ทําไมการปฏิบัติที่ก้าวหน้าอยู่ดีดีในตอนแรก ถึงหายไปหรือหยุดความก้าวหน้า

ขอขอบคุณ Trader Hunter พบธรรม

สิ่งหนึ่งที่ดึงเรา คือความสับสนความลังเลสงสัยนี้หล่ะครับ จริงๆแล้วการปฏิบัติที่ทําอยู่จะได้สลับระหว่าง สมถะกับวิปัสสนาอยู่ถ้าไม่ลังเลสงสัย ทําไปเรื่อยๆเล่นๆ แม้ใจเราอยากได้วิปัสสนาแต่บางครั้งหลุดไปสมถะบ้างก็ไม่แปลกครับ ดีในแง่ไปเสริมให้จิตเราตั้งมั่นดีขึ้น แต่ถ้าไปลังเลปุ๊บเนี้ย มันจะไม่ได้อะไรเลยแม้แต่สมถะก็ไม่ได้ไม่ต้องหวังวิปัสสนาหรอกครับยิ่งห่างไปใหญ่(สมถะกับวิปัสสนา ล้วนมีส่วนที่หนุนกันและกัน) จุดนี้เป็นจุดที่เกิดกับผู้ปฏิบัติที่เริ่มรู้อะไรมากแล้ว แต่สิ่งที่รู้มากขึ้นแล้วยังจัดระบบไม่เข้าที่ หรือยังรู้ไม่ชัดแบบลึกๆจริงๆ จะมาทําให้เกิดความลังเลสงสัย ว่าเราทําคลาดเคลื่อนทําผิดตรงไหนหรือปล่าว ทั้งที่ก่อนหน้าที่ทําบนความไม่รู้ชัดทําผิดๆถูกๆ และลองทําเล่นๆกับเกิดความก้าวหน้าเกิดสภาวะบ้างแล้ว แต่พอมารู้เยอะขึ้นพอเริ่มสงสัยเริ่มลังเลสับสน ที่นี้ความก้าวหน้าที่มีหายไปหมด พอหายก็เริ่มอยากได้สภาวะที่เคยได้แว๊ปๆชั่วคราวกลับมาใหม่ ก็จะยิ่งหลุดไปไกลกว่าเดิมอีก ยิ่งหายิ่งไกลห่างออกไปเรื่อยๆ
วิธีแก้ ก็ให้ทําเหมือนคนไม่รู้ครับ สักแต่ว่าทํา ทําเรื่อยๆเล่นๆ ไม่ให้ค่าใดๆ "ไม่มุ่งมั่นแต่ก็ไม่ลดละ ละความลังเลสงสัยเสีย" หากเจตนาเป็นการปฏิบัติแล้ว จะทําคลาดเคลื่อนไปบ้าง เมือ่เจตนาหมดลงจากการทําเรื่อยๆเล่นๆ ก็ยังจะได้ความก้าวหน้าที่สลับกันไปมาระหว่างสมถะกับวิปัสสนาอยู่ดี ดีกว่าลังเลแล้วไม่ได้อะไรจากการปฏิบัติเลย เหมือนทําฟรี การปฏิบัติธรรมนั้นอยู่ที่จิต จิตสําคัญสุด จิตที่บริสุทธิ์ยิ่งได่สภาวะธรรมง่ายๆ จิตที่บริสุทธิ์คือจิตที่ว่างๆไงครับ ที่นี้ว่างเนี้ยเกิดได้สองแบบ คือว่างเพราะไม่รู้อะไรเลยว่างแบบไม่มีอะไรรู้ไม่มีความคิดอะไร กับว่างแบบรู้เยอะรู้ลึกแล้วว่างจริง แต่ไม่ว่าว่างแบบไหนก็ได้สภาวะธรรมทั้งนั้นครับ แล้วพอเราได้สภาวะไปแล้ว ปัญญาญาณจะเกิดกับเราเอง สิ่งที่เราไม่ได้รู้อะไรมาก่อนเราจะค่อยๆเริ่มรู้ธรรมได้เองครับ แต่ถ้าไปลังเลสงสัยมากๆ พยายามรู้มากๆรู้เยอะๆก่อนมักจะกลายเป็นไปติดอยู่กับการเป็นผู้รู้ครับ ที่รู้อะไรเยอะรู้ลึกแบบความคิดคือไปอ่านไปฟังเขามา ศึกษามาเป็นสิบๆปี แต่ตนเองกับไม่ได้เกิดสภาวะใดๆกับจิตใจตนเองเลย ปัญญาญาณจึงไม่เกิด การบรรลุธรรมได้เองจึงไม่มี ยังติดอยู่กับรักโลภโกรธหลง เหมือนเดิม ลองสังเกตุสิครับบางท่านที่รู้มากๆรู้เยอะๆ แต่เถียงเพื่อจะเอาชนะกันแทบตาย ตัวตนโผล่มาเต็มไปหมดไม่รู้ตัว แต่ถ้ารู้ได้จากใจตนนี้ สภาวะที่ได้มันทําให้รักโลภโกรธหลง เจือจางลงไปเรื่อยๆ พวกนี้จะไม่เถียงเพื่อเอาชนะกับใครหรอกครับ เขาแค่ต้องการบอกเพื่อจะช่วยเท่านั้น ไม่ได้ต้องการสิ่งอื่นใดๆหรือเอาชนะผู้ใดเลย เพราะตัวตนเขาลดน้อยลงไปเรื่อยๆครับ

 ทําไมการปฏิบัติที่ก้าวหน้าอยู่ดีดีในตอนแรก ถึงหายไปหรือหยุดความก้าวหน้า

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์