผู้ละโลกนี้ ไปสู่โลกหน้า และท่านยังมีวลี ที่เข้าใจแบบง่ายๆ ว่า

บาป คือ พวกปล้น

บุญกุศล คือ สมบัติใหญ่

ชีวิต คือ การเดินทาง

เรือนร่าง คือ ศาลาอาศัย

เรื่องของคำว่า “ บุญ ” เป็นสิ่งที่ผู้เขียนเห็นว่า คงต้องให้แต่ละท่านสัมผัสด้วยตนเอง ทั้งทาง กาย วาจา ใจ หรือ ในจิตของแต่ละท่าน ด้วยแนวทางที่ได้รับคำแนะนำจากผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผ่านบทคำสอน ผ่านพระสงฆ์ผู้ศึกษาในเรื่องราวที่ว่าด้วยธรรมะ หรือ ผ่านการฟัง การอ่าน การพบเห็น จากสื่อต่างๆ ที่มีเรื่องราวในสิ่งที่ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ได้บอกเล่า แล้ว จารึกต่อๆ กันไว้ หรือ เรื่องราวที่ว่าด้วย “ ธรรม ” นั้นเอง

ขออนุโมทนาบุญ กับ ทุกท่าน ที่ได้ สร้างบุญ ทำบุญ หรือ ก่อให้เกิดบุญ

ขอขอบคุณทุกแหล่งข้อมูลธรรมะ

ผึ้ง สารพัดธรรม
.tnnthailand.com


“ บุญ ”  แท้จริง คืออะไร  ?????

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์